บท
ตั้งค่า

บทที่๕...งานวัด (๑)

บทที่๕...งานวัด

หลังจากเสร็จงานชายหนุ่มรีบรุดกลับบ้านอย่างรวดเร็ว คิดถึงหญิงสาวที่ตนเองกำลังตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น ไม่ได้เจอกันกว่าหนึ่งสัปดาห์หล่อนจะคิดถึงเขาบ้างหรือเปล่า ได้แต่สงสัยแล้วก็อมยิ้มเพียงลำพัง มองของฝากที่ซื้อหลากหลายจากเมืองหลวงมาให้เธอ

ลืมคิดเสียสนิทว่าอีกฝ่ายก็เพิ่งจากเมืองกรุงมาได้ไม่นาน ถึงบ้านหลังงามก็เห็นป้ายด้านหน้าเปลี่ยนจากไร่ยายจันทร์เป็นสวนยายจันทร์ คงเป็นอรนลินที่จัดแจงทุกอย่าง

“อ้าวคุณเต้ กลับจากกรุงเทพฯแล้วเหรอครับ” ลุงน้อยเดินมาจากหลังบ้านเห็นเกษตรอำเภอที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดีกำลังนั่งรอคุณหนูของตนอยู่ม้านั่งยาวตรงสวนหน้าบ้านจึงได้เอ่ยทัก ไม่เห็นเสียหลายวันได้ยินว่าไปสัมมนา

ข้าวของมากมายวางอยู่ข้างกายชายหนุ่ม มองปราดเดียวก็ทราบทันทีว่าคงเป็นของฝาก แต่ร่างสูงกลับยื่นให้ลุงถึงสามสี่ถุงด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

“กลับมาตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นแล้วครับ เพิ่งมีโอกาสมาหา ผมซื้อของฝากมาให้ลุงน้อย ป้าสายแล้วก็ชัดเจนด้วย ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่า” คนสูงวัยรีบรับจากมือชายรุ่นลูกด้วยความเกรงใจ

“ไม่เห็นต้องซื้อมาฝากเลยครับ ลำบากคุณเต้เปล่าๆ” คนฟังส่ายหน้าทันที

“ไม่ลำบากอะไรเลยครับ ระหว่างทางก็ต้องแวะร้านประจำอยู่แล้ว ซื้อของมาให้แค่นี้เอง” อธิบายพร้อมพูดคุยกับลุงน้อยสักพักก่อนที่แกจะขอตัวกลับไปดูแลสวนผลไม้ ช่วงนี้กำลังออกดอกออกผล ดีที่มีผลไม้หลากหลายชนิดตามฤดูกาลในสวน จึงได้เด็ดผลของมันไปขายตลอดทั้งปี

รายได้อาจไม่เยอะแต่ก็พอจุนเจือครอบครัว ยิ่งอรนลินให้เงินค่ากินอยู่ทำให้มีเงินเก็บ ค่าน้ำค่าไฟไม่ได้จ่าย อาหารการกินเจ้าของบ้านก็ให้เงินไว้ใช้ เรียกได้ว่าแทบไม่เสียอะไรเลย ยิ่งทำให้ลุงกับป้ารักหลานสาวของยายจันทร์มากยิ่งขึ้น ทำงานอย่างถวายหัว

พ้นร่างของชายสูงวัยดวงตาคมก็จ้องที่ประตูรั้ว ป้าสายบัวบอกว่าคุณหนูของนางไปส่งขนมในตัวเมือง อีกไม่นานก็คงกลับ แต่เหมือนเขาจะร้อนใจอยากพบหล่อนเร็วๆ ได้แต่ชะเง้อคอยจนคอยาวแทบจะเป็นยีราฟ

พอได้ยินเสียงรถกระบะแล่นเข้ามาก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ประตูรถข้างคนขับเปิดออกก่อนที่หญิงสาวซึ่งเขาคะนึงหาได้ลงจากพาหนะ แย้มยิ้มพร้อมทักทายด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนดั่งเคย จนอดไม่ได้ที่จะฉีกยิ้มกว้าง

“คุณเต้มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” น้ำเสียงหวานปานน้ำผึ้ง ท่วงท่าการเดินตรึงสายตาของเขาเอาไว้ที่หล่อนเพียงผู้เดียว จนไม่เห็นว่าใครเดินตามหลังมาด้วย

“มาได้สักพักแล้วครับ พอดีผมซื้อของฝากมาให้คุณอ้าย ไม่รู้ว่าจะชอบหรือเปล่า” ยื่นถุงขนมทั้งหมดให้หล่อน เป็นเจ้าดังที่ไม่ว่าใครผ่านไปก็ต้องแวะทั้งนั้น พร้อมทั้งกางเกงลายช้างที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมซื้อเสียเหลือเกิน

“ไม่เห็นต้องซื้อมาฝากเลยค่ะ อ้ายเกรงใจ” พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบส่ายศีรษะทันที

“ไม่ต้องเกรงใจเลยครับ ผมเต็มใจซื้อมาให้คุณอ้าย” หล่อนรับมาถือไว้พลางค้อมศีรษะให้คนตรงหน้า ทว่าถุงทั้งหลายกลับถูกชายหนุ่มอีกคนคว้าอย่างรวดเร็ว เล่นเอาเตชินยิ้มค้างยามได้มองใบหน้าคมแสนหล่อเหลา

เค้าลางไม่ค่อยดีเสียแล้ว ชายหนุ่มหล่อที่ยืนข้างอรนลินทำไมดูเหมาะสมกันขนาดนี้ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร มาที่นี่นานแค่ไหน และสนิทกับหญิงที่เขาหมายปองมากเพียงใด ใจเริ่มกระวนกระวายก่อนจะถอนสายตามามองเจ้าของบ้าน

“คุณอ้ายไปส่งของมาเหรอครับ เสียดายที่ผมไม่ได้มาช่วย คุณอ้ายคงเหนื่อยแย่เลย” น้ำเสียงแสนเสียดายจนร่างสูงหมั่นไส้ เขาคิดว่าชายผู้นี้คงเป็นอีกคนที่มาติดพันภรรยาของตนเอง อรนลินก็เสน่ห์แรงเสียเหลือเกิน มาอยู่บ้านไม่ทันถึงเดือนมีชายแวะเวียนมาหาแทบไม่ซ้ำหน้า

หนุ่มนักดนตรีหน้าตาบูดบึ้งยามเห็นหล่อนแย้มยิ้มให้ชายอื่น อยากแสดงความเป็นเจ้าของแต่รู้ดีว่าถึงมีทะเบียนสมรสตนก็มีชนักติดหลัง ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่นัก แถมภรรยายังขู่จะฟ้องวันละหลายรอบจนเริ่มถอดใจ

“ไม่ต้องเสียดายหรอกครับ มีผมช่วยอยู่ทั้งคนอ้ายไม่เหนื่อยหรอก” แทรกขึ้นก่อนที่ร่างบางจะได้พูดอะไร หล่อนหันไปมองสามีพลางส่งสายตาดุ ทว่าเขาไม่ได้ยี่หระหรือเดือดร้อนแต่อย่างใด กลับจ้องไปยังเกษตรอำเภอที่มองมาเช่นเดียวกัน

“ผมลืมแนะนำตัว ผมชื่อปูรณ์นะครับ” เตชินมองอีกฝ่ายแล้วพยักหน้าพลางส่งยิ้มให้เล็กน้อย

“ครับ ผมเตชินเรียกว่าเต้ก็ได้ครับ เป็นเกษตรอำเภอดูแลสวนยายจันทร์” บอกถึงตำแหน่งหน้าที่การงานของตนเอง ทั้งที่จริงอยากบอกสถานะกับอรนลินด้วย แต่เป็นเพียงแค่เพื่อนเท่านั้นจึงไม่อาจเกทับปูรณ์ได้อย่างที่ใจคิด

“ผมเป็นสามีของอ้ายครับ” เกษตรอำเภอหนุ่มรับรู้ถึงแรงของค้อนที่ทุบลงบนศีรษะ แทบล้มทั้งยืนแต่ก็ฝืนตัวเองเอาไว้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าหล่อนจะมีสามี เหลือบมองนิ้วนางข้างซ้ายที่ไม่มีแหวนจับจองก็สับสนกว่าเดิม

ทำไมอรนลินไม่บอกว่าแต่งงานแล้ว หรือบางทีเธอส่งสัญญาณมาหลายครั้งแต่เขาเองที่เมิน ร่างสูงนึกทั้งที่อยู่ในอาการวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม จากนารีเพียงแค่เจ็ดวันหล่อนดันมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนเสียแล้ว

หรือเพิ่งแต่งงาน...

“พะ เพิ่งแต่งเหรอครับ ผมไม่เห็นทราบมาก่อน” ถามเสียงสั่นแล้วมองอรนลินที่ยังไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ อยากบอกว่ากำลังจะหย่าแต่ก็ยั้งปากเอาไว้ หล่อนไม่อยากให้ความหวังเตชิน เพราะอย่างไรก็เห็นเขาเป็นเพื่อน ไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่านั้น

อีกอย่างการหย่าก็เป็นเรื่องของปูรณ์กับเธอ ไม่ต้องการดึงบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะแค่สองคนก็แทบจะบ้าตายอยู่แล้ว

“คุณจำเป็นต้องรู้ด้วยเหรอครับ” แววตาที่อีกฝ่ายจ้องมาหนุ่มนักดนตรีรู้สึกไม่ชอบสักนิด มันมีความกังขาอยู่ในนั้น และต้องการจะแย่งหญิงสาวอันเป็นที่รักของเขาไป

ความรู้สึกลึกๆ บอกให้ระวังเตชินเอาไว้ และปูรณ์ก็เชื่อในสัญชาตญาณของตนเอง เพราะฉะนั้นต้องไม่ประมาทและปล่อยสองคนนี้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด

“อ้ายแต่งงานมาห้าปีแล้วค่ะ ขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณเต้” ตัดบทอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าเรื่องกำลังจะเลยเถิด และดูเหมือนว่าคนของหล่อนจะหาเรื่องเกษตรหนุ่ม ต้อนจนอีกฝ่ายแทบจะจนมุมอยู่แล้ว ไม่รู้เกลียดอะไรนักหนา

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค” ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ใบหน้าคมกลับซีดราวไก่ต้ม พยายามยิ้มแต่มันดูฝืนจนปูรณ์อยากบอกให้หุบยิ้ม

“คุณเต้มีอะไรอีกหรือเปล่าคะ” เห็นเขาไม่ไปสักทีจึงถาม หล่อนเหนื่อยอยากเข้าไปพักผ่อนในบ้านแต่ก็เกรงใจแขก

“ผมอยากชวนคุณอ้ายไปงานวัดสัปดาห์หน้า แต่ไม่เป็นไรครับ” อีกไม่กี่วันจะมีงานบุญ เขาเห็นว่าหล่อนชอบเข้าวัดทำบุญจึงอยากชวนไปด้วยกัน ทว่าพอเจอเหตุการณ์นี้ก็ตั้งตัวแทบไม่ทัน สมองมันเบลอไปหมดก่อนจะบอกตัวเองว่าคงต้องตัดใจ

“ไปสิคะ อ้ายอยากไป” หน้าตาตื่นเต้น หล่อนเผลอคิดไปถึงช่วงวัยเด็กที่ได้ไปงานวัดกับคุณยายและเพื่อนๆ ความทรงจำเหล่านั้นมันอาจจะจางลงไปบ้าง ทว่าความรู้สึกสนุกและความสุขยังคงชัดเจนเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ก็ยังจำได้

ไม่ได้ไปงานวัดนานแค่ไหนแล้วนะ ใบหน้าหวานแย้มยิ้มกับตนเองยามนึกถึงอดีตซึ่งไม่มีวันหวนกลับ แต่เตชินหลงละเมอกับรอยยิ้มแสนหวานนั้น ขณะที่ปูรณ์ไม่ค่อยชอบใจสักเท่าไหร่ยามเห็นชายอื่นมองเมียตัวเองตาเยิ้มแบบนี้

“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่พาไป” ตัดไฟเสียแต่ต้นลม ไม่อยากให้หล่อนไปข้องเกี่ยวกับชายอื่น เพราะลำพังเขาต้องง้อขอคืนดีก็ยากแล้ว ถ้ายังมีคู่แข่งอีกไม่รู้ว่าจะได้เริ่มต้นความสัมพันธ์อีกครั้งหรือเปล่า

รอยยิ้มของเตชินค่อยจางลงก่อนจะกลายเป็นราบเรียบ ลืมไปเสียสนิทว่าหล่อนมีสามีแล้ว ก็คงอยากไปกับสามี

“อ้ายไปเองได้ค่ะ ขอบคุณสำหรับของฝากนะคะคุณเต้” บอกสามีด้วยใบหน้าเรียบเฉยก่อนจะหันมายิ้มให้เตชินแล้วเดินเข้าบ้าน ทำเอาปูรณ์ต้องรีบเดินตามแล้วขันอาสา ไม่อยากให้หล่อนไปคนเดียวแล้วเจอพวกริ้นไรจ้องจะไต่จ้องจะตอม

“พี่พาไปเอง อ้าย พี่บอกว่าจะพาไปไง” เดินตามร่างบางเข้าบ้าน เหลือเพียงชายอีกคนที่มองตามทั้งสองก่อนจะทรุดนั่งลงยังเก้าอี้ตัวยาว

ดวงตาคมเหม่อลอย ไม่คิดว่าจะอกหักเร็วขนาดนี้ ทั้งที่เพิ่งเริ่มรู้จักกันได้ไม่นาน เขาผิดเองที่ไม่ถามไถ่ให้แน่ชัดว่าหล่อนมีเจ้าของหรือไม่ สุดท้ายก็เป็นตนเองต้องพานพบกับความผิดหวัง ถอนหายใจเสียงดังก่อนลุกยืนแล้วเดินไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์เพื่อกลับบ้าน

ความรักครั้งนี้ยังไม่ทันได้เริ่มก็ล่มเสียแล้ว...

“เต้ มากินข้าวเร็วลูก” เสียงมารดาเรียกบุตรชายเมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เขาลงมาจากบนบ้านแล้วร่วมรับประทานอาหารกับบิดามารดา แต่ก่อนท่านทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ พออายุ 60 ปีก็ออกจากราชการแล้วมาซื้อที่ดินอยู่หมู่บ้านแห่งนี้

ทำสวนและงานฝีมือตามความถนัด บางวันก็พากันออกไปทำบุญจังหวัดอื่นกับเพื่อนๆ ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเท่าไหร่ หน้าตาสดชื่นแจ่มใสกว่าตอนทำงานเสียอีก เป็นห่วงก็แต่มารดาที่เป็นความดัน ส่วนบิดาเป็นโรคกระเพาะก็ต้องดูแลกันไป เขาจ้างแม่บ้านมาทำงานและช่วยดูแลท่านทั้งสอง ซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนที่อยู่หมู่บ้านแห่งนี้มานานนั่นเอง

“อิ่มแล้วเหรอลูก วันนี้ทำไมกินน้อยนักล่ะ” คุณปราณีถามบุตรชาย เพราะปกติเห็นขอเพิ่มสองจานตลอด

“ผมกินจากข้างนอกมาแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ดื่มน้ำเสร็จก็ออกจากโต๊ะอาหาร เดินไปนั่งเล่นอยู่สวนหลังบ้านไม่กลัวว่ายุงจะกัดสักนิด

ถอนหายใจหลายรอบยามนึกถึงหญิงสาวที่ตนหมายปอง กลับมีสามีเป็นตัวเป็นตน และเขาไม่สามารถแทรกเข้าไปในความสัมพันธ์นั้นได้เลย ยิ่งมองก็เห็นถึงความเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก เพิ่งรู้แน่ชัดจากใจว่าประโยคนี้มันเกิดมาเพื่อคนทั้งสองจริงๆ

เสียงหายใจลูกชายเจ้าของบ้านดังจนป้ายุพินที่รับจ้างทำงานบ้านได้ยิน นางเดินออกมาดูเห็นชายหนุ่มทำหน้านิ่วคิ้วขมวด

“เป็นอะไรคะคุณเต้” ถามด้วยความสงสัย เขากำลังจะส่ายศีรษะแต่หยุดเอาไว้ได้ก่อน ถ้าถามข้อมูลเล็กน้อยจากป้าคงรู้เรื่องมากกว่าเดิม

“ป้ารู้จักคุณอ้ายกับคุณปูรณ์ไหมครับ” คนในต้องรู้เรื่องของสองคนนี้แน่ และเขาก็ไม่ผิดหวังเพราะป้ายุพินนั้นออกตัวอย่างแรง

“ทำไมจะไม่รู้จักคะ คุณอ้ายก็หลานยายจันทร์ คุณปูรณ์นี่ครอบครัวเป็นเศรษฐี มีบ้านพักที่นี่เลยมาบ่อย แต่ช่วงหลังไม่ค่อยมาแล้วค่ะเพราะแกยุ่ง” เตชินเริ่มสนใจเรื่องราวของสองหนุ่มสาว จนต้องขยับที่ว่างให้คุณป้าได้นั่งพูดคุย แต่เขาก็ต้องทำใจไว้ว่าเรื่องราวอาจจะเชื่อไม่ได้ทั้งหมด ในเมื่อถูกเล่ามาปากต่อปาก

“แล้วยังไงต่อครับ เขาแต่งงานกันตอนไหน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ถึงจะรู้จากอรนลินแล้วว่าหล่อนแต่งงานห้าปี แต่ก็ต้องการลองเชิงว่าป้ายุพินรู้เรื่องจริงเท็จแค่ไหน

“นานแล้วค่ะ ไม่แน่ใจว่ากี่ปีป้าก็จำไม่ได้ สี่หรือห้าปีนี่แหละค่ะ แต่ว่าเห็นเขาบอกกำลังระหองระแหงกัน คุณปูรณ์มาอยู่ที่นี่ได้สองสามอาทิตย์ คุณอ้ายก็ย้ายกลับมาแต่อยู่คนละหลัง ไม่กี่วันก่อนเห็นคุณอ้ายไปอำเภอ คนแถวนั้นพูดกันว่าเธอจะไปหย่ากับผัว แต่ว่าคุณปูรณ์ไม่ยอมมาตามนัด” ยิ่งพูดก็ยิ่งสนุกจนหยุดแทบไม่ได้

ในขณะที่เตชินก็พยักหน้าตาม วิเคราะห์จากสิ่งที่เห็นวันนี้เขาก็สัมผัสได้ถึงความไม่ค่อยลงรอยของสามีภรรยา แต่ไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะอารมณ์ผิดหวังของตนมันเด่นชัดจนไม่ได้สังเกตการณ์กระทำของทั้งสองที่มีต่อกัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel