บทที่ 4 โอกาสแสนบัดซบ (2/2)
"คุณหนูและฮูหยินรองหายไปขอรับ" เสียงบ่าวในจวนเอ่ยหน้าตื่น
สือจินรุ่ยโมโหจนถึงขีดสุด เขายกมือขึ้นคลึงหว่างคิ้วพลางหลับดวงตาพยายามระงับโทสะ สือเสี่ยวเย่เดินอาด ๆ เข้ามาด้านในก็ให้ต้องงุนงงกับความอลหม่านในจวน
"ท่านพี่เกิดเรื่องใดหรือเจ้าคะ"
"มู่หรานและลี่ผิงหนีไปแล้ว"
"หนีไป!" เสียงแหลมแผดดังลั่นด้วยอาการตื่นตระหนก
สือจินรุ่ยขมวดคิ้ว "เสียงดังหนวกหูนัก"
"แล้วจะทำอย่างไรเล่าเจ้าคะ" น้ำเสียงของนางร้อนรน แผนสำรองที่วางเอาไว้ต้องพังครืนไม่เป็นท่าอีกแล้วหรือ เหตุใดสือลี่ผิงจึงปีกกล้าขาแข็งได้เพียงนี้
สือจินรุ่ยตวัดสายตามอง กล่าวลอดไรฟัน "เพราะเจ้าไม่ใช่หรือ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ เจ้ากดขี่พวกนางเกินกว่าเหตุ"
"ท่านพี่ จะกล่าวหาเพียงข้าได้อย่างไรเจ้าคะ ท่านเองก็ไม่ต่างจากข้า"
"หุบปาก!" สือจินรุ่ยตวาดลั่น
สือเสี่ยวเย่หน้าซีดเผือดสะดุ้งตัวโยน นางผินหน้าประกาศเสียงดังก้อง "แยกย้ายกันออกตามหาพวกนาง หากวันนี้ไม่พบก็อย่าได้เสนอหน้ากลับมา"
"ขอรับ/เจ้าค่ะ"
บ่าวในจวนต่างแยกย้ายออกตามหาสือลี่ผิงให้จ้าละหวั่น กว่าที่นางจะหลุดรอดออกจากวังวนบ่าวรับใช้ได้เส้นทางทุลักทุเลอยู่ไม่ใช่น้อย โชคดีนักที่จ้าวหวินยื่นมือเข้ามาช่วยนำทาง
จ้าวหวิน "ลี่ผิงเป็นอย่างไรบ้าง"
"ไม่เป็นไรข้ายังไหว ท่านช่วยพาท่านแม่ข้าไปที่โรงเตี๊ยมได้หรือไม่" สือลี่ผิงแหงนมองอีกฝ่าย พลางสลับกับมารดาของตน
"แล้วเจ้าเล่า" จ้าวหวินเป็นกังวลใจ หากเขาไปส่งฮูหยินรองเช่นนั้นการออกตามหาเรือเพื่อมุ่งหน้าไปต้าโจวนางจะไปผู้เดียวหรือ
สือลี่ผิง "ข้าจะเร่งไปหาเรือ เหลือเวลาไม่มากแล้ว"
"เจ้าเป็นสตรีไปผู้เดียวได้อย่างไรกัน" คิ้วเข้มขมวดมุ่น
สือลี่ผิงระบายหายใจอ่อน "ท่านไม่ต้องกังวล ตอนนี้ร่างกายของข้าแข็งแรงดี อีกทั้งทางหนีทีไล่ข้าย่อมรู้ว่าควรทำเช่นไร"
แม้ตอนนี้สือลี่ผิงกำลังฝืนชะตา ทว่านางกลับรู้ว่าควรไปเส้นทางใด ดูเหมือนสือลี่ผิงคนนี้พยายามหาทางหนีหลายครา เพียงแต่เวลานั้นนางช่างอ่อนแอซ้ำยังโง่เขลา ขลาดกลัวไปหมดทุกอย่าง ทำให้แผนการล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นนั้นนางจะเป็นผู้สานต่อเจตนารมณ์เอง หวังเพียงว่าการที่พวกนางมีชะตาต้องกันจนต้องอาศัยร่างเดียวกันเพื่อดิ้นรน จะทำให้สือลี่ผิงเจ้าของร่างสมหวังและมีความสุขกับเขาบ้าง
"ลี่ผิง ไม่ได้นะลูก ทางไปท่าเรือช่างมืดนัก" มู่หรานส่ายศีรษะเป็นพัลวัน พลางจับมือของนางไว้แน่น
สือลี่ผิงพยายามแกะมืออันเหนียวหนึบของมารดาตนออก พลางประคองส่งให้จ้าวหวิน นางยกหมวกที่ติดอยู่กับผ้าคลุมไหล่ตัวโคร่งขึ้นบดบังใบหน้าเดี๋ยวนั้น "ไม่มีเวลาแล้ว ท่านแม่รอข้าอีกนิด" สือลี่ผิงแหงนมองคนตัวสูงซึ่งยืนหน้าหม่นทะมึนบอกบุญไม่รับ "จ้าวหวิน เจ้าอย่าได้งอแงเป็นเด็ก ๆ ไม่เกินสองชั่วยามข้าจะกลับมา"
กล่าวจบขาเรียวจึงถลันจากไปโดยไม่เหลียวหลังอีก
"ลี่ผิง!"
จ้าวหวินและมู่หรานต่างตะโกนไล่หลัง เจ้าของร่างสูงตั้งท่าวิ่งตามนางออกไป ทว่ากลับมีอีกคนที่ต้องดูแล เขาจึงทำได้เพียงทอดถอนใจ และมองสตรีร่างบอบบางหายเข้าไปใต้ความอนธการ จ้าวหวินตงิดใจพิกล ไฉนสือลี่ผิงพบเขาหนนี้ นางช่างใจกล้าและเด็ดเดี่ยวนัก
.
.
สือลี่ผิงออกวิ่งโดยไม่หยุดพัก นางต้องเร่งไปให้ถึงท่าเรือก่อนรุ่งสาง เวลาไม่คอยท่าแล้ว แม้ระหว่างทางช่างวิเวกวังเวงเพียงใดก็ไม่อาจสั่นคลอนจิตใจที่แน่วแน่ของนาง ความอัปยศอดสูหรือ นางผ่านมาหมดแล้ว จะมีสิ่งใดที่น่ากลัวกว่าจิตใจของคนอีกเล่า วิ่ง ๆ อยู่ก็พลันต้องสะดุดขาตนจนล้มกลิ้ง
"โอ๊ย!"
สือลี่ผิงพยุงกายลุกขึ้นเดี๋ยวนั้นโดยไม่สนใจว่าจะบาดเจ็บหรือไม่ พลันออกวิ่งตุปัดตุเป๋ ทว่ายังไปไม่ถึงไหน ดวงตาของนางกลับมืดสนิท ประดุจมีบางสิ่งคลี่คลุมลงมาบนศีรษะ เรือนกายของนางลอยหวือขึ้นจากพื้น ทุกสิ่งกำลังพลิกด้านลง
สือลี่ผิงเบิกตากว้างตะลึงลาน "ผู้ใด!? ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!"
"เงียบ! หากร้องเสียงดังข้าจะตัดลิ้นเจ้าซะ"
สือลี่ผิงถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า เสียงทุ้มซึ่งตะเบ็งต่อว่าทำให้จิตใจของนางร่วงลงไปถึงเบื้องล่าง เสียงหัวใจเต้นกระหน่ำจนรู้สึกอ่อนล้าโรยแรง หรือนางไม่อาจฝืนโชคชะตาได้จริง ๆ นางกำลังถูกจับกลับไปอย่างนั้นหรือ เกิดใหม่ร่างผู้อื่นแล้วยังต้องกลายเป็นคนจนตรอกเช่นเดิม สวรรค์ได้โปรดอย่าให้โอกาสนางเลยดีกว่า บัดซบเป็นที่สุด
