บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ข้าไม่ใช่สตรีที่ท่านต้องการ

ตุบ!

"โอ๊ย!"

ร่างบอบบางถูกโยนลงพื้นอย่างไม่ปรานี ตลอดเส้นทางสือลี่ผิงพยายามด่าทอทุบตีบุรุษปริศนาเสียจนสิ้นไร้เรี่ยวแรง มีอย่างที่ไหน ยกร่างสือลี่ผิงขึ้นบ่าแข็งราวแผ่นเหล็กไม่หนำใจ เขายังวางตัวของนางพาดเอาไว้บนหลังม้า ขณะที่อาชาห้อตะบึงไปเบื้องหน้าความจุกเสียดก็พลอยแล่นปร๊าดเข้ามาบริเวณช่องท้องเสียจนแทบอาเจียน

พรึบ!

ผ้าคลุมศีรษะถูกปลดออก สือลี่ผิงพยายามปรับรูม่านตาของตนเพื่อให้สามารถมองภาพเบื้องหน้าได้ชัดถนัดตา ทว่านางพิศมองเพียงใดบุรุษตรงหน้าก็ยังประดุจเงาสูงใหญ่เงาหนึ่งเท่านั้น

"ท่านเป็นใคร เหตุใดต้องทำกับข้าถึงเพียงนี้"

เจ้าของร่างสูงนั่งไขว้ขาอยู่บนเก้าอี้ไม้เนื้อดี ทว่าสือลี่ผิงกลับมองหน้าของเขาไม่ชัดนัก เนื่องจากด้านในเป็นห้องขนาดไม่กว้างมาก ซ้ำยังมืดมนทึมทึบ มีเพียงแสงสว่างจากเชิงเทียนที่ส่องสะท้อนอยู่เบื้องหลัง อีกฝ่ายมองเห็นนางได้กระจะตา เขาทอดสายตามองสตรีบนพื้นพลางเหยียดยิ้มหยามหยัน

"เจ้าหรือ สืออี้หนาน" เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ

เสียงคุ้น ๆ ปวดหัวนัก

ความทรงจำประหลาดผุดขึ้นอีกระลอก สือลี่ผิงปวดหนึบบริเวณศีรษะจนแทบระเบิดออกมา

สือลี่ผิงนิ่วหน้า "สืออี้หนานหรือ ข้าไม่ใช่!"

"โกหก!"

สือลี่ผิงสะดุ้งตัวโยน นางเพียงสลับตัวตนกับสืออี้หนานชั่วประเดี๋ยวเท่านั้น ไยตอนนี้มีศัตรูของสืออี้หนานคิดทำร้ายนางอย่างนั้นรึ หรือว่าสืออี้หนานถูกบุรุษเบื้องหน้าชมชอบ ทว่าเมื่อไม่อาจครอบครองเขาจึงต้องการข่มเหงนาง

"เอ่อ...ท่าน นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ใช่สืออี้หนาน ข้านามว่าสือลี่ผิง"

"หึ!" เสียงทุ้มแค่นยิ้ม

ชายหนุ่มยืดกายขึ้นยืนเต็มความสูง เขาย่างสามขุมเข้าใกล้สตรีบนพื้นด้วยท่าทีใจเย็น สือลี่ผิงช้อนดวงตามองอีกฝ่าย เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ยิ่งทำให้หัวใจของสือลี่ผิงเต้นดังกระหน่ำ นางพยายามกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคออย่างลำบากยากยิ่ง เจ้าของร่างสูงยอบกายลง เขาเอื้อมจับปลายคางโค้งมนให้เชิดขึ้น

สือลี่ผิงเบิกตากว้างเมื่อเห็นแววตาและใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ดวงตาคมกริบ โครงหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลา ทว่ากลับแฝงไปด้วยไอสังหาร ภาพบุรุษผู้หนึ่งซ้อนทับเข้ามาดั่งสายน้ำหลาก ลมหายใจของนางติดขัดแทบไม่กล้าหายใจแรง

ลู่อี้ฝาน! เป็นเขาได้อย่างไร

สือลี่ผิงคนเดิมเคยได้พบหน้าของลู่อี้ฝานเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ทว่าแววตาเย็นเยียบประดุจหุบเขาน้ำแข็งเช่นนี้ทำให้นางจำได้ไม่มีลืม จึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายถูกกักเก็บไว้ในหนึ่งความทรงจำ เขาดูรังเกียจเดียดฉันท์อนุของลู่เยี่ยนฮ่าวทุกคน และแน่นอนสือลี่ผิงเองย่อมหลีกไม่พ้น

เมื่อก่อนสือลี่ผิงผู้นี้เคยเป็นอนุพ่อของเขา!

นางถึงกับขยาดกลัวขึ้นทันควัน โชคดีนักที่สวรรค์ส่งนางมายังห้วงเวลาที่สือลี่ผิงยังไม่ได้รู้จักกับลู่อี้ฝาน ทั้งยังไม่ตกเป็นอนุของผู้ใด เช่นนั้นควรเร่งตัดไฟตั้งแต่ต้นลม อย่าได้เข้าไปพัวพันกับสองพ่อลูกตระกูลลู่ให้ต้องข่มเหงจิตใจนางอีกเลย

สือลี่ผิงหลุบดวงตาฉับ เปล่งวาจาละล่ำละลักเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก "คะ...คุณชาย ท่านจับผิดคนแล้วเจ้าค่ะ ข้าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางใจใดกับท่าน หากว่าสืออี้หนานเป็นคนทำท่านก็ไปคิดบัญชีกับนางเอาเอง ขะ...ข้าคือสือลี่ผิงจริง ๆ"

"หืม เจ้าบอกว่าตนไม่ใช่สืออี้หนาน ทว่าเมื่อช่วงกลางวันก็เป็นเจ้าไม่ใช่หรือที่ร่ายรำให้ตาแก่นั่นชม" คิ้วเข้มเลิกขึ้นหยั่งเชิง

"กะ...ก็จริงอยู่ที่ว่าเป็นข้า แต่ข้าขอยืนยันว่าข้าไม่ใช่สืออี้หนาน"

นางจะเอ่ยอย่างไรดี คุณหนูรองเปลี่ยนตัวกับคุณหนูใหญ่อย่างนั้นหรือ อีกอย่างใบหน้าของนางช่วงนั้นบวมเป่งดูไม่จืด เหตุใดคนผู้นี้ยังจำได้อีกเล่าว่าเป็นนางที่ร่ายรำเมื่อช่วงบ่าย หรือเขาลอบส่งคนเข้าไปสอดส่องในจวนสกุลสือกัน

ฝ่ามือหยาบระคายพยายามเบี่ยงใบหน้าของนางแลมองซ้ายขวา "หืม...เมื่อช่วงกลางวันยังอัปลักษณ์ดูไม่ได้อยู่เลย น่าแปลก..." ชายหนุ่มซู๊ดปากหนึ่งครา เขาเอ่ยต่อ "ไยตอนนี้แปรผันเป็นสาวงามไปแล้วเล่า"

"ข้า...เอ่อ...จริง ๆ แล้วข้ามีเหตุจำเป็นต้องทำเช่นนั้น แต่ว่าข้าไม่ใช่สืออี้หนานจริง ๆ ท่านต้องการสิ่งใดจากนางกันเล่า หากข้าช่วยได้ก็จะช่วย"

"ต้องการสิ่งใดหรือ บิดาของเจ้าเป็นหนี้ตระกูลลู่เท่าใดเล่า เขาไร้ปัญญาใช้หนี้จนต้องคิดขายลูกสาวกินอย่างไร้ยางอาย ลูกสาวเช่นเจ้าก็ช่างดีเหลือเกินระริกระรี้อยากเข้ามาเสวยสุขในตระกูลลู่เสียจนเนื้อเต้นสิท่า"

สือลี่ผิงค้อนควัก "นี่คุณชาย จะต่อว่าบิดาข้าอย่างไรก็แล้วแต่ท่าน ถึงอย่างไรเขาก็ไม่เคยแยแสลูกเช่นข้า แต่ช่วยฟังข้าสักนิด ว่าข้าไม่ใช่สืออี้หนาน ข้ามีนามว่าสือลี่ผิง"

"โกหกตาใส" ชายหนุ่มกัดฟันกรอด เขาบีบคางของอีกฝ่ายไว้แน่นด้วยความกรุ่นโกรธ

สตรีเช่นสืออี้หนานผู้ใดก็ว่านางเป็นพวกตลบตะแลงราวปีศาจจิ้งจอก ไว้ใจไม่ได้ ซ้ำยังเที่ยวหว่านเสน่ห์กับพวกบุรุษไปทั่วแคว้น เขาไม่เคยสนใจว่านางหน้าตาเช่นไร หรืออยากรู้จักมักจี่กับบรรดาสตรีตระกูลผู้ดีที่เอาแต่ผลัดหน้าขาวแต่งตัวสวยไปวัน ๆ มากนัก งานสืบคดีของหน่วยองครักษ์เสื้อแพรมีตั้งเท่าใด เรื่องไร้สาระพรรคนี้จึงไม่เคยแวบเข้ามาในมโนความคิดเขาสักกระผีกริ้น

ทว่าพิศมองจากใบหน้าของนางตอนนี้คงจริงดังว่า งดงามสะสวยไร้ที่ติเตียน สาวงามแห่งหนานโจวหรือ ก็แค่สตรีเห็นแก่เงินผู้หนึ่ง ริอ่านเอาตัวเข้าแลกกับตาแก่ตัณหากลับ ครั้งนี้นางอย่าหมายใช้มารยาเพื่อหลอกล่อเขาเลย ต่อให้บิดาของเขาเป็นพวกมักมาก กระนั้นลู่อี้ฝานกลับมีนิสัยที่ต่างจากลู่เยี่ยนฮ่าวมากนัก เว้นเพียงพี่ชายต่างมารดาของตนที่นิสัยถอดแบบมาจากลู่เยี่ยนฮ่าวไม่มีผิดเพี้ยน

แรงจากปลายนิ้วยิ่งมีมากขึ้น สือลี่ผิงเริ่มรู้สึกเจ็บปวด โชคดีที่อีกฝ่ายยังมีมโนธรรมไม่มัดมือมัดเท้าของนางเอาไว้เยี่ยงหมูเยี่ยงสุนัข ฝ่ามือเล็กจึงพยายามแกะมือที่แข็งราวคีมเหล็กออกจากปลายคางของตน ทว่ายิ่งดิ้นรนเขากลับยิ่งเพิ่มแรงขึ้นอีกทบทวีคูณ

คนป่าเถื่อน คอยดูเถอะข้าจะไปฟ้องทางการ

"เอ๊ะ!...ท่านนี่เป็นคนเช่นไรกัน ข้าบอกว่าไม่ได้โกหกอย่างไรเล่า ท่านทำเช่นนี้เป็นการลักพาตัวผู้อื่น ข้าจะไปฟ้องทางการ!" สือลี่ผิงขึงดวงตามองเขาอย่างนึกคาดโทษ

ลู่อี้ฝานยิ้มขัน เหตุใดนางจึงใจกล้าเพียงนี้เล่า "อยากฟ้องก็เอาเลย เจ้ามีชีวิตรอดจากวันนี้ให้ได้ก่อนก็แล้วกัน"

"ลู่!...เอ่อ...ท่านจะทำอะไร ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ใช่นาง ต้องให้ย้ำอีกกี่ครั้งกันเล่า คนงี่เง่า"

สือลี่ผิงพยายามสลัดให้ตนหลุดพ้นจากพันธนาการที่เจ็บปวด ทว่าแรงของเขาช่างมหาศาลเหลือล้น ใบหน้าหล่อเหลาโน้มใกล้ลงมาเรื่อย ๆ เสียงทุ้มเอ่ยผะแผ่ว "ทำงานใช้หนี้ วันนี้อย่าคิดจะออกไปจากที่นี่เลย"

ลู่อี้ฝานสลัดมือออกจากใบหน้างาม สือลี่ผิงหน้าหันตามแรงผลักของเขา นางผินหน้ากลับเนิบช้า

ทำงานใช้หนี้ เขาเลอะเลือนไปแล้วหรืออย่างไร

"คุณชาย ข้าสัญญาจะใช้หนี้ท่านแน่นอน แต่ว่าตอนนี้แม่ของข้ารออยู่ ปล่อยข้าไปก่อนได้หรือไม่"

สือลี่ผิงไม่มีเวลาให้คิดมากนัก ตอนนี้นางต้องเอาตัวรอดจากลู่อี้ฝานให้ได้เสียก่อน นางทั้งวิงวอนและหว่านล้อมเขาแต่ดูเหมือนเขากลับไม่แยแสต่อคำพูดของนางเลยสักนิด

"ปล่อยหรือ เจ้าฝันไปเถอะ!"

อยากจะบ้า บุรุษตระกูลลู่เป็นพวกเอาแต่ใจกันทุกคนหรืออย่างไร

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel