บทที่ 3 ข้างามเช่นนี้มาตั้งนานแล้ว
สือลี่ผิงแสร้งตกใจ นางรีบยอบกายลงบนพื้น "ใต้เท้า ท่านโมโหสิ่งใดหรือเจ้าคะ หรือข้างามไม่ถูกใจท่าน"
เสียงทุบโต๊ะดังขึ้นอีกหน ทุกคนต่างพร้อมใจกันสะดุ้งโหยง สือจินรุ่ยเร่งยืนขึ้น ตวัดสายตามองฮูหยินตน นางรีบหลุบดวงตาไม่กล้าสู้หน้าผู้เป็นสามี พลางค้อนควักให้กับสือลี่ผิง แต่ไหนเลยสือลี่ผิงจะคิดใส่ใจ อยากเดินหมากสลับตัวหรือ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก
"ตะ...ใต้เท้าลู่ ท่านใจเย็น ๆ ก่อน แท้จริงหน้าตาของอี้หนานไม่ใช่เช่นนี้ นางคงป่วย" สือจินรุ่ยเร่งแก้ตัว
"ป่วยหรือ อัปลักษณ์เพียงนี้ แล้วภาพนี้เล่ามิใช่นางรึ!" ลู่เยี่ยนฮ่าวยกภาพวาดสาวงามขึ้น
ทันทีที่สือเสี่ยวเย่เห็นภาพเบื้องหน้า ดวงตาพลันเบิกกว้าง นางยกมือทาบอกแทบเกิดลมจับหงายตึง นั่นคือภาพวาดของสืออี้หนานจริง ไยจึงไปอยู่กับใต้เท้าลู่ได้กัน หรือเมื่อครู่เป็นสิ่งที่สือลี่ผิงขว้างมันลงไป
"ลี่ผิง!...เอ่อ...อี้หนาน ใบหน้าของเจ้าไยจึงบวมเจ่อปานนั้น" สือจินรุ่ยเอ่ยเสียงแข็ง
สือลี่ผิงแหงนหน้าขึ้น สภาพใบหน้าของนางแทบดูไม่จืด ปากบวมแก้มปูดไปทุกสัดส่วน ยิ่งมองก็ยิ่งไม่น่าอภิรมย์ สือลี่ผิงขยับปากบวมเจ่ออู้อี้ "ท่านพ่อ หน้าตาของข้าก็เป็นเช่นนี้มานานแล้วนะเจ้าคะ ดูเหมือนว่าชาวบ้านเข้าใจผิดกันไปเอง ข้าก็ว่าข้างามออกนะเจ้าคะ"
สือลี่ผิงลอบยิ้มในใจ นี่เป็นสูตรโอสถเปลี่ยนโฉมซึ่งนางคิดค้นขึ้นเองอย่างคึกคะนองเพื่อเอาตัวรอดจากผู้ชายมักมาก คาดไม่ถึงว่ายังไม่ตกเป็นอนุใครก็ได้ใช้ประโยชน์เสียแล้ว
ลู่เยี่ยนฮ่าวยกมือคลึงขมับ "ใต้เท้าสือ นี่หรือบุตรสาวคนงามของท่าน แล้วอีกคนอยู่ที่ใด!?"
"เอ่อ...ใต้เท้า ใต้เท้าใจเย็นนะเจ้าคะ ดะ...เดิมทีนางสะสวยหาใครเปรียบ ทว่า..."
"ไม่มีทว่าใด ๆ ทั้งสิ้น หากวันนี้ข้าไม่พบหน้าของลูกสาวพวกท่านทั้งสองพร้อมกัน ตระกูลสือก็เตรียมไร้ที่ซุกหัวนอน"
สือจินรุ่ยถึงกับหน้าเสีย ในเมื่อเรื่องบานปลายใหญ่โตก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้แล้ว เรื่องที่ปิดบังคงต้องหารือเพื่อสารภาพกันอีกครา ตอนนี้จะด่าทอทุบตีสือลี่ผิงต่อหน้าผู้อื่นก็ไม่อาจทำได้ เขาจึงจำใจให้บ่าวไพร่ไปตามตัวของสืออี้หนานตัวจริงเข้ามา
"ไปตามลี่ผิงมา!"
"ท่านพี่!" สือเสี่ยวเย่ถึงกับเบิกตากว้าง
หากนางตามตัวลูกสาวคนโตของตนมา คาดว่าคงไม่อาจหลีกพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้แล้ว เดิมทีให้ลูกสาวทั้งสองสลับชื่อกันก็ยุ่งยากพออยู่แล้ว นางควรทำเช่นไรดีเล่า
"ข้าบอกให้เจ้าไปตามลี่ผิงมา" สือจินรุ่ยกัดฟันกรอด
"จะ...เจ้าค่ะ" สือเสี่ยวเย่หน้าถอดสี นางตั้งท่าเดินจากไปทว่าใต้เท้าลู่กลับปรามไว้เสียก่อน
"เดี๋ยว...ฮูหยินใหญ่สือ ท่านไม่ต้องไป เกรงว่าหากท่านไป ลูกสาวของท่านคงกลายเป็นตัวประหลาดไปอีกราย ข้าอยากเห็นใบหน้าของนางที่ไม่ต่างจากภาพวาดใบนี้"
สือเสี่ยวเย่ชะงักฝีเท้าลง นางเหลียวกายเนิบนาบด้วยหัวใจไหวระทึก ผู้เป็นสามีทำได้เพียงทอดถอนใจ เขาพยักหน้าให้สาวรับใช้ไปตามคุณหนูใหญ่ซึ่งผันตัวเองมาเป็นคุณหนูรองเดี๋ยวนั้น
สือจินรุ่ยเป็นพวกเห็นแก่เงิน ต่อให้ต้องแลกบุตรสาวคนโปรดกับอำนาจและทรัพย์สมบัติไปสักคนเขาย่อมไม่อนาทรร้อนใจใดอยู่แล้ว ในเมื่อทุกอย่างจวนตัว แผนการพังไม่เป็นท่า ก็ควรต้องปล่อยเรือตามน้ำ หลังจากนั้นค่อยกลับมาคิดบัญชีกับลูกสาวคนรองตัวดีอีกครา
.
.
"อะไรนะ ท่านแม่ให้มาตามข้าไปพบตาแก่นั่นรึ มิใช่ว่าลี่ผิงมันออกหน้าแทนข้าแล้วหรือไร ข้าไม่ไป!" สืออี้หนานโวยลั่น นางขว้างปาข้าวของไม่พอใจยกใหญ่
มารดาของนางกำชับเองไม่ใช่หรือว่าห้ามออกจากห้อง ซ้ำหากผู้ใดถามให้นางเปลี่ยนนามเป็นสือลี่ผิง นางรังเกียจชื่อนี้เป็นที่สุด ทว่าเพื่อเอาตัวรอดจากตาแก่ตัณหากลับ และส่งตัวน้องสาวต่างมารดาไปแทนนาง สืออี้หนานจึงจำยอมก้มหน้าใช้นามว่าลี่ผิง ทว่าตอนนี้นางกลับได้ยินคำว่าต้องออกไปพบใต้เท้าลู่เช่นเดียวกับน้องสาวของตน ความโมโหเดือดดาลจึงปะทุขึ้นเป็นริ้ว ๆ
"คุณหนูใหญ่ อย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยเจ้าค่ะ อีกอย่างนายท่านกำชับมาว่าหากท่านไม่ไป เกรงว่าตระกูลสือคงไม่มีที่ให้ เอ่อ...ให้ซุกหัวนอนแล้ว" สาวใช้นางหนึ่งเอ่ยด้วยอาการประหม่า สีหน้าของนางหวั่นวิตกถึงขีดสุด
สืออี้หนานกรีดร้องลั่นห้อง ขว้างปาข้าวของราวคนเสียสติ ตลับแป้งลอยกระแทกเข้าหน้าผากสาวใช้อย่างจัง
โอ๊ย!
ร่างผอมบางทิ้งกายลงโขกศีรษะทั้งที่โลหิตเริ่มไหลปริ่มออกมาด้วยความขลาดเกรง "คะ...คุณหนูอภัยข้าน้อยด้วย ข้าเพียงทำตามคำสั่งของฮูหยินและนายท่านเท่านั้น"
สืออี้หนานหันขวับ พลางกัดฟันกรอด "ทำตามคำสั่งหรือ หากท่านพ่อข้าสั่งให้เจ้าไปตายเจ้าจะไปหรือไม่!"
"คะ...คุณหนู ท่านระงับอารมณ์เถิดเจ้าค่ะ ถึงอย่างไรในสัญญาก็แจ้งเอาไว้ว่าต้องเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูล ตอนนี้ท่านเปลี่ยนตัวตนกับคุณหนูรองเรียบร้อย ออกไปก่อนแล้วต่อรองในภายหลังดีกว่าหรือไม่เจ้าคะ" เสียงเล็กตะล่อมหว่านล้อมเพื่อหมายเอาชีวิตรอด
สืออี้หนานพยายามระงับสติอารมณ์ นางทรุดตัวนั่งหน้าคันฉ่องสีอำพัน นัยน์ตาคู่งามเดือดพล่านประดุจดั่งหุบเขาลาวา ฝ่ามือเล็กกำหมัดแน่นจนไหล่สั่นสะท้าน พลางกล่าวลอดไรฟัน "ทำไมจำต้องเป็นข้า สือลี่ผิง ไยเจ้าไม่ตาย ๆ ไปซะ!"
.
.
"นายน้อย ตอนนี้ตระกูลสือติดหนี้ทว่าไม่มีปัญญาจ่าย นายท่านทำสัญญาเอาไว้หากไม่อาจใช้หนี้ตามกำหนด จำต้องส่งคุณหนูใหญ่ของตระกูลสือเข้ามาเป็นอนุของท่าน ขอรับ!"
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลากัดฟันเสียจนเส้นเลือดบนขมับปูดโปน ทันทีที่ได้ยินเสียงรายงานจากผู้ติดตามคนสนิท มือที่เช็ดมีดสั้นอยู่พลันชะงักลงเดี๋ยวนั้น นัยน์ตาคมกริบสะท้อนความกรุ่นโกรธออกมาอย่างปิดไม่มิด "ตาแก่นั่นยังไม่เลิกตัณหากลับอีกหรือ มีอนุตั้งเท่าใดแล้ว ต้องให้ท่านแม่ข้าตรอมใจตายก่อนหรืออย่างไร"
มือแกร่งปักมีดลงบนโต๊ะเสียงดังปัก ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ลู่อี้ฝานคือบุตรชายที่กำเนิดจากฮูหยินใหญ่ของตระกูลลู่ เขาเกลียดการกลับจวนสกุลลู่เป็นที่สุด เนื่องจากกลับคราใด เป็นต้องพบว่าบิดาของตนมัวกกกอดสตรีเหล่านั้นไม่เว้นแต่ละวัน ราวมารราคะเข้าสิง ทันทีที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพร เขาจึงไม่เคยย่างกรายเข้าเหยียบจวนสกุลลู่อีกเลย เว้นเพียงการใช้ทางลัดแวะเวียนไปเยี่ยมมารดาอันเป็นที่รักก็เท่านั้น
"นายน้อย ครั้งนี้ท่านจะทำเช่นไรขอรับ"
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อย เสียงทุ้มเอ่ยหยามหยันชิงชัง "สกุลสือนี่ก็ช่างปะไร ขายลูกสาวกินไม่อายบ้างหรือ คุณหนูใหญ่นามว่าอะไร"
"นางมีนามว่า สืออี้หนานขอรับ"
ลู่อี้ฝานเดาะลิ้นในปากเล่น หนนี้เขาอยากดัดนิสัยตาแก่ตัณหากลับสักครั้ง "เช่นนั้นคืนนี้ข้าคงต้องตรวจสอบเสียหน่อย ว่านางเป็นเช่นไร ไยตาแก่อยากได้นักอยากได้หนาจนหนี้เท่าผืนฟ้าก็แทบประเคนเกือบหมด"
"นายน้อย ท่านจะทำเช่นนี้จริงหรือขอรับ"
ลู่อี้ฝานเป็นถึงหัวหน้าหน่วยองครักษ์เสื้อแพร ทว่าเวลานี้เขากำลังจะทำผิดศีลธรรมและผิดกฎหมายโดยพลการ หากเบื้องบนทราบเข้า ตำแหน่งของเขาต้องสั่นคลอนแน่
"เจ้ากลัวหรือ ถึงอย่างไรสกุลสือก็เป็นพวกเห็นแก่เงิน ไม่ว่าจะเป็นบิดาหรือบุตรสาว นิสัยละโมบย่อมไม่ต่างกันหรอก"
นัยน์ตาคมคู่นั้นเย็นเยียบราวน้ำแข็ง ไอสังหารเป็นประกายวาววับไร้ปรานี เขาเกลียดชังบรรดาอนุของบิดาตนทุกราย หนนี้เป็นสตรีคราวลูกเช่นนั้นหรือ ถึงขั้นทำให้ลู่เยี่ยนฮ่าวยกหนี้ก้อนมหาศาลให้ได้ นับว่าคงไม่ธรรมดาสมคำร่ำลือสิท่า
