บท
ตั้งค่า

องค์ชายสามมาถึง

ทว่าหลังจากผ่านไปได้เพียงเดือนเดียว ฝนกลับตกหนักอย่างไม่หยุดหย่อน สายฝนที่เริ่มต้นเหมือนฝนฤดูร้อนทั่วไปค่อย ๆ กลายเป็นพายุฝนที่กระหน่ำลงมาไม่เว้นวัน ในที่สุดระดับน้ำในแม่น้ำก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนล้นออกมาตามแนวตลิ่ง ไหลท่วมเข้าหมู่บ้านใกล้เคียงโดยไม่มีใครทันตั้งตัว

เสียงตะโกนเรียกกันให้ขนย้ายของดังขึ้นทั่วบริเวณ ทุกครอบครัวรีบร้อนเก็บข้าวของที่พอจะขนย้ายได้ หนทางที่ โจวเจียวหรงเคยเตือนไว้กลับกลายเป็นความจริงในเวลาที่รวดเร็วกว่าที่คาดไว้ ผู้คนที่เคยหัวเราะเยาะและไม่เชื่อนางเมื่อเดือนก่อน ต่างพากันตกตะลึงไปตาม ๆ กัน บางคนถึงกับพูดออกมาอย่างสำนึกผิดว่า

"เราควรจะฟังคำเตือนของคุณหนูเจียวหรงให้เร็วกว่านี้… ข้าคิดว่าฝันของนางเป็นเพียงเรื่องไร้สาระแท้ ๆ!"

ในขณะที่หลายครอบครัวเดือดร้อนกับน้ำท่วมนี้ จวนตระกูล โจวซึ่งเตรียมการมาตั้งแต่ก่อนหน้าก็สามารถช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้อย่างทันท่วงที ทั้งการแจกจ่ายเสบียงและจัดหาที่พักชั่วคราว ทำให้ผู้คนหันมามองเจียวหรงด้วยความรู้สึกขอบคุณและยกย่อง นางกลายเป็นผู้นำที่ช่วยปกป้องเมืองให้รอดพ้นจากภัยพิบัตินี้

ท่ามกลางสถานการณ์วุ่นวาย ร้านค้าทุกแห่งในตลาดต่างเร่งขนย้ายของขึ้นที่สูงกันจ้าละหวั่น เสียงตะโกนสั่งงานของพ่อค้าและแม่ค้า แทรกด้วยเสียงฝีเท้าและการขนย้ายข้าวของดังไปทั่ว โดยเฉพาะร้านค้าขนาดใหญ่ของจางอี้ชิง ที่เคยกล่าวเย้ยหยันคำเตือนของเจียวหรง กลับพบว่าข้าวของที่เก็บไว้ไม่ทันได้ย้าย ท่วมเสียหายจนแทบหมดสิ้น

จางอี้ชิงมองดูคลังสินค้าที่จมอยู่ในน้ำด้วยใบหน้าซีดเผือด มือของนางสั่นสะท้าน พลางเอ่ยออกมาเบา ๆ ด้วยเสียงสั่นเครือ

"ข้าคิดว่าเป็นเพียงแค่เรื่องเหลวไหลที่นางแต่งขึ้นมาเท่านั้น ใครจะไปรู้ว่านางเอ่ยออกมาจะเป็นเรื่องจริง!"

คนในร้านของจางอี้ชิงต่างเร่งรีบช่วยกันขนสิ่งที่เหลือรอดขึ้นที่สูง พยายามรักษาทุกอย่างไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเกินกว่าจะแก้ไขได้

ร้านของนางที่เคยเป็นร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในตลาด บัดนี้จมอยู่ในน้ำและสินค้ามากมายสูญหายไปอย่างน่าเสียดาย

ชาวบ้านที่เคยได้ฟังคำเตือนของเจียวหรงกลับอดรู้สึกสะท้อนใจไม่ได้ หลายคนมองจางอี้ชิงด้วยความสงสาร แม้จะจำได้ถึงท่าทางเยาะเย้ยที่นางมีต่อเจียวหรงก่อนหน้านี้ แต่ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าไม่ควรละเลยความหวังดีของผู้อื่น

สถานการณ์น้ำท่วมในเมืองหลิวสุ่ยยิ่งเลวร้ายขึ้นทุกขณะ น้ำเอ่อท่วมไปทุกซอกทุกมุมของเมืองจนยากที่จะหาที่แห้งสักแห่ง ชาวเมืองต่างพากันเก็บข้าวของที่เหลือพอย้ายได้ และหอบครอบครัวอพยพไปอยู่ที่อื่น หวังว่าจะหาที่พักพิงชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

แต่ก็ยังมีอีกหลายครอบครัวที่ไม่ยอมทิ้งจวน แม้ต้องทนอยู่บนชั้นสองของจวน บางคนตั้งใจจะรอให้ระดับน้ำลดลงเพราะไม่มีที่อื่นจะไป หรือไม่มีทรัพย์สินพอสำหรับการย้ายออก

ทางด้านราชสำนักเองก็ไม่ได้นิ่งเฉยกับภัยพิบัติครั้งนี้ ข้าราชการท้องถิ่นรายงานสถานการณ์น้ำท่วมไปยังขุนนางระดับสูงอย่างเร่งด่วน คำสั่งจากส่วนกลางถูกส่งมายังเมืองหลิวสุ่ยอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ความช่วยเหลือ ทั้งการจัดส่งเสบียง อาหาร และยารักษาโรค อีกทั้งยังสั่งการให้กองทหารและชาวบ้านที่ยังมีกำลังช่วยกันเสริมคันดินเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำท่วมเข้ามายังพื้นที่สำคัญ

ในบรรยากาศที่หนักอึ้งนี้ มีแต่คำสวดมนต์และความหวังว่าฝนจะหยุดตก เพื่อให้ระดับน้ำลดลงและเมืองหลิวสุ่ยจะกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง

เจียวหรงยืนมองสายน้ำที่ไหลเชี่ยวกรากอย่างครุ่นคิด ใจหนึ่งนางรู้สึกแปลกใจเหลือเกินที่น้ำท่วมเกิดขึ้นเร็วกว่าที่นางเคยพบเจอในอดีตชาติ อีกใจหนึ่งก็อดสงสัยไม่ได้ว่านี่จะเป็นเพราะการที่นางรู้ล่วงหน้าและเริ่มเตรียมการรับมือหรือไม่ การกระทำของนางอาจทำให้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

บิดาของเจียวหรงมองดูคลังสินค้าที่จัดเก็บไว้อย่างเรียบร้อยในที่สูง น้ำท่วมครั้งนี้ไม่อาจแตะต้องสินค้าเหล่านั้นได้เลย แม้จะต้องเผชิญกับฝนที่ตกติดต่อกัน แต่เพราะการตัดสินใจของเจียวหรงล่วงหน้าเป็นเดือน ทำให้ทุกอย่างปลอดภัยและไร้ความเสียหาย

“หรงเอ๋อร์…” โจวกงซุ่นเอ่ยขึ้นด้วยความรู้สึกทั้งทึ่งและไม่อยากเชื่อสายตา

“ถ้าไม่ใช่เพราะคำเตือนของเจ้า พวกเราคงต้องสูญเสียสินค้าทั้งหมดไปแล้ว เหมือนอย่างร้านของจางอี้ชิงที่ถูกน้ำท่วมเสียหายอย่างหนัก เจ้ารู้ได้อย่างไรกันว่าฝนจะตกหนักจนกลายเป็นน้ำท่วม?”

เจียวหรงยิ้มบาง ๆ พลางตอบคำถามของท่านพ่อด้วยท่าทีสุขุม

“ข้าแค่ฝันประหลาดค่ะท่านพ่อ ฝันว่าฝนจะตกต่อเนื่องจนน้ำล้นตลิ่ง ข้าเลยคิดว่าเผื่อไว้ก็น่าจะดี”

เขามองลูกสาวด้วยความชื่นชมในความเฉลียวฉลาด พลางพยักหน้าเบา ๆ “เจ้าไม่เพียงแต่รอบคอบ ยังช่วยปกป้องสมบัติของตระกูลไว้ได้…ขอบใจเจ้ามากหรงเอ๋อร์”

แม้ว่าผลจากน้ำท่วมจะไม่กระทบสินค้าของตระกูลโจว แต่ทว่านางกลับรู้สึกไม่สบายใจ เมื่อทราบว่าองค์ชายสามจะเดินทางมายังเมืองหลิวสุ่ยในอีกไม่นานนี้ ภาพในอดีตชาติที่เคยทำให้นางเจ็บปวดกลับผุดขึ้นมาอีกครั้ง นางรู้ดีว่าต้องหาหนทางหลบเลี่ยงไม่ให้พบเจอเขาอีก

"ครั้งนี้ข้าไม่ขอเจอเขาอีกเป็นอันขาด"

เจียวหรงนางวางแผนที่จะรักษาระยะห่างจากองค์ชายสามให้ได้มากที่สุด มุ่งมั่นที่จะปกป้องทั้งตัวเองและครอบครัวจากชะตากรรมที่นางเคยประสบ

ในที่สุดบัญชาจากเบื้องบนก็มาถึง เมื่อฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้ องค์ชายสามรีบเดินทางมายังเมืองหลิวสุ่ยเพื่อบรรเทาภัยพิบัติและช่วยเหลือชาวเมืองที่กำลังประสบความเดือดร้อน เจียวหรงรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย แม้ว่าใจหนึ่งจะโล่งใจที่เมืองได้รับความช่วยเหลือจากราชสำนัก แต่การที่องค์ชายสามจะมาอยู่ใกล้เช่นนี้กลับทำให้นางไม่สบายใจ

เมื่อองค์ชายสามมาถึงเมืองหลิวสุ่ย เขาได้รับการต้อนรับจากชาวเมืองที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาและขอบคุณในการแก้ปัญหาของทางการ ราษฎรหลายคนต่างเล่าถึงการเตรียมการป้องกันที่ทำให้พวกเขาปลอดภัยจากน้ำท่วม บางคนเล่าว่าตระกูลโจวเริ่มย้ายข้าวของไปไว้ที่สูงตั้งแต่เนิ่น ๆ

องค์ชายสามฟังแล้วรู้สึกแปลกใจยิ่งนัก เพราะไม่มีใครล่วงรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ได้ล่วงหน้า เขาเริ่มสืบหาต้นตอของการคาดการณ์นี้ หวังจะพบคำตอบเบื้องหลังเหตุการณ์ที่ดูเป็นไปไม่ได้

องค์ชายสามเริ่มซักถามถึงเหตุการณ์จากเจ้าเมืองเพื่อค้นหาต้นตอของการเตรียมรับมือน้ำท่วม องค์ชายสามหันไปถามเจ้าเมืองด้วยความสงสัย “ทำไมถึงมีชาวบ้านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้”

เจ้าเมืองหลิงกราบทูลตามความจริงเท่าที่ตนได้ทราบจากลูกชาย เจ้าเมืองก้มหน้าตอบอย่างนอบน้อม

"เป็นคุณหนูของตระกูลโจวเป็นผู้เตือนภัยล่วงหน้าพ่ะย่ะค่ะ นางเริ่มขนย้ายสินค้าขึ้นที่สูงและแจ้งข่าวให้หลายครอบครัวเตรียมตัวเผื่อไว้ กระหม่อมเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าคุณหนูโจวทราบได้อย่างไร แต่การเตือนของนางช่วยชาวเมืองได้มากพ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย"

"ท่านว่าอย่างไรนะ? การเตรียมรับมือน้ำท่วมในเมืองนี้ทั้งหมด เป็นเพราะคุณหนูตระกูลโจวล่วงรู้มาก่อนหรือ? "

“มิผิดเป็นนางเองพ่ะย่ะค่ะ” เจ้าเมืองหลิงตอบ

องค์ชายสามนิ่งฟัง แววตาครุ่นคิดก่อนจะเอ่ย "คุณหนูโจว... ข้ามิคิดว่าจะมีสตรีผู้มีความสามารถเช่นนี้อยู่ในเมืองเล็ก ๆ อย่างเมืองหลิวสุ่ย"

หลังจากได้รับทราบเรื่องราวจากเจ้าเมือง องค์ชายสามก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจคุณหนูโจวขึ้นมา แม้จะเป็นเพียงเรื่องบังเอิญที่นางคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่มันทำให้เขาอยากเห็นด้วยตาว่าคุณหนูผู้นี้เป็นเช่นไร ท่ามกลางเสียงเตือนจากข้าราชบริพารว่าอาจไม่เหมาะสมนัก เขากลับคิดในใจว่า

"เพียงไปเยือนเพื่อขอบคุณที่ช่วยเหลือชาวเมือง จะเป็นไรไป? "

องค์ชายสามเริ่มสนใจนางจากเหตุการณ์นี้โดยไม่รู้ตัว จึงคิดอยากจะไปเยือนตระกูลโจวสักครั้ง
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel