บทที่ 7
นางอยากรู้ว่ามีเงินบ้างหรือไม่ จะได้ให้หนิงเฉิงไปหาซื้อเนื้อเพื่อมาทำอาหาร จ้าวเหยียนเปิดหีบข้างหัวนอนก็พบเพียงเครื่องประดับเท่านั้น เมื่อลองค้นไปด้านล่างก็เจอหยกพกรูปพยัคฆ์ที่สลักว่าเหยียนอยู่ นางหยิบขึ้นมาดูอย่างพิจารณา ภาพในหัวตอนที่หนิงห่าวมอบให้นางก็ปรากฏขึ้น แต่ความรู้สึกครั้งนี้เด่นชัดกว่าความฝันของนางมากนัก ก่อนที่นางจะเก็บไว้ที่เดิม
จ้าวเหยียนที่นั่งนอนภายในห้องจนเบื่อนางก็เดินออกไปด้านนอกเพื่อดูว่าเด็กทั้งคู่ทำอันใด หนิงเฉิงกับจือลู่กำลังช่วยกันทำความสะอาดเรือน จ้าวเหยียนจึงเข้าไปช่วยแม้สองพี่น้องจะเอ่ยห้ามก็ตาม
"แม่มิได้อ่อนแอเช่นที่พวกเจ้าคิด" จ้าวเหยียนเริ่มลงมือเช็ดถูพื้นท่ามกลางสายตาของจือลู่และหนิงเฉิงที่มองมาอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นว่ามารดามิได้เหนื่อยล้าเช่นทุกครั้งก็วางใจและกลับไปทำหน้าที่ของตน
ผ่านไปสองวันเหตุการณ์ที่จ้าวเหยียนกระทำทุกอย่างด้วยตนเอง เริ่มทำให้จือลู่และหนิงเฉิงเริ่มจะชิน จ้าวเหยียนเริ่มเขี่ยข้าวไปมาและมองเด็กทั้งสองอย่างสงสาร คงเป็นเพราะได้กินเนื้อน้อยครั้งนับจากที่จางเหล่ยจากไป พวกเขาจึงได้ผอมบางเช่นนี้
"พรุ่งนี้ขึ้นเขากันดีหรือไม่" สองพี่น้องตกใจจนอ้าปากค้าง เพราะเมื่อก่อนพวกตนอยากจะติดตามบิดาขึ้นเขามากเพียงใด ท่านแม่ก็ไม่เคยยอมให้พวกเขาได้ไปสักครั้ง แต่ครั้งนี้ถึงกับออกปากชวนขึ้นเขาด้วยตนเอง
"ไม่อยากไปหรือ เช่นนั้นแม่ไปคนเดียวก็ได้" จ้าวเหยียนเห็นทั้งคู่มีสีหน้าที่ประหลาดก็เอ่ยขึ้น
"ท่านแม่จะขึ้นเขาจริงหรือขอรับ" หนิงเฉิงเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าเขามิได้หูฝาด
"จริง" หากตามที่นิยายเรื่องตกหลุมรักแม่สื่อตัวร้าย เป็นจริง ถังเช่าที่จือลู่จะเจอแล้วนำไปขายจนได้เงินมามากมายย่อมต้องมี นางจึงอยากไปดูให้เห็นกับตา นางถึงจะเชื่อได้ว่าเรื่องทุกอย่างอาจเกิดขึ้นตามนิยาย
ในตอนนี้นางยังไม่ตาย ต้าอู๋กับนางกงซื่อก็ทำร้ายจือลู่จนตายไม่ได้ แล้วนางเอกจะได้เข้ามาสวมร่างหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหรือไม่ จ้าวเหยียนเลิกคิดเพราะในตอนนี้นางต้องเอาตัวรอดจากความเป็นอยู่ที่ลำบากเสียก่อน
ฟ้ายังไม่สางจ้าวเหยียนก็ลุกขึ้นเพื่อเตรียมตัวขึ้นเขา จือลู่และหนิงเฉิงก็ลุกขึ้นมาเตรียมพร้อมแล้วเช่นกัน จ้าวเหยียนมิได้เต็มเสบียงไปด้วย นางจะไปหาที่ด้านบนภูเขา
เมื่อทั้งสามเดินออกจากเรือนก็ยังไม่มีชาวบ้านคนใดออกมาหาของป่าสักคน
"ท่านแม่ ท่านจะไปทางนี้จริงหรือเจ้าคะ" จือลู่ดึงแขนมารดาไว้ เพราะทางที่นางจะเดินเข้าเป็นฟากที่ชาวบ้านไม่เดินหาของป่ากัน
"พวกเจ้าต้องเชื่อใจแม่ หากเดินไปทางที่ชาวบ้านเดินทุกวัน เจ้าจะหาสิ่งใดได้" จ้าวเหยียนตบไปที่หลังมือของจือลู่เพื่อยืนยันให้พวกเขาเชื่อในตัวของนาง
เพราะฟ้าเพิ่งจะสว่างทำให้ทั้งสามยังเดินเข้าไปได้ไม่ไกล จ้าวเหยียนใช้ไม้ในมือแหกทางไปด้วย เผื่อจะเจอหัวมันนางจะได้นำมาเผาให้ทุกคนได้กิน เพียงเดินไปได้ไม่ไกลนักก็พบผักป่า ผลไม้ป่า และหัวมันให้พวกนางได้เก็บ
หนิงเฉิงรีบก่อไฟ เพราะพวกเขายังไม่ได้กินมื้อเช้า จ้าวเหยียนที่เห็นรอยเท้าไก่ นางจึงเดินไปแหวกพงหญ้าเพื่อหาไข่ไก่ป่า นางได้ไข่ไก่ป่ามาห้าฟองก็ชูขึ้นให้สองพี่น้องได้เห็นอย่างดีใจ
จือลู่และหนิงเฉิงที่ไม่เคยเห็นมารดายิ้มหัวเราะเช่นนี้ก้เริ่มมีความสุขไปกับนางด้วย มื้อนั้นจบลงด้วยรอยยิ้มเหมือนทั้งสามที่ไม่เคยขึ้นเขา ได้ผจญภัยอย่างสนุกสนาน
จ้าวเหยียนเริ่มเดินเข้าไปตามที่นิยายได้เขียนบอกไว้ เมื่อนางจะพบต้นไม้ใหญ่ ก็เริ่มใช้มือกำจัดใบไม้ที่หล่นลงมาที่พื้นออกก็พบถังเช่าเช่นที่นิยายบอกไว้จริง
"เจอแล้ว ลู่เออร์ หนิงเออร์มาช่วยแม่เร็วเข้า" จ้าวเหยียนร้องอย่างดีใจ
จือลู่และหนิงเฉิงรีบเดินเข้าไปดูที่มารดากำลังขุดขึ้นอย่างมึนงง พวกเขาบอกหญ้าหนอนที่มารดาเรียกอย่างไม่เข้าใจ ว่าสิ่งนี้จะใช่สมุนไพรอย่างที่นางบอกจริงหรือ แต่พวกเขาก็ช่วยจ้าวเหยียนขุดตามวิธีที่นางบอกอย่างรวดเร็ว
ตะกร้าทั้งสามที่นำมาแทบจะเต็ม แต่เพราะเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วทำให้ทั้งสามต้องรีบลงจากเขาก่อนที่จะมืด ทั้งสามเดินไปกินมันเผาที่เผาไว้ไปด้วย เพียงไม่นานก็มาถึงเรือน
