บทที่ 6
จ้าวเหยียนที่เห็นเช่นนั้นก็ตกตะลึงจนล้มลงไปนั่งกับพื้น สติการรับรู้เสียงรอบๆด้านของเธอหยุดลง แม้แต่ตอนที่มีเด็กสองคนวิ่งเข้ามาประคองเธอลุกขึ้นไปนั่งที่เตียงเธอก็ยังไม่รับรู้
"ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ" จ้าวเหยียนหันไปมองเด็กสาวที่มีใบหน้าละม้ายคล้ายเธออย่างตกใจ
"ท่านแม่ ท่านอย่าทำให้ข้ากลัวขอรับ" เด็กชายเข้ามาสวมกอดเธออย่างขวัญหนี
ในหัวของจ้าวเหยียนมีแต่คำว่า เกิดอะไรขึ้น เป็นไปไม่ได้ ที่นี่ที่ไหน จือลู่และหนิงเฉิงเมื่อเห็นมารดานิ่งเงียบผิดปกติ ต่างก็แสดงสีหน้ากังวลใจ เมื่อตรวจดูก็พบว่ามารดามิได้เป็นอันใด หรืออาการของนางกำเริบ
จือลู่จึงประคองจ้าวเหยียนให้นอนลงและห่มผ้าให้นาง จ้าวเหยียนจึงหลับตาลง เพราะนางรู้ว่าหากนางยังไม่นอนเด็กทั้งคู่ก็ต้องอยู่ภายในห้องกับนาง
เมื่อเด็กทั้งคู่ออกจากห้องไปแล้ว จ้าวเหยียนจึงลุกขึ้นนั่งกอดเข่า นางเรียบเรียงเรื่องทั้งหมดในหัว หากนางย้อนเวลากลับมาจริง ในตอนนี้ก็คงเป็นวันที่ชีวิตเดิมต้องจบสิ้น เช่นนั้นนางจะทำอย่างไรต่อไป ออกไปตามหาชินอ๋องหรือใช้ชีวิตตามนิยาย
จ้าวเหยียนก้มหน้าลงซุกกับหัวเข่า นางไม่มีความทรงจำเดิมเหลือ มีเพียงเข้าใจเนื้อเรื่องจากความฝันและตามนิยาย เช่นนั้นแล้วความรู้สึกที่มีต่อชินอ๋องย่อมไม่เหมือนเดิม
จ้าวเหยียนที่ได้รับคำตอบในใจแล้วนางก็ล้มตัวลงนอน เช่นนั้นนางก็ใช้ชีวิตกับเด็กทั้งสองอย่างดีไปก่อนแล้วกัน เรื่องใดที่ล้วนต้องเกิดขึ้นเมื่อถึงเวลาย่อมต้องเกิดขึ้นแน่นอน
รุ่งเช้าจ้าวเหยียนจึงลุกจากที่นอนก่อนเด็กทั้งสองอย่างหาได้ยาก นางเดินเข้าไปที่ครัวเพื่อลงมือทำอาหารก็พบว่านอกจากข้าวและผักป่าแล้ว เนื้อสัตว์ก็หาไม่ได้เลย
"ท่านแม่ทำอันใดอยู่ขอรับ" หนิงเฉิงที่ตื่นแล้วก็เดินออกมาเจอจ้าวเหยียนที่กำลังก้มหน้าลงก่อไฟ
"มะ แม่จะทำอาหารให้พวกเจ้า
"ท่านทำเป็นหรือขอรับ" หนิงเฉิงจ้องมองมารดาด้วยสีหน้ามึนงง เพราะเขาไม่เคยเห็นมารดาก่อไฟเลยสักครั้ง
ตอนที่บิดาของตน จางเหล่ยเสียชีวิตลง มารดาพยายามเข้าครัวเพื่อทำอาหารให้พวกเขา แต่ก็เกือบจะทำให้ไฟไหม้บ้าน จึงเป็นหนิงเฉิงที่ก่อไฟและจ้าวเหยียนลงมือทำอาหาร
"แม่อยากลองดู" จ้าวเหยียนหลบสายตาของหนิงเฉิงแล้วเริ่มลงมือหุงข้าวและผัดผักง่ายๆไปก่อน
หนิงเฉิงมองมารดาที่ลงมือทำอาหารอย่างคล่องแคล่วต่างไปจากเดิม ก่อนที่จ้าวเหยียนจะเดินเข้ามาทำอาหารเช่นทุกวัน ก็ต้องพบว่ามารดาลงมือทำด้วยตนเองแล้ว
ตอนที่ทั้งคู่ยกอาหารออกไปด้านนอกก็ยังมึนงงไม่หาย จนลงมือกินอาหารพวกเขายังไม่อยากจะเชื่อว่ามารดาที่ไม่เคยเข้าครัวจะสามารถทำอาหารออกมาได้อร่อยถึงเพียงนี้
"พวกเจ้าพอจะกินได้หรือไม่" จ้าวเหยียนมองทั้งคู่อย่างคาดหวัง
สองพี่น้องสบตากันก่อนที่จะพยักหน้า " อร่อยมากเจ้าค่ะ/ขอรับ"
จ้าวเหยียนยิ้มอย่างดีใจ นางคีบอาหารให้สองพี่น้องจนเต็มถ้วยแล้วมองพวกเขากินอย่างมีความสุข เคยพบเพียงในฝัน เมื่อได้พบอีกครั้งเช่นนี้นางอธิบายไม่ถูกว่ายินดีมากเพียงใด
"เฉิงเออร์ อิ่มแล้วหรือ" จ้าวเหยียนเห็นหนิงเฉิงรีบกินแล้ว ลุกขึ้น
"ข้าลืมต้มยาให้ท่านแม่ขอรับ" จ้าวเหยียนมองตามแผ่นหลังไปอย่างงุนงง ตอนนี้ตัวนางไม่มีความรู้สึกว่าร่างกายของนางกำลังล้มป่วย หรือเป็นเพราะนางย้อนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง อาการเจ็บป่วยจึงหายได้
หนิงเฉิงเดินเข้ามาพร้อมส่งถ้วยที่ภายในมีน้ำสีดำน่ากลัวให้จ้าวเหยียน นางกลืนน้ำลายลงคอก่อนจะเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเด็กทั้งสองที่จ้องมาทางตนอย่างจับผิด
จ้าวเหยียนถอนหายใจ ก่อนที่จะยอมยกถ้วยยาดื่มอย่างรวดเร็ว หากดื่มช้านางกลัวจะอ้วกออกมาเสียก่อน เมื่อดื่มเสร็จก็รีบหาน้ำเพื่อดื่มตามอย่างรวดเร็ว กว่าลิ้นของนางจะหายขมก็ต้องดื่มน้ำตามไปเสียหลายถ้วย
จือลู่เมื่อเห็นมารดาดื่มยาหมดแล้วก็เข้ามาประคองนางเพื่อพาไปพักผ่อนภายในห้อง จ้าวเหยียนก็ยอมให้นางประคองอย่างว่าง่าย เมื่ออยู่เพียงลำพังในห้อง จ้าวเหยียนก็เริ่มตรวจสอบข่าวของภายในห้อง
