ตอนที่ 8 ถึงเวลาที่ต้องทำเพื่อแม่แล้ว
ถึงเวลาที่ต้องทำเพื่อแม่แล้ว
“เป็นจังใด๋ล่ะ กูเอิ้นนำกะบ่ทัน” (เป็นยังไงล่ะ กูเรียกไว้ก็ไม่ทัน) ชนาวิชญ์เอ่ยขึ้นมาทันที ที่เห็นโกสินทร์เดินกลับมาด้วยสีหน้าที่ดูจะผิดหวัง
“บักหมอนั่น คือได้มาอยู่นี่” (ไอ้หมอนั่น ทำไมได้มาอยู่ที่นี่) โกสินทร์ถามขึ้นมาทันที
“กะมันคือหมู่กู และเป็นพ่อของลูกธิดานำ” (ก็มันเป็นเพื่อนกู และเป็นพ่อของลูกธิดาด้วย)
“กูกะเป็นหมู่มึง แต่กูคือบ่มีสิทธิ์ได้...” (กูก็เป็นเพื่อนมึง แต่ทำไมกูถึงไม่มีสิทธิ์ได้...) โกสินทร์ถามกลับอย่างไม่เข้าใจ เพราะตนเองก้เป็นเพื่อนกับชนาวิชญ์เช่นกัน แต่ทำไมเขาถึงไม่มีสิทธิ์พิเศษเหมือนกับวรากร
“บักโก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงแม่นบ่” (ไอ้โก! มึงคิดว่ากูลำเอียงเห็นมันดีกว่ามึงใช่ไหม)
“...” โกสินทร์ได้แต่อ้ำอึ้งไม่ตอบ
“กูสิบอกให้นะบักโก บักกรมันกะเป็นหมู่กูคือกัน แล้วมึงกะเป็นหมู่ของกู ทั้งมึงและมัน กูกะฮักและหวังดีนำทั้งสอง แต่ที่มันได้มาอยู่นี่ เพราะว่ามันบ่แมนคนแถวนี้ ส่วนมึงเฮือนอยู่แค่ปากทางมึงสิมาเฮือนกูยามใด๋กะได้” (กูจะบอกมึงให้นะไอ้โก ไอ้กรมันก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกัน แล้วมึงก็เป็นเพื่อนของกู ทั้งมึงและมัน กูก็รักและหวังดีด้วยทั้งสอง แต่ที่มันได้มาอยู่ที่นี่ เพราะว่ามันไม่ใช่คนที่นี่ ส่วนมึงบ้านอยู่แค่ปากทางมึงจะมาบ้านกูตอนไหนก็ได้)
“อืม...” โกสินทร์พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในสิ่งที่ชนาวิชญ์พูด
“กูฮู้ว่ามึงคิดจังใด๋กับธิดา” (กูรู้ว่ามึงคิดยังไงกับธิดา)
“...” โกสินทร์นิ่งเงียบไม่ตอบอะไร
“กูบ่มีสิทธิ์ไปบังคับธิดาให้มาคบกับไผกะได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่นำเขาเองมึงเข้าใจนะ” (กูไม่มีสิทธิ์ไปบังคับธิดาให้มาคบกับใครก็ได้ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเขาเองมึงเข้าใจนะ) ชนาวิชญ์ได้แต่ปลอบเพื่อให้เพื่อนเข้าใจ
“อืม...คั่นซั่นกูกลับก่อนเด้อ มื้ออื่นสิมาใหม่” (อืม...ถ้าอย่างนั้นกูกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาใหม่)
“ยังสิมาอีกอยู่บ้อ” (ยังจะมาอีกหรือวะ)
“มาอยู่แล้ว”
“นี้มึงบ่คิดสิไปหาเฮ็ดงานแน่ติ ผู้หญิงเขามักคนมีความรับผิดชอบ มักคนเป็นผู้นำให้ครอบครัวมีอนาคตพอที่สิฝากชีวิตไว้ได้ กูเว้ามานี้มึงคงสิเข้าใจ” (นี้มึงไม่คิดจะไปหางานทำหรือไง ผู้หญิงเขาชอบคนมีความรับผิดชอบ ชอบคนเป็นผู้นำให้ครอบครัวมีอนาคตพอที่จะฝากชีวิตไว้ได้ กูพูดมานี้มึงคงจะเข้าใจนะ)
“...” โกสินทร์ไม่โต้ตอบอะไรชนาวิชญ์ เดินออกไปจากตรงนี้ขับรถออกไปจากอาณาเขตของชนาวิชญ์ทันที
*
*
บ้านพายุภัทร
“กลับมาได้สักทีน่ะ พ่อตัวดี” เสียงกัมปนาทของ อภิเดช ดังก้องขึ้นมาทันที ที่ร่างสูงของวรากรลูกชายบุญธรรมนั้นย่างกรายเดินเข้ามาภายในบ้าน เพราะหลายวันมานี้เขาติดต่อวรากรไม่ได้เลย
“ผมไปทำงานนะครับพ่อ” วรากรพูดตอบกลับผู้เลี้ยงดู พร้อมกับใบหน้าที่เผยความน้อยใจเด่นชัดอย่างเห็นได้ชัด
“นั่งลงก่อนสิลูก แม่กับพ่อมีธุระจะคุยด้วย” อรอนงค์ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนละมุนนุ่มเรียกลูกชายให้เข้ามาหา
วรากรจึงเดินไปนั่งลงยังที่ว่างตามคำขอของมารดาอย่างขัดไม่ได้ เมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่ใช่มีเพียงแค่ครอบครัวตน แต่ยังมีสมาชิกอยู่อีกด้วยสามคน
“นี่ คุณอาเพ็ญเป็นเพื่อนแม่และอาสินเป็นเพื่อนทางธุรกิจกับคุณพ่อด้วย แล้วก็น้องพลอย” อรอนงค์ จึงเป็นฝ่ายแนะนำแขกผู้มาเยือนให้วรากรได้รู้จัก
“สวัสดีครับ” วรากรมองคนทั้งสาม แล้วยกมือขึ้นไหว้ตามมารยาท ส่วนหญิงสาวอีกคนมองจากบุคลิกภายนอกก็น่าจะรุ่นราวเดียวกันกับเขา ทั้งคู่ได้แต่ก้มศีรษะลงเพียงเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทายกัน
“ในเมื่อลูกชายตัวดีของอรกลับมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เข้าเรื่องเลยแล้วกัน เพ็ญกับคุณสินจะว่ายังไงค่ะ” อรอนงค์เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อทุกคนทักทายกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“แล้วแต่ฝั่งของเธอเลยอร ฉันกับคุณสินทางเราเป็นผู้หญิงยังไงเรื่องแบบนี้ก็แล้วแต่ฝ่ายชายน่ะ” เพ็ญพรรณี แขกผู้มาเยือนและเป็นเพื่อนกับอรอนงค์ได้แต่เออออไปตามนั้น เพราะไม่กล้าเสนออะไรไปกว่ามากนี้ เกรงว่าจะเป็นการเร่งรัดจนเกินไป
อรอนงค์มองหน้าผู้เป็นสามีและวรากรที่นั่งหน้าไม่สบอารมณ์ ก่อนจะหันไปทางแขกผู้มาเยือนทั้งสามสลับกันไปมาราวกับว่าเป็นการโยนหินถามทางรอฟังความเห็น
“ตามที่ภรรยาผมพูดเลยครับ” นพศิลป์ ผู้เป็นสามีของเพ็ญพรรณีก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร
“ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้อรว่าให้คุณพี่เดชเป็นคนพูดจะดีกว่า” อรอนงค์จึงเอ่ยบอกให้สามีที่เป็นประมุขของบ้าน เป็นฝ่ายพูดแทน
“ครับ ตอนนี้เด็ก ๆ ก็เรียนจบกันแล้วทั้งคู่ งานหมั้นระหว่างตากรกับหนูณิชา ผมคิดว่าขอเป็นเดือนหน้าเลย ทางคุณคิดว่าอย่างไรครับคุณสินคุณเพ็ญ” เมื่อไม่กล้าหักหน้าผู้เป็นภรรยา อภิเดชจึงยอมเป็นคนพูดเอง
“ทางเรายินดีค่ะ” เพ็ญพรรณีตอบรับทันทีที่เจ้าของบ้านเอ่ยจบ
“นี่มันอะไรกันครับพ่อ แม่ หมั้น ใครจะหมั้นกับใคร?” วรากรที่นั่งฟังบทสนทนามาสักพักจึงเอ่ยขึ้นมา อย่างเสียมารยาทเพราะเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับตัวเอง
“ใจเย็นก่อนลูก แม่กับพ่อเห็นว่าลูกเรียนจบมีงานทำแล้ว เลยอยากให้ลูกมีคู่ครอง” อรอนงค์เอ่ยปลอบให้ลูกชายใจเย็น
“แม่ แต่ผมพึ่งจะเรียนจบเองนะ หน้าที่การงานก็ยังไม่มั่นคง” วรากรพูดกับมารดาด้วยความเครงเคียด เพราะเรื่องที่ตัวเองทำผู้หญิงท้องยังไม่ได้จัดการเลยว่าบอกพวกท่านเช่นไร ท่านจะดีใจหรือเปล่าที่พวกท่านมีหลาน แล้วนี้เรื่องหมั้นหมายเขากำลังจะถูกคลุมถุงชนอีก
“กร แม่กับพ่อให้เวลากรมานานแล้วน่ะ ต่อไปนี้กรต้องทำตามที่พ่อกับแม่ขอบ้าง” อรอนงค์พูดกับลูกชายด้วยความไม่พอใจ
“พ่อ แม่” พลอยไพลิน หญิงสาวเป็นแขกเพียงคนเดียว เอ่ยเรียกบิดาและมารดาของเธอ เมื่อเห็นว่าเจ้าบ้านเริ่มขึ้นเสียงโต้เถียงกัน
“เอ่อ...คุณเดชคุณอรครับ ทางเราขอตัวกลับก่อนดีกว่านะครับ ผมก็จะกลับไปถามความเห็นลูกสาวผมเหมือนกัน” วสันต์เห็นว่าสถานการณ์ของสองแม่ลูกไม่ค่อยดีจึงขอตัวพาครอบครัวกลับไปก่อน
“ค่ะ เดี๋ยวจะให้คุณพี่ติดต่อกลับไปอีกทีนะคะ” อรอนงค์เอ่ยบอกเพียงแค่นั้น ก็หันมาที่ตัวปัญหาอย่างลูกชายต่อ
