ตอนที่ 7 ออกคำสั่ง
ออกคำสั่ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูไม้สักดังขึ้นอยู่ที่หน้าบ้านดังอยู่หลายครั้ง วรากรมองไปยังประตูห้องน้ำที่ปิดสนิทพร้อมกับความเงียบ เขาจึงเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตูเสียเอง
“มาทำไม?” เสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น เมื่อเปิดประตูบ้านออกมา แล้วเจอกับเจ้าของใบหน้าที่เขาไม่ค่อยชอบหน้าเสียเลย และในตอนนี้ก็ยืนอยู่ที่หน้าบ้านของสุทธิดาแล้ว
ทันทีที่ประตูเปิดออก คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบานนั้นกลับเบิกตากว้างขึ้นมาทันที เพราะคนที่เปิดประตูออกมานั้นไม่ใช่หญิงสาวที่เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้
“คุณ! มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” น้ำเสียงตะกุกตะกักถามออกไปอย่างตกใจที่เจอเขาอยู่ที่นี่แถมยังอยู่ในบ้านของสุทธิดาอีกด้วย
ใจหนึ่งก็นึกอิจฉาที่เขาได้รับอภิสิทธิ์ให้เข้าไปด้านในได้ เพราะตั้งแต่ที่เธอแยกออกมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขาก็มาหาเธอแทบทุกวันแต่ก็ไม่เคยได้เข้าไปสำรวจด้านในเลย อย่างมากก็ได้นั่งอยู่แค่ระเบียงหน้าบ้านเท่านั้น
แต่กับวรากรเขาที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของลูกสาวสุทธิดานั้น กลับอยู่เหนือเขาเสียทุกอย่างแถมยังได้รับอนุญาตเข้าออกได้อย่างง่ายดายอีกมันน่าน้อยใจนัก แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำอะไรได้
“ทำไมผมจะมาไม่ได้ ก็ลูกผมอยู่ที่นี่ ว่าแต่คุณเถอะ มาทำไมมีธุระอะไรมิทราบ?” วรากรสวนขึ้นอย่างเหลืออด และตอกกลับด้วยคำถามที่คนฟังไม่สามารถให้คำตอบได้
“เอ่อ...”
“ผมว่าคุณกลับไปก่อนจะดีกว่า อย่ามารบกวนการใช้ชีวิตของพวกเราสามคนเลย...” วรากรเอ่ยปากไล่เขาทันที แถมยังเน้นย้ำโกสินทร์กลับไปราวกับว่าเขาเป็นคนพิเศษที่เหนือกว่าทุกอย่าง
“ผมแค่เอาของมาเยี่ยม...” โกสินทร์พูดพร้อมกับชูของที่อยู่ในมือขึ้นให้เขาดู
“ขอบคุณครับ คุณกลับไปได้แล้ว ครอบครัวเขาต้องการมีความเป็นส่วนตัว” วรากรรีบยื่นมือไปรับอย่างไว แล้วเอ่ยขอบคุณกลับอย่างมีมารยาท ที่เขาอุตส่าห์มีน้ำใจนำสิ่งของมาเยี่ยมแม่ของเขาขนาดนี้
ปัง!!!
บานประตูไม้สักเกือบกระแทกถูกใบหน้าอันหล่อเหลาของโกสินทร์ เมื่อวรากรนั้นปิดประตูอย่างแรงด้วยความรู้สึกฉุนเฉียวติดหงุดหงิดอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“ใครมาหรือค่ะ” สุทธิดาถามขึ้นมาทันที ที่เธอออกมาจากห้องน้ำ เพราะเธอรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงคนปิดประตูและบทสนทนาของคนกำลังคุยกัน
“คุณคิดว่าใครเป็นล่ะ” วรากรเลิกคิ้วขึ้นถามกลับอย่างล้อเลียนเธออย่างนึกหมั่นไส้ พร้อมกับของที่ถือเข้ามาวางลงที่โต๊ะอย่างแรง
“คุณโกหรือค่ะ” เธอพอจะทราบดีว่าเป็นใครที่มา เพราะจากการสังเกตอาการหงุดหงิดหน้าไม่รับแขกของเขาตอนนี้ เธอคงเดาไม่ผิดแน่ แต่เพื่อความแน่ใจเธอจึงตัดสินใจลองถามกลับไป และอยากรู้ด้วยว่าเขาจะโกหกเธอหรือเปล่า
“เขาคงจะมาหาบ่อยสินะ” วรากรไม่ตอบในสิ่งที่เธอถาม แต่กลับพูดจาถากถางประชดประชันเธอขึ้นมา เพราะนึกหมั่นไส้ไอ้คนหน้ากวนบาทาคนนั้นยิ่งนัก
“ก็มาเกือบทุกวัน” เธอพยักหน้ารับ แล้วตอบเขาออกไปตามตรงแบบไม่คิดที่จะปิดบังเลย เพราะโกสินทร์มาหาเธอเกือบทุกวันจริง ๆ
เมื่อได้ฟังคำตอบจากปากของเธอ วรากรกลับมีสีหน้ากรุ่นโกรธนึกไม่พอใจขึ้นมาทันที ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องไม่พอใจในคำตอบของสุทธิดาด้วย
“ทำอะไรก็ช่วยคิดถึงหน้าลูกบ้างนะธิดา อย่าลืมสิว่าวิวาห์คือลูกสาวของผม ผมไม่มีวันยอมให้ใครมาแทนที่พ่อของเขาแน่” เขาตวาดเสียงใส่เธอขึ้นมาทันที พร้อมกับใบหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจเท่าไหร่นัก
“นี่คุณคิดจินตนาการไกลไปถึงไหนค่ะ คุณกร” สุทธิดาตวาดเสียงขึ้นใส่กลับเขาอย่างไม่พอใจเช่นกัน ที่เขาพูดจาค่อนขอดเหมือนดูถูกเธอ
“ก็เขาชอบคุณ และอีกไม่นานก็คงจะมาเป็น...”
“นี่คุณ! เอาสมองส่วนไหนคิดค่ะ ว่าคุณโกสินทร์เขาชอบฉัน เขาอยากมาเป็นพ่อของลูก ผู้หญิงที่มีลูกมาแล้วใครเขาจะอยากมาใช้ชีวิตด้วย” เธอสวนกลับเขาอย่างเหลืออดที่เขายังพูดจาเหมือนดูถูกเธอแบบนี้ นึกน้อยเนื้อต่ำใจในคำพูดของเขาขึ้นมาทันที
“นี่คุณดูไม่ออกจริง ๆ เหรอธิดา ว่าผู้ชายคนนั้นมันชอบคุณ ผมเป็นผู้ชายมองแวบแรกผมก็ดูออกแล้ว”
“...” สุทธิดาเงียบไม่ตอบอะไรเขากลับ เธอก็พอจะรู้ว่าโกสินทร์มีความรู้สึกแบบไหนให้เธอ เพียงแต่เธอไม่ค่อยมั่นใจว่าเขาคิดจริงจัง หรือเพียงเพราะสงสารเธอกันแน่ และอีกอย่างเธอก็บริสุทธิ์ใจไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วย
“คุณไม่แปลกใจหรือเอะใจอะไรบ้างเลยเหรอยังไง ว่าผู้ชายที่ไหนเขาจะมาหาคุณได้ทุกวันขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ได้คิดอะไรกับคุณธิดา” วรากรถามย้ำขึ้นอีกครั้งอย่างนึกโมโหจนแทบจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่อยู่
“เขาจะคิดยังไงกับฉัน มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณนี้ และอีกอย่างฉันก็ไม่ได้คิด...”
“ไม่คิดก็ดี และก็ห้ามคิดด้วย นี่คือคำสั่ง” เขาออกคำสั่งกับเธอทันที
“ในฐานะอะไรค่ะ?” เธอได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย แล้วถามกลับด้วยความอยากรู้ เขามีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งห้ามเธอแบบนี้
วรากรชะงักนิ่งในคำพูดของสุทธิดา นั่นสิเขามีสิทธิ์อะไรถึงสั่งไม่ให้เธอคิดอะไรกับผู้ชายคนอื่น
“ก็...ผมเป็นพ่อของวิวาห์ แล้วเรื่องที่คุณจะหาพ่อใหม่ให้ลูกผมไง มดลูกยังไม่เข้าอู่เลยนะ ตอนนี้อดใจรอไปก่อน หรืออย่างน้อย ๆ ก็ให้ลูกหย่านมก่อน”
“นี่คุณ! ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว รีบกลับกรุงเทพฯไปเถอะ ขืนอยู่นานกว่านี้ ฉันคงเครียดจากภาวะหลังคลอดและฉันคงได้พบจิตแพทย์เข้าสักวัน” สุทธิดาเอ่ยปากไล่เขาทันที เมื่อเขาเริ่มจะพูดจาลามปรามไม่รู้เรื่องแบบนี้อยู่
อุแว้! อุแว้!
เหมือนกับว่าเป็นเสียงระฆังส่งสัญญานเตือน เมื่อเสียงร้องของลูกสาวตัวน้อยแผดเสียงดังขึ้นมา ทำให้คนทั้งสองต้องยุติบทโต้เถียงกันไว้เพียงเท่านี้ แล้วจึงพาหันกลับไปสนใจลูกสาวตัวน้อยแต่เพียงอย่างเดียว...
