ตอนที่ 9 ไม่ใช่แฟนครับ
ไม่ใช่แฟนครับ
“สรุปว่าเรื่องหมั้นหมายมันยังไงกันแน่ครับ พ่อแม่” วรากรเอ่ยถามผู้เป็นพ่อและแม่ขึ้นมาอีกครั้งทันที ที่แขกผู้มาเยือนกลับออกไปแล้ว
“แม่กับอรเราเคยให้คำมั่นสัญญากันไว้ตั้งแต่ที่พวกเรายังไม่มีครอบครัวแล้ว ว่าหากพวกเรามีลูกเราทั้งสองจะผูกดองกัน แล้วจะให้ลูกของพวกเราได้หมั้นหมายและแต่งงานกัน” อรอนงค์จึงบอกความจริงเรื่องในอดีตของเธอกับเพื่อนให้วรากรได้ฟัง ส่วนสามีนั้นอรอนงค์ก็พึ่งเล่าบอกไปเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง
“เพราะเหตุนี้หรือเปล่าครับ ที่พ่อกับแม่ไปขอผมมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เพียงเพราะสิ่งนี้หรือเปล่าครับ” วรากรถามขึ้นมาทันทีที่ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟัง เพราะเขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าที่พวกท่านเอาเขามาเลี้ยง เพียงเพื่อให้ตอบแทนบุญคุณของพวกท่านเท่านั้น ไม่มีความรักความผูกพันใด ๆ เลย ใบหน้ารู้สึกผิดหวังเผยออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับเรื่องหมั้นหมายเลยนะกร” อภิเดชจึงแทรกขึ้นมาบ้าง เกรงว่าลูกชายจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“จะไม่เกี่ยวได้ยังไงครับพ่อ นี้มันเรื่องใหญ่ในชีวิตผมเลยนะครับพ่อ”
“จริงอยู่ที่พ่อกับแม่เราไม่มีทายาทไว้สืบสกุล แต่ที่พ่อกับแม่รับกรมาเลี้ยงนั้น เพราะพ่อรักและเอ็นดูกรจริง ๆ ลูก พ่อไม่เคยคาดหวังอะไรในตัวกรเลยนะ แต่เรื่องหมั้นหมาย พ่อก็ไม่รู้ว่าแม่เขามีคำสัญญาอะไรกันแบบนี้ เพราะแม่พึ่งจะบอกพ่อเมื่อไม่กี่วันมานี้” อภิเดชรีบบอกความจริงให้วรากรฟัง เพราะเขาเองไม่มีส่วนรู้เห็นมาก่อนเลย
“ลูกทำเพื่อแม่สักครั้งนะกร” อรอนงค์เอ่ยร้องขออย่างออกอ้อนเพื่อให้วรากรเห็นใจ
“แต่แม่ครับ...”
“น่ะกร ตอนนี้กรก็ยังไม่มีใครไม่ใช่เหรอ”
“แม่รู้ได้ยังไงครับ ว่าผมยังไม่มีใคร” วรากรได้แต่เลิกคิ้วถามมารดากลับไปบ้าง
“ถ้ากรหมายถึงพวกผู้หญิงที่กรหิ้วขึ้นคอนโดพวกนั้น ก็ให้กรตัดทิ้งไปได้เลย เพราะแม่ไม่มีทางยอมรับผู้หญิงพวกนั้นมาเป็นสะใภ้แม่เด็ดขาด” อรอนงค์สั่งห้ามและยืนกรานทันที เพราะลูกชายน่าจะถูกใจผู้หญิงที่เป็นคู่นอนคนไหนสักคนเข้าแล้วถึงพูดออกมาแบบนั้น
วรากรได้แต่ก้มงุดอย่างเคร่งเครียดคิดไม่ตก เพราะเรื่องราวของเขาเองตอนนี้ก็ยังสับสนใจอยู่ และก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่าบอกความจริงกับพวกท่านอย่างไรดี
“ผมก็ไม่ได้คิดที่จะเอาผู้หญิงพวกนั้นมาเป็นลูกสะใภ้แม่เสียหน่อย” เขาบอกกับผู้เป็นแม่ออกไปอย่างมั่นใจเพื่อความสบายใจของพวกท่าน ถึงตอนนี้เขายังไม่มีใคร แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเอาคู่นอนมาเป็นคู่ชีวิตเขาอยู่แล้ว
“จะยังไงก็ช่าง ตอนนี้คือกรต้องรีบเคลียร์ผู้หญิงพวกนั้นออกไปจากชีวิตแกให้หมด แล้วรอเข้าพิธีหมั้นกับน้องพลอย” อรอนงค์ยื่นคำขาดออกไปกับลูกชายทันที
“ผมหมั้นกับใครไม่ได้จริง ๆ ครับแม่ ผมมี...”
“กรมีใคร? ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครมาจากไหน เป็นลูกเต้าเหล่าใครละ”
ยังไม่ทันที่วรากรจะได้เอ่ยจบ อรอนงค์ก็สวนขึ้นทันควันอย่างไม่พอใจ เมื่อลูกชายพูดเหมือนว่ามีคนสำคัญอยู่ในใจแล้ว
ส่วนวารากรเอง ก็ไม่รู้จะเริ่มบอกเรื่องไหนกับพวกท่านก่อนดี ได้แต่อ้ำอึ้งถอนหายใจยาวพรืดอยู่หลายต่อหลายครั้ง
“ผมไม่รู้จะพูดยังไง คือ...”
“อะไร?”
วรากรถอนยาวใจยาวอีกครั้งอย่างหนักใจ ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นพ่อ ก็เจอกับสายตากดดันของมารดาที่ขู่มาทางตน
“แม่ครับ พ่อครับ ถ้าผมบอกว่าพ่อกับแม่เป็นปู่เป็นย่าคนแล้ว พ่อกับแม่จะเชื่อไหมครับ” วรากรลองหยั่งเชิงถามดู และคอยสังเกตุปฏิกิริยาของพวกท่านทั้งสองด้วย
“จริงเหรอกร” อภิเดชเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ ไม่รู้หรอก ว่าลูกชายพูดเรื่องจริง หรือแค่แซวเล่น เพราะความรู้สึกของคนที่ไม่เคยมีลูก เมื่อลูกชายพูดแบบนี้ความรู้สึกตื้นตันผุดขึ้นมาทันที
“ไม่ แม่ไม่เชื่อ” อรอนงค์ค้านขึ้นมาทันที เพราะไม่เชื่อในสิ่งที่ลูกชายบอก เธอเลี้ยงวรากรมา ถึงแม้จะไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด แต่เธอรู้ดีว่าลูกชายเป็นคนรอบคอบขนาดไหนไม่มีทางที่จะไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องได้แน่นอน
“ทำไมละอร” อภิเดชถามผู้เป็นภรรยากลับอย่างไว
“คุณพี่ไม่รู้จักนิสัยลูกชาย ที่คุณพี่เลี้ยงมาเองหรือค่ะว่าตากรเป็นคนแบบไหน” อรอนงค์ถามผู้เป็นสามีออกไปด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง ที่สามีไม่เชื่อมั่นในตัวของลูกชาย
“...” อภิเดชนิ่งเงียบมองหน้าลูกชายแต่ไม่ได้พูดอะไรคิดไม่ตกไปต่าง ๆ นา ๆ
“นี่แกคิดจะมาโกหกพ่อกับแม่เพื่อที่จะไม่ต้องหมั้นกับน้องพลอยใช่ไหม” อรอนงค์จึงหันหน้ามองลูกชายด้วยสายตาที่ผิดหวัง พูดขึ้นอย่างน้อยใจที่ลูกชายรอ่านสร้างเรื่องขึ้นมาโกหก
“เรื่องจริงครับแม่ ตอนนี้ผมเป็นพ่อคนแล้ว” วรากรยืนยันด้วยคำพูดและสายตาที่หนักแน่น
“หมายความว่ายังไง แกไปทำใครท้องจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ” อภิเดชจึงถามลูกชายขึ้นอย่างจริงจัง เมื่อเห็นว่าวรากรไม่ได้โกหกแน่
“ครับ”
“ทำไมลูกไม่ป้องกันละกร แกก็รู้ว่าผู้หญิงสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ นี้ปล่อยให้ตัวเองท้องก็คงหวังจะจับลูกละสิ” อรอนงค์ได้แต่ตำหนิ ต่อว่าลูกชายออกไปทันที แถมยังเอ่ยเย้ยหยันดูถูกถึงหญิงสาวคนนั้นด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้นครับแม่”
“แล้วมันมีเหตุผลไหนล่ะที่ผู้หญิงพวกนั้นจะปล่อยให้ตัวเองท้องได้ เพราะรู้ว่าแกเป็นใครไงลูก”
“เธอไม่ใช่พวกผู้หญิงแบบนั้นนะครับแม่ ผมยืนยันได้” วรากรยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เมื่อมารดากำลังกล่าวหาดูถูกแม่ของลูกเขา
“แล้วเป็นผู้หญิงแบบไหน เป็นแฟนกันเหรอไง แล้วคบกันมานานแค่ไหนแล้วละ” อรอนงค์ถามต่อทันที เมื่อเห็นว่าลูกชายกำลังเข้าข้างและปกป้องผู้หญิงคนนั้น
“ไม่ใช่แฟนครับ แต่รับรองว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงแบบที่แม่คิดแน่นอน”
“เฮ้อะ ผู้หญิงที่ยอมนอนกับผู้ชายแล้วปล่อยให้ตัวเองท้อง จะให้แม่มองเป็นผู้หญิงแบบไหนกร แล้วลูกมั่นใจมากแค่ไหนว่าเป็นลูกของตัวเอง ไม่ใช่ว่ามั่วจนหาผู้ชายมารับผิดชอบไม่ได้หรอกนะ เลยมาจับกรแทน” อรอนงค์ได้แต่แค่นหัวเราะ เมื่อลูกชายปกป้องผู้หญิงคนนี้อย่างสุดใจ
พวกเธออยู่ในสังคมนี้มานานตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่ เธอย่อมรู้ดีว่าเป็นแบบไหน เธอเองก็เคยเจอและผ่านเหตุการณ์แบบนี้มา เพราะสมัยตัวเองยังหนุ่มสาว ผู้หญิงก็เข้าหาสามีและเคยถูกแอบอ้างว่าท้องมาให้รับผิดชอบเหมือนกัน
แต่ผิดกับเธอ ที่อยู่กินกับผู้เป็นสามีมานานก็ยังไม่มีทายาทเลย ทั้งสองจึงได้ไปตรวจและได้รับรู้ว่าอภิเดชนั้นเป็นหมัน ไม่สามารถมีบุตรได้
“เพราะผมเป็นผู้ชายคนแรกของเธอครับ”
