บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ขอมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ

ขอมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบ

“ขออนุญาตครับ”

“ปลา พ่อว่าพวกเราพาน้องชินกลับบ้านของเรากันเถอะ เหมือนพ่อพ่อของวิวาห์จะอยู่กับลูกเขานะ” ปราณนต์ เมื่อเห็นว่าเป็นใครมา จึงเอ่ยบอกกับลูกสาวพาลูกชายวัยสามเดือนออกไปด้วย

ปาณิศาจึงอุ้มลูกชายวัยสามเดือน เดินออกไปจากบ้านหลังนี้ไป ปล่อยให้สุทธิดาอยู่ตามลำพังกับลูกสองคน เพราะคิดว่าวรากรคงจะมีเรื่องอะไรที่ต้องตกลงกัน

“คุณมาที่นี่ทำไม” สุทธิดาถามขึ้นทันที เมื่ออยู่กันเพียงลำพังกับเขา

“ก็มาทำหน้าที่ของพ่อต่อไง ผมจะกลับกรุงเทพฯแล้วนะธิดา” เขาเอ่ยตอบแล้วเดินเข้าไปหาลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหลับอยู่บนฟูกนอนบนเตียงนอนของเธอ

“ตอนนี้ฉันพอจะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว ต่อไปคงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก” เธอบอกเขาออกไปเพราะตอนนี้เธอสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ค่อยคล่องถนัดเท่านั้น

“ธิดา บ้านผมไม่ได้อยู่ที่นี่น่ะ ตอนนี้ขอให้ผมได้มีเวลาอยู่กับลูกบ้างเถอะนะ ขอร้องล่ะ” วรากรพูดกับเธอด้วยสายตาเว้าวอนร้องขอ เมื่อเธอพูดแบบตัดเยื่อใยไม่รักษาน้ำใจเขาเลย

“ตอนนี้วิวาห์กำลังหลับอยู่นะ” สุทธิดาได้แต่ส่งสายตาดุเขาไว้อย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก เมื่อเขาเริ่มเสียงดังใส่ เพราะตอนนี้ลูกสาวกำลับหลับอยู่ กลัวว่าจะตกใจสะดุ้งร้องแผดเสียงขึ้นมาจะยุ่งเอา

“พ่อขอโทษนะครับวิวาห์ หลับก็ไม่เป็นไร ผมจะนั่งดูลูกเฉย ๆ แค่ได้เห็นหน้าลูกแค่นี้ก็มากเพียงพอแล้ว” วรากรรีบเอ่ยขอโทศลูกสาวอย่างรู้สึกผิดที่เผลอเสียงดัง แล้วจึงหันมาพูดกับเธอที่มองเขาตาเขียวอยู่อีกฝั่งตรงข้ามระหว่างลูก

วรากรหันกลับมาสนใจลูกสาวที่กำลังหลับอยู่อีกครั้ง แล้วครั้งนี้เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูของเขาออกมา หมายจะทำอะไรบางอย่าง

“นั่นคุณจะทำอะไร” สุทธิดารีบท้วงเขาขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าวรากรกำลังจะทำอะไรกับลูกสาวตัวน้อยของเธอ

“ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้มาหาลูกที่นี่อีกเมื่อไหร่ ขอเก็บภาพลูกเอาไว้เยอะ ๆ จะเก็บเอาไว้ดูตอนทำงานเหนื่อย” เขาเอ่ยตอบกับเธอ แต่สายตากับโฟกัสอยู่ที่ใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกสาว และโทรศัพท์มือถือเครื่องแพง เอียงหามุมองศาเก็บภาพสวย ๆ ของลูกสาวไปพลาง ๆ

“คุณจะมาที่นี่อีกอย่างนั้นเหรอ” สุทธิดาถามขึ้น เมื่อได้ยินในสิ่งที่เขาพูดออกมา ใจดวงน้อยกลับเต้นไม่เป็นจังหวะอีกครั้ง เมื่อได้ยินประโยคที่เขาพูด

“มาสิ ก็ลูกสาวผมอยู่ที่นี่ น้องวิวาห์ทำผมหลงขนาดนี้ ใครจะอดใจไหวล่ะ ถ้าเป็นไปได้ผมอยากอยู่กับลูกตลอดเวลาเลยด้วยซ้ำ” เขาจึงหันหน้ากลับไปมองหน้าเธอ แล้วเอ่ยอย่างมั่นใจ พร้อมกับใบหน้าที่มีรอยยิ้มประดับมองดูลูกสาว

ใบหน้าสวยที่ไร้เครื่องสำอางแต่งเติม เผยความเศร้าสลดลงมาเพียงเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าเธอควรจะมีความรู้สึกเช่นไร ใจหนึ่งก็แอบดีใจที่เขาพูดแบบนั้น อีกใจก็มีความกังวลเพราะไม่รู้ว่าเขาพูดเพื่อให้เธอรู้สึกดี หรือเพราะเขาพูดตามความรู้สึก

“คุณจะมาอยู่กับลูกตลอดได้ยังไงกัน คุณมีงานที่ต้องทำนะ แล้วอีกอย่างเราก็ไม่ได้เป็นอะไรกันคุณจะมาอยู่ที่นี่ก็คงจะไม่เหมาะ” เธอจึงได้แต่ปั้นหน้าพูดกับเขา พยายามควบคุมน้ำเสียงให้ปกติ

วรากรจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนทื่อหนาจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เปิดออกดึงบัตรสี่เหลี่ยมในนั้นออกมาแล้วยื่นให้แก่เธอตรงหน้า

“ธิดา คุณเก็บบัตรนี้ไว้เป็นค่าใช้จ่ายน่ะ อยากจะใช้เท่าไหร่ก็ใช้ได้เลยผมจะโอนไว้ให้คุณกับลูกได้ใช้ทุกเดือน ส่วนรหัสเป็นวันเกิดของลูกเรา”

“คุณ...” สุทธิดาได้แต่เบิกตากว้าง เพราะไม่คิดว่าเขาจะมอบอะไรให้เธอแบบนี้

จริงอยู่ที่เขามีสิทธิ์ในความเป็นพ่อ แต่สิทธิ์การในการดูแลลูกทั้งหมดเป็นของเธอ แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องมอบอะไรให้แบบนี้ แค่รับผิดชอบเท่าที่จำเป็นก็เพียงพอแล้ว เพราะเธอไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขาเลย

“เก็บไว้เถอะ กว่าคุณจะทำงานได้อีกก็ตั้งหลายเดือน ถือว่าผมให้ลูกน่ะ” เขาจึงเอ่ยย้ำกับเธออีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเธอยังมีความลังเล

เมื่อไม่สามารถปฏิเสธได้ เธอจึงได้แต่ยอมรับมาเพื่อไม่เป็นการหักหาญน้ำใจเขา ในเมื่อเขาอยากจะให้เธอก็จะรับมันเอาไว้

“ขอบคุณค่ะ” เธอไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณเขา

“ผมสิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณ ที่คุณยอมทิ้งอนาคตของตัวเองไม่ทำลายเขายอมเก็บเขาเอาไว้ แต่ทำไมคุณไม่ยอมบอกผมบ้างเลย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึก ๆ มีความน้อยใจปนอยู่ แต่ก็แสดงออกมากไม่ได้เพราะทั้งคู่ไม่มีสถานะอะไรนอกจากความเป็นพ่อและแม่

“ก็มันเป็นความผิดที่ฉันเป็นคนก่อ แล้วเราก็ไม่ได้มีอะไรข้องเกี่ยวกันนะจะให้ฉันบอกคุณได้ยังไง”

“แต่เขาก็คือเลือดเนื้อของผมนะ อย่างน้อย ๆ ทำก็ทำด้วยกัน พอท้องก็ปิดปากเงียบ นี่ถ้าเกิดผมไม่มาที่นี่ผมก็คงไม่รู้สินะว่าตัวเองเป็นพ่อคน ไอ้วิชญ์ก็ไม่ยอมบอกอะไรเลย”

ที่เธอพูดมาทั้งหมดมันก็ถูกของเธอ เพราะคนสองคนที่มีความสัมพันธ์กันเพียงแค่ทางร่างกาย ไม่มีความรู้สึกผูกพันกันทางใจเลย จะให้บอกกับอีกฝ่ายมันก็จะเป็นการผูกมัดไม่ให้อีกฝ่ายเป็นอิสระเสียเปล่า

“ฉันขอร้องไม่ให้พี่วิชญ์กับพี่ปลาบอกเองแหละ ว่าแต่ทำไมคุณถึงยอมรับผิดกับผู้ใหญ่แต่เพียงคนเดียวทั้งที่มัน...” เธอพูดถึงประเด็นในเรื่องนี้ คือเธอเองที่เป็นคนขอร้องไม่ให้บอกกับเขา

“ผมว่าตอนนี้คุณเริ่มจะพูดมากเกินไปแล้วนะธิดา คุณนอนพักผ่อนได้แล้วผมจะดูลูกให้เอง” วรากรชิ่งพูดสวนขึ้นมาก่อนที่เธอจะเอ่ยจบ เมื่อเห็นว่าเธอเริ่มร่ายวกกลับมาถึงเรื่องที่พึ่งจะเคลียร์กันจบลงไปหมาด ๆ

“แต่...”

“จะนอนหรือไม่นอน”

ไม่เพียงแค่พูดปากเปล่า แต่ครั้งนี้วรากรกลับใช้สายตาร้อนแรงมองขู่เธออีกด้วย เพื่อว่าคนดื้อรั้นแบบเธอจะยอบหยุดพูดและพักผ่อนเสียที

“นะ นอนก็ได้ ถ้าอย่างนั่นฝากลูกด้วยนะคะ” สุทธิดาจึงยอมโอนอ่อนให้ ด้วยการทิ้งศีรษะลงที่หมอนใบใหญ่ใกล้กันกับลูกสาวตัวนอนที่กำลังหลับอยู่

*

*

“มึงสิมาเฮ็ดหยังอีกบักโก” (มึงจะมาทำไมอีกไอ้โก) เจ้าของสถานที่นี้เอ่ยปากถามขึ้นทันที ที่ผู้มาเยือนซึ่งเขาเห็นหน้าแทบทุกวันแวะเวียนมาอีกแล้ว

“มาเยี่ยมธิดากับลูก ได้ยินข่าวว่าออกจากโรง’บาลแล้ว” เจ้าขตัวที่ถูกถามตอบออกไปตามตรง ตามจุดประสงค์ที่เขามาในวันนี้

“อืม ตอนนี้อยู่เฮือนกับ...” (อืม ตอนนี้อยู่บ้านกับ...) ชนาวิชญ์พยักหน้ารับเชิงเป็นการรับรู้ และกำลังะเอ่ยตอบ แต่แขกผู้มาเยือนก็ไม่รอฟังเสียแล้ว เดินออกไปอย่างรวดเร็วมุ่งหน้าไปยังที่หมายทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel