ตอนที่ 5 พร้อมรับผิดชอบ
พร้อมรับผิดชอบ
สามวันต่อมา
บ้านสวนปานวิชญ์
สุทธิดาได้ออกจากโรงพยาบาลกลับมาบ้านอยู่แล้ว และทุกคนก็มารวมตัวกันอยู่ที่บ้านหลังใหญ่ เพราะต้องการรับฟังข้อตกลงวรากร ที่ต้องการแสดงความรับผิดชอบ
“ยายนา แม่คำนาง สวัสดีครับ” วรากรรีบยกมือขึ้นไหว้เจ้าบ้านอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนอีสาน ฟังออกทุกคำแต่เขาก็พูดไม่ได้ เพราะตัวเองเติบโตมากับสถานเลี้ยงเด็ก และต่อมาได้มีคนใจบุญรับเลี้ยงดูเขาต่อในฐานะลูกบุญธรรม โดยตัวเขาได้กลายเป็นคนภาคกลางไปโดยปริยาย
“ไหว้พระเถอะลูก” คำนาง มารดาของชนาวิชญ์รับไหว้ชายหนุ่ม พร้อมกับส่งยิ้มรับอย่างเอ็นดูเพื่อนของลูกชาย
“สวัสดีครับลุงปราน แล้วก็พ่อ! เอ่อ...ลุงชัยด้วยนะครับ” วรากรจึงหันไปทางที่พ่อตาของชนาวิชญ์ และผู้เป็นตาของลูกสาวเขาด้วยการยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“...” ศักดิ์ชัย ผู้ซึ่งเป็นบิดาที่เลี้ยงดูสุทธิดามาตั้งแต่เล็ก ได้แต่มองหน้าของวรากรด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาสักคำ
“ก่อนอื่นเลยผมต้องขอโทษลุงชัยด้วยนะครับ ที่ทำลายอนาคตของธิดาและได้ล่วงเกินลูกสาวลุงลงไป ผมยินดีที่จะรับผิดชอบทุกอย่างเลยครับ”
ใจดวงน้อยของสุทธิดาเต้นแรงแทบจะทะลุออกมา ที่ได้ยินคำรับสารภาพผิดจากปากของวรากรที่เอ่ยกับบิดาของเธอ เธอเป็นคนก่อเรื่องเป็นคนเริ่มก่อนแท้ ๆ เขาคือคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเธอถึงแม้ะไม่เต็มใจก็ตาม แต่เขากลับไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้เลย ยอมรับความผิดไว้เองแต่เพียงคนเดียว
“แล้วธิดาล่ะ พี่เขายอมรับผิดและพร้อมจะรับผิดชอบ หนูจะว่าอย่างไร” ศักดิ์ชัยหันหน้าไปถามความเห็นจากลูกสาวเพียงคนเดียวที่รักปานดวงใจ
สุทธิดาซึ่งนั่งอยู่ใกล้ ๆ กันกับยายนาผู้อาวุโสที่ทุกคนที่นี่ต่างเคารพ และอีกข้างเป็นปาณิศา เธอจึงได้แต่มองหน้าทุกคนสลับไปมา ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดีต่อจากนี้
ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ยอมรับว่าวรากรทำหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดี เขาคอยดูแลช่วยเหลือเธอและลูก โดยที่เธอไม่ต้องเอ่ยปากบอกเลย แต่ตอนนี้เธอกำลังสับสนเพราะไม่รู้ว่าเขามีคนของใจหรือยัง
“เอ่อ คุณก็รับผิดชอบแค่ในส่วนของลูกพอแล้วค่ะ” สุทธิดาตอบออกไป ตามที่ตัวเองคิดว่าควรเป็นทางออกที่ดีแก่ทั้งสองฝ่ายที่สุดแล้ว
เพราะหากว่าเขามีคนของเขาอยู่แล้ว เธอจะเป็นคนที่เห็นแก่ตัว แย่งเขามาเพียงแค่ต้องการอยากให้ลูกมีพ่อไม่ได้ ทุกคนต่างอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งนั้น แต่เธอกับเขาไม่ได้รักกันจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร
“ธิดา...” วรากรเอ่ยชื่อเธอขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำตอบของเธอ
“ธิดาพูดออกมาแบบนี้ แล้วมึงจะเอาไงต่อไอ้กร” ชนาวิชญ์ที่นั่งข้างกัน ได้แต่ปรามไม่ให้เพื่อนพูดอะไรมาก แล้วถามเพื่อนกลับไปบ้างว่าจะทำเช่นไรต่อเมื่อสุทธิดาพูดออกมาเช่นนี้
“เอาตามที่ธิดาต้องการก็ได้ แต่ขาดเหลืออะไรก็บอกผมได้เลย” วรากรได้แต่ยอมรับในสิ่งที่สุทธิดาบอก เพราะรู้ดีว่าไม่มีสิทธิ์อะไรมากกว่านี้ แค่ได้มีสิทธิ์ในตัวลูกให้ลูกได้ใช้นามสกุลเท่านี้ก็มากกว่าเพียงพอแล้ว
“แล้วเรื่องนี้พ่อกับแม่รู้เรื่องหรือเปล่า” ศักดิ์ชัยถามวรากรต่อ
ชนาวิชญ์ได้มาเล่าเรื่องครอบครัวของวรากรให้ฟังบ้างแล้ว ว่าฐานะเป็นอย่างไร ตนเองก็ไม่กีดกันหากทั้งสองจะมาหาสู่กัน เพราะสุทธิดาเองก็ไม่ได้มีครอบครัวที่เพียบพร้อม แต่เมื่อลูกสาวตัดสินใจแบบนี้ตนเองก็ไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นหรือบังคับอะไรลูกได้
“ยังครับ พอดีมันกะทันหัน เลยยังไม่ได้โทรฯไปแจ้งข่าวให้พวกท่านทราบ แต่จากนี้จะบอกพวกท่านแน่นอน” วรากรตอบออกไปตามตรง เพราะเขายังไม่ได้แจ้งท่านจริง ๆ แล้วเขาเองก็ไม่รู้ด้วยว่าพวกท่านจะยินดีหรือไม่ที่เขาทำผู้หญิงท้อง
“แล้วคิดอย่างไรกับแม่ของลูก...” คำนางจึงถามขึ้นมาบ้าง ในฐานะที่เธอเองก็เป็นผู้ใหญ่ของคนทั้งคู่นับถือ เธอเองก็มองวรากรและสุทธิดาเหมือนลูกคนหนึ่ง
“ผม...”
“เราชอบธิดาหรือเปล่ากร” คำนางถามขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าวรากรยังมีความลังเลไม่กล้าตอบออกมา หรือเป็นเพราะเขินอายที่สมาชิกอยู่ที่นี่กันเยอะ
“ป้านางค่ะ คือ...” สุทธิดาที่กลัวคำตอบจากวรากร เธอจึงรีบเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างเสียมารยาท
“ธิดากับปลา พวกเราออกไปกันก่อนดีกว่า ทางนี้ให้ผู้ใหญ่ได้ปรึกษากันน่ะ” ปราณนต์ เอ่ยบอกลูกสาวและสุทธิดา เพราะตัวเขาเองถือว่าเป็นคนนอกอยากให้ศักดิ์ชัยที่เป็นบิดาของสุทธิดาได้พิจารณาตัดสินใจเอง
สุทธิดาจึงยอมลุกออกไปตามที่ปราณนต์บอก โดยมีปาณิศาคอยช่วยประคองเดินออกไปอย่างระมัดระวัง เพราะเธอเองยังปวดแผลเดินไม่ค่อยสะดวก
“สรุปว่า เราชอบหนูธิดาหรือเปล่าล่ะกร” คำนางถามย้ำขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อสมาชิกเหลือน้อยลง พร้อมกับจ้องหน้าอย่างต้องการคำตอบ
“มึงตอบออกมาตามความรู้สึกของตัวเองเลยไอ้กร” ชนาวิชญ์ช่วยเตือนสติ เพราะเรื่องนี้ก็เคยคุยกัน เมื่อตอนอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
“คือ ผมไม่รู้ครับว่าตัวเองรู้สึกกับธิดาแบบไหน ตอนนี้ผมให้คำตอบกับใครไม่ได้ เพราะตัวผมเองผมก็ยังไม่รู้เลย” เขาตอบทุกคนออกไปตามความรู้สึก ที่เขาคิดว่าเขามั่นใจอยู่ในตอนนี้
ทุกคนที่ได้ยินคำตอบของวรากร ต่างก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจและเห็นใจวรากรเหมือนกัน เพราะทั้งคู่ไม่เคยคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน
“พวกเราทุกคนที่อยู่ตรงนี้เข้าใจกรนะ”
“ขอบคุณทุกคนนะครับที่เข้าใจผม ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอไปหาลูกก่อนกลับกรุงเทพฯได้ไหมครับ” วรากรยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณทุกคนอีกครั้ง ที่เข้าใจเขาในตอนนี้ ก่อนจะขออนุญาตออกไปหาลูกสาวตัวน้อยของเขา
“ตามหนูนิดมาจ้ะ”
วรากรจึงได้แต่เดินตามชนิดาออกไป เพราะเขาอยากใช้เวลาอยู่กลับลูกสาวให้ได้นานมากที่สุด ก่อนที่จะเดินทางกลับไปสู้งานของเขาต่อ
จากนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่เหมือนกัน เมื่อวรากรแยกตัวไปหาลูกสาวของเขาแล้ว บ้านที่สุทธิดาอยู่ในตอนนี้นั้น เป็นบ้านหลังพอเหมาะที่ที่ชนาวิชญ์ได้สร้างขึ้นให้เธออยู่เมื่อไม่นานมานี้เอง เพื่อที่จะได้สะดวกต่อการเลี้ยงลูกน้อย
