ตอนที่ 4 หน้าที่ที่ต้องทำ
หน้าที่ที่ต้องทำ
“ธิดาเป็นยังไงบ้างครับ” เสียงนุ่มถามขึ้น พร้อมกับสายตาที่ทอดมองไปทางคนที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยความห่วงใย
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณคุณโกกับคุณจักษ์มากนะคะ ที่อุตส่าห์มาเยี่ยมธิดา” สุทธิดาตอบออกด้วยความเกรงใจ และขอบคุณจากใจจริงที่เขามาเยี่ยมเธอทั้งที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย
“ขอบคงขอบคุณอะไรกันครับน้องธิดา พวกเราคนกันเองทั้งนั้น” เพื่อนท่าพร้อมกันรีบพูดขึ้นมาเสียก่อน เมื่อเห็นว่าเพื่อนมีใบหน้าถอดสีที่สุทธิดาเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ เพราะรู้ดีว่าเพื่อนเขานั้นคิดเช่นไรกับเธอ
ประจักษ์ชัย หรือ จักษ์ หนุ่มเจ้าเสน่ห์สุดหล่อของเพื่อนในกลุ่ม เป็นนุ่มเจ้าถิ่นในวัย 24 ปี และเป็นเพื่อนสมัยเรียนตั้งแต่มัธยมกับโกสินทร์และชนาวิชญ์อีกด้วย แต่จะสนิทกับโกสินทร์มากกว่า
“ปลาว่าพวกเรากลับออกไปกันก่อนเถอะค่ะ รบกวนการพักผ่อนของธิดามามากแล้ว อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาธิดาต้องให้นมลูกแล้วด้วย” ปาณิศาที่อยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกรีบเอ่ยขึ้น และเป็นจังหวะที่สามีเดินกลับมาพอดี
“มีอะไรให้ช่วย ธิดาบอกพวกพี่ได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจกัน” โกสินทร์หันมาบอกกับทางเธอที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์
“บักโกกลับกันก่อนเถาะ” (ไอ้โกกลับกันก่อนเถอะ) ประจักษ์ชัยจึงดึงโกสินทร์พากลับออกไปจากห้องนี้ทันที เมื่อเจ้าตัวยังคงยืนนิ่ง มองหญิงสาวด้วยสายตาอ้อนวอน
ทุกคนจึงออกไปรอกันที่นอกห้อง และวรากรกับศุภวัฒน์ก็เดินกลับมาถึง มองหน้าทุกคนที่อยู่หน้าห้องอย่างนึกแปลกใจ
“คือพยาบาลกำลังสอนธิดาให้นมลูกอยู่ พวกเราเลยต้องออกมารอกันที่หน้าห้อง และอยากให้ธิดาได้พักผ่อนด้วย” ปาณิศาเอ่ยบอก เมื่อเห็นเพื่อนของสามีอีกสองคนเดินกลับมา หลังจากที่วรากรถูกสามีเธอลากออกปากห้องก่อนหน้านั้น
“พวกคุณกลับกันเลยก็ได้นะครับ ผมขออยู่ทำหน้าที่ที่นี่ต่อเอง” วรากรจึงหันไปบอกกับทุกคน แถมยังส่งสายตามองไปทางโกสินทร์อย่างเย้ยหยันราวกับว่าตนเป็นผู้ชนะ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็กลับกันเถอะ” ชนาวิชญ์จึงบอกให้ทุกคนกลับออกไป
“บักโก กลับ!” (ไอ้โก กลับ!) ประจักษ์ชัยได้แต่ลากเพื่อนกลับออกไป แต่เจ้าตัวไม่ยอมไหวติง
“แต่บักอันนี้มันคือ...” (แต่ไอ้หมอนั่นมันกำลัง...)
“เขาคือพ่อของลูก...” ประจักษ์ชัยได้แต่พูดกับโกสินทร์เสียงเบาราวกระซิบคอยย้ำเตือนถึงสถานะให้เพื่อนรู้ว่าตัวเองนั้นอยู่จุดไหน
วรากรจึงผลักประตูเข้าไปด้านในทันที หลังจากที่ทุกคนกลับออกไปกันหมดแล้ว สายตาคมมองเห็นพาบาลกำลังคอยบอกสอนคุณแม่มือใหม่ให้นมลูกอยู่พอดี
“คุณพ่อมาพอดีเลย มาค่ะเข้ามาช่วยประคองคุณแม่นั่งให้นมลูกนะคะ” พยาบาลสาวหันมาเห็นคนมาใหม่ จึงเอ่ยทักแบบออกไปแบบตรง ๆ เพราะทราบว่าเป็นบิดาของเด็ก เลยเรียกให้เขาเข้ามาใกล้ ๆ ถือโอกาสนี้ได้สอนคุณแม่และทั้งคุณพ่อมือใหม่ไปพร้อม ๆ กันเลย
“ครับ” วรากรขานรับ แล้วเดินเข้าใกล้ ๆ ตามที่พยาบาลสาวบอก
“คุณพ่อนั่งซ้อนหลังคุณแม่ แล้วสอดแขนเข้ามาคอยช่วยประคองลูกไว้ด้วยนะคะ เผื่อคุณแม่ปวดแขน” พยาบาลเอ่ยบอก
วรากรยอมทำตามที่พยาบาลบอกอย่างว่าง่ายด้วยความเต็มใจ โดยไม่มีทีท่าเก้อเขินอะไรเลยสักนิด ซึ่งต่างจากอีกคนที่นั่งเปิดเต้าให้ลูกน้อยดูดนมจากอก ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อเพราะเขินอายที่ต้องทำอะไรแบบน่ามกลางสายตาของคนที่มีสถานะแค่พ่อของลูก
“ส่วนอีกข้าง คุณแม่กับคุณพ่อก็ทำแบบเดิมได้เลย พอลูกกินอิ่มอย่าลืมอุ้มลูกขึ้นพาดบ่าให้เรอก่อนวางลูกนอนนะคะ”
พยาบาลส่งยิ้มให้กับภาพความอบอุ่นของคุณพ่อคุณแม่ยังสาวตรงหน้า ก่อนที่จะเดินออกไป เมื่อหมดหน้าที่ของเธอ
“คะ คุณ พยาบาลออกไปแล้วค่ะ คุณไม่ต้อง...” สุทธิดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักบอกเขา เมื่ออยู่กันตามลำพัง
“เปลี่ยนข้างได้แล้วธิดา” วรากรไม่ได้สนใจในสิ่งที่เธอบอก แต่กลับเปลี่ยนเรื่องมาสนใจแต่เรื่องของลูกสาวตัวน้อยของเขาแทน ถึงแม้จะรู้ว่าเธอกำลังจะบอกอะไรขาก็ตาม
สุทธิดานั่งตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับ เพราะตอนนี้เขานั้นไม่ใช่แค่คอยประคองลูก แต่กลับเป็นการกอดเธอมากกว่าเพราะเขยถือวิสาสะเกยคางลงที่ไหล่ของเธอ แถมยังพ่นลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอเธออีกด้วย
“คะ คุณ” เธอตกใจพยายามย่นคอหนี
“เร็วสิ เดี๋ยวลูกกินไม่อิ่มคงได้แดเสียงขึ้นมาแน่” เขาจึงกระซิบเสียงแหบพร่าย้ำกับเธออีกครั้ง เมื่อเธอไม่ยอมทำตาม
“คุณช่วยออกไปก่อนได้ไหม”
“จะอายอะไรธิดา ผมเห็นมาหมดแล้วแถมยังเคยทำมากกว่านั่นนตอนนี้มีเจ้าหนูคนนี้ออกมาแล้วไง” เขาพูดออกมาหน้าตาย พูดแบบหน้าไม่อายเลย เพราะรู้ดีว่าที่เธอต้องการให้เขาออกห่างเพราะอะไร
“แต่...”
“ถึงตอนนี้ผมจะเห็นนมคุณ แต่ผมก็ทำอะไรคุณไม่ได้อยู่ดีธิดา”
สุทธิดาจึงได้แต่ถอนหายใจพรืด ยอมนั่งอยู่นิ่ง ๆ แล้วทำตามที่เขาบอก โดยไม่กล้าที่จะขัดใจหรือดุเขาออกไป เพราะลูกสาวตัวน้อยกำลังเข้าเต้าดูดอย่างเพลิดเพลิน
‘มันน่ารักน่ะ นี่ดูดกะจะไม่เหลือไว้ให้พ่อเลยใช่ไหม’
วรากรได้แต่ครุ่นคิดนึกอิจฉาลูกสาวตัวน้อยที่ได้มีโอกาสดูดกลืนกินนมจากอกของมารดาอย่างมูมมาม ราวกับว่าจะมีใครมาแย่ง จนมืออีกข้างที่ว่างยกขึ้นมานวดเคล้นที่เต้าว่างอย่างลืมตัว
“นี่คุณทำอะไร” สุทธิดาร้องทักขึ้นเสียงดังทันที เพราะตกใจในการกระทำของเขา แต่เธอก็ไม่กล้าขยับเพราะกลัวลูกสาวจะแผดเสียงร้องเมื่อถูกขัดจังหวะ
“ชู่ว์... เบา ๆ สิธิดา ผมก็ช่วยนวดเต้าให้ตามคำแนะนำที่พยาบาลสอนมาอยู่ไง” เขารีบแก้ต่างให้ตัวเอง เมื่อเผลอตัวทำอะไรลงไป โดยการนำเทคนิคความรู้ที่เคยเรียนมาบอกเธอทันที
“แต่แบบนี้มัน...”
“นั่งอยู่เฉย ๆ พอ ถ้าคุณเมื่อยก็พิงผมได้เลย”
จากนั้นวรากรจึงเป็นฝ่ายจับลูกขึ้นพาดบ่า แล้วเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เสร็จสับ ตามที่พยาบาลบอกสอน ก่อนจะวางลูกสาวตัวน้อยลงนอนที่เดิมของตัวเอง
“เป็นอะไร” วรากรถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้ากังวลของสุทธิดา
“คุณออกไปได้แล้ว ฉันอยากเข้าห้องน้ำ...”
“มาผมช่วย”
วรากรตั้งท่าจะเดินเข้าไปหาเธอ เพื่อจะช่วยเธอไปส่งที่ห้องน้ำ แต่ถูกเธอร้องปรามเอาไว้เสียก่อน เท้าใหญ่ได้แต่ชะงักมองหน้าเธอ
“มะ...”
“เดินไหวหรือไง เดี๋ยวก็ล้มหัวฟาดหรอก”
“ฉัน...”
“ผมช่วย จะได้รีบเสร็จ แล้วคุณจะได้พักผ่อนต่อ เดี๋ยวลูกตื่นขึ้นมาร้องอีก ผมไม่มีนมป้อนเขานะธิดา”
เมื่อไม่อาจจะหักหาญน้ำใจของวรากรได้ เธอจึงได้ให้เขาอุ้มเธอขึ้น แล้วพาเธอไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัวให้แล้วเสร็จ เขาก็อุ้มเธอกลับมาวางที่เตียงผู้ป่วยต่อให้เธอได้พักผ่อน จากนั้นเขาจึงได้เข้าไปจัดการกับตัวเองที่ห้องต่อ
ใช้เวลาในห้องน้ำไม่ถึงสิบห้านาที วรากรก็เดินออกมาพบว่า สองแม่ลูกได้หลับไปแล้ว เขาจึงได้แต่จัดของที่คนนำมาเยี่ยมให้เข้าที่เข้าทางเป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อนจะเดินออกไปทิ้งตัวลงนอนที่โซฟาข้างนอกเพราะยังไม่ได้นอนมาทั้งคืน
