บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 กรธิดา

กรธิดา

รุ่งเช้า

สุทธิดาและลูกสาวตัวน้อยของเธอถูกย้ายเข้ามาอยู่ที่ห้องพักฟื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นการเดินเรื่องจัดการของวรากรทั้งหมด ทั้งการเดินเรื่องเอกสารต่าง ๆ และห้องพักพิเศษแบบวีไอพีนี้อีกด้วย

“ธิดา เป็นยังไงบ้าง” เสียงหญิงสาวเอ่ยทักขึ้น เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องพักฟื้นของผู้ป่วยแบบวีไอพี ที่สามารเข้ามาหลายคนได้

ปาณิศา หรือ ปลา หญิงสาววัย 28 ที่พึ่งเข้าประตูวิวาห์ไปเมื่อคืน และเป็นลูกสาวเจ้านายของบิดาเธอ ทั้งสองนับถือกันเหมือนเช่นพี่น้อง และตอนนี้ก็ไม่มีคำว่าเจ้าและลูกน้องอีกต่อไป เพราะทุกคนมาอยู่ที่นี่กันฉันญาติพี่น้อง อยู่แบบเท่าเทียมไม่มีแบ่งแยกชนชั้น

“พี่ปลา พี่วิชญ์ ธิดาขอโทษนะคะ ที่ทำให้คืนเข้าหอของพวกพี่วุ่นวายไปหมดเลย” สุทธิดามองไปที่คนทั้งสองด้วยความรู้สึกผิด รีบเอ่ยขอโทษคนทั้งสองอย่างรู้สึกผิดที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ในคืนเข้าหอของคนทั้งสอง แต่ลูกสาวของเธอดันมาเลือกเกิดได้ถูกวันอีก

“อย่าโทษตัวเองเลยธิดา พี่ว่าน่ายินดีออกใครจะไปรู้ล่ะ ว่าเจ้าตัวแสบจะเลือกมาเกิดได้ถูกวัน แล้วนี่ไอ้กรมันไปไหน...” เสียงทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยพูดกับเธอ แต่สายตากลับมองหาอีกคนที่คิดว่าจะอยู่ในห้องนี้ด้วย แต่ก็ไม่เห็นมีใคร จึงถามหาทันที

ชนาวิชญ์ หรือ วิชญ์ อดีตนักแสดงหนุ่มวัย 24 ปี ที่ตอนนี้กลับมาผันตัวเป็นชาวสวนสร้างอาชีพและธุรกิจอยู่ที่บ้านเกิด

“ไปจัดการเรื่องเอกสารการแจ้งเกิดของลูกอยู่ค่ะ” สุทธิดาตอบชนาวิชญ์ออกไปตามตรง เพราะไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังหรือเก็บเป็นความลับอีกต่อไปแล้ว ในเมื่อทุกคนก็คงจะรู้กันหมดแล้วว่าใครเป็นพ่อของลูกเธอ

“แล้วหลานพี่เป็นยังไงบ้าง” ปาณิศารีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อสังเกตเห็นใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสุทธิดา เธอจึงถามถึงหลานสาวที่พึ่งลืมตาดูโลก

“แข็งแรงดีค่ะ จ้ำม่ำมากเลยพี่ปลา” สุทธิดาเอ่ยตอบไปตามตรง รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าให้ดูสดใสขึ้นมาทันที เมื่อเอ่ยถึงลูกสาวตัวน้อยของเธอ

“หลานลุงชื่ออะไรดีครับ” ชนาวิชญ์จึงเดินไปที่ตรงหลานสาวกำลังหลับอยู่ก่อนจะเอ่ยหยอกล้อด้วยน้ำเสียงน้ำที่นุ่มนวลแสนอบอุ่น เพราะเขาเองก็มีลูกชายตัวน้อยเหมือนกัน ตอนนี้อายุพึ่งได้สามเดือน กำลังเป็นที่รักของทุกคนที่บ้านสวนเลย

“น้องวิวาห์ค่ะ” สุทธิดาบอกออกไปตามที่เธอพึ่งคิดขึ้นมาได้หมาด ๆ เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ฉุกละหุกเมื่อคืนที่ผ่านมา

“หืม...” ชนาวิชญ์เลิกคิ้วขึ้นอย่างนึกแปลกใจ ทำไมเธอถึงตั้งชื่อลูกแบบนี้ แต่เขาก็คิดว่าน่ารักดีแถมน่าฟังอีกต่างหาก

“ก็หลานของพี่เลือกคลอดวันที่ลุงวิชญ์กับป้าปลาเข้าประตูวิวาห์พอดียังไงค่ะ” สุทธิดาบอกออกมากับทุกคน

“ดีน่ะ ไม่ให้ชื่อ น้องเข้าหอ...” ศุภวัฒน์ที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง ได้ยินในประโยคของสุทธิดาพูดพอดี จึงเอ่ยแซวเจ้าบ่าวเจ้าป้ายแดงขึ้นมา

“มึงก็พูดสะกูเห็นภาพเลยไอ้เวย์ นั่นมันชื่อลูกกูนะเว้ย” วรากรที่เดินมาตามหลังทันได้ยินในสิ่งที่ศุภวัฒน์พูดก็ตำหนิขึ้นมา เพราะภายในห้องนี้ ยังมีเด็กสาวตัวเล็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะอยู่ร่วมด้วย

“ทำไมไปนานจังว่ะ” ชนาวิชญ์ถามขึ้น เมื่อวรากรและศุภวัฒน์พึ่งจะกลับมา

ศุภวัฒน์ที่ในมือถือของพะรุงพะรัง เดินเอาของวางแล้วทิ้งตัวนั่งลงตรงโซฟาตัวว่างติดกับเด็กสาว โดยที่ไม่ได้พูดอะไร

“ก็พึ่งเคยทำอะไรแบบนี้ครั้งแรกไหม กูก็ทำผิด ๆ ถูก ๆ” วรากรพูดบอกไปตามตรง เพราะเขาเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ใครจะคิดว่าการมางานแต่งของเพื่อน เขาจะได้เป็นพ่อคน แล้วมาทำอะไรแบบนี้ แต่ก็รู้สึกดีเป็นบ้าเลย ตื่นเต้นที่ได้ลองทำในสิ่งที่ไม่เคย ตั้งแต่ได้เขาไปห้องคลอดเห็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองคลอดออกมาแล้ว

“ไหนกูดูหน่อย ว่าหลานสาวกูชื่ออะไร” ชนาวิชญ์ถามพร้อมกับยื่นมือไปขอเอกสารกับวรากร

วรากรจึงส่งเอกสารสูติบัตรที่เขาพึ่งไปทำเรื่องมาหมาด ๆ นั้น ให้แก่เพื่อนทันที ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาลูกสาวตัวน้อยที่กำลังหลับปุ๋ยอยู่

“เด็กหญิงกรธิดา พายุภัทร” เป็นปาณิศาเองที่อ่านชื่อในเอกสารสูติบัตรใบนี้ขึ้นมา พร้อมกับรอยยิ้มยินดี

“ทำไมถึงได้ชื่อนี้เหรอ” ชนาวิชญ์เลิกคิ้วถามถึงคนเป็นพ่อแบบไม่ทันตั้งตัว ที่ตั้งชื่อนี้ให้กับหลานสาวของเขา

“ตอนนั้นกูคิดอะไรไม่ออกนี่หว่า ตื่นเต้นจนแทบทำอะไรไม่ถูก เลยลืมถามความเห็นจากแม่เขาไปด้วย เลยเอาชื่อกูกับชื่อแม่เขามารวมกัน...” วรากรเอ่ยตอบออกไปตามตรง เพราะเขาคิดอะไรไม่ออกจริง ๆ แล้วตอนนี้ก็ยังไม่หายตื่นเต้นเลย

“กูก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เพราะดีน่ะ น้องวิวาห์ กรธิดา”

“ธิดาไม่ว่าอะไรนะ ที่ตั้งชื่อลูกโดยไม่ได้ถามอะไรก่อน” วรากรจึงหันมาถามความเห็นจากคนเป็นแม่ของลูก ที่เขาทำอะไรตามอำเภอใจโดยไม่ปรึกษาเธอก่อน

“อืม...ในเมื่อหมดหน้าที่ของคุณแล้ว ตอนนี้ก็กลับไปเถอะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะที่ช่วยเป็นธุระจัดการเรื่องทุกอย่างให้เป็นอย่างดี” สุทธิดาพยักหน้าให้เขาอย่างเข้าใจ แล้วเอ่ยขอบคุณและบอกเขาไปเชิงว่าให้เขากลับไปได้แล้ว

“แต่...” วรากรกำลังจะเอ่ย

“ออกไปกับกูก่อน...”

เมื่อเห็นท่าไม่ดี ชนาวิชญ์จึงดึงวรากรให้ออกไปจากตรงนี้ก่อน เพราะกลัวว่าเพื่อนจะใจร้อนทำอะไรวู่วาม อาจทำให้สุทธิดาไม่พอใจ แล้ววรากรจะไม่ได้เข้าใกล้ลูกอีก

ศุภวัฒน์มองหน้าเด็กสาวที่นั่งอยู่โซฟาคนเดียวอย่างพิจารณา ซึ่งน่าจะเป็นน้องสาวของชนาวิชญ์แหละ หากว่าเขาเดาไม่ผิด

“แนมอีหยัง บ่เคยเห็นคนงามบ้อ” (มองอะไร ไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ) เสียงเล็กของเด็กสาวถามขึ้นมาทันที เมื่อสังเกตุเห็นสายตาคมนี้แอบมองเธอมาสักพักแล้ว

ชนิดา หรือ หนูนิด หนูน้อยวัยใส อายุ 12 ปี เป็นน้องสาวแท้ ๆ เพียงคนเดียวของชนาวิชญ์ ที่อายุห่างกันตั้งสิบสองปี

“เด็กแสบ หัดพูดกับผู้ใหญ่ให้มันเพราะ ๆ หน่อย” ศุภวัฒน์ตวาดสายตามองอย่างคาดโทษพูดกับเด็กสาวอย่างไม่ค่อยพอใจ อย่าบอกน่ะว่าพ่อแม่เดียวกัน นิสัยต่างจากพี่ชายราวฟ้ากับเหว

“ข่อยสิเว้าม่วน แต่กับคนที่ข่อยอยากเว้านำทอนั่นล่ะ” (หนูจะพูดเพราะ แต่กับคนที่หนูอยากพูดด้วยเท่านั่นแหล่ะ) พูดแล้วก็หันหน้าไปมองดูจอทีวีอย่างไม่สนใจ

ศุภวัฒน์มองหน้าชนิดาแล้วขำในลำคอพร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอาให้กับความดื้อของเด็กสาว แล้วจึงถอนหายใจพรืดอย่างหนักใจ ก่อนที่จะลุกขึ้น เดินออกไปตามเพื่อนของเขาทั้งสอง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel