3
ฟาริดาเดินหนีคนที่ได้ชื่อว่า ‘แม่เลี้ยง’ ด้วยความไม่พอใจ เธออยากจะร้องไห้โวยวายเมื่อรู้เรื่องสถานะการเงินของที่บ้าน ยากจะเชื่อพ่อมีหนี้ก้อนโตก่อนจะจากไป แต่หลักฐานทุกอย่างก็ทำให้เถียงไม่ได้ ร้องไห้ไม่ออก อยากคิดว่าเพราะผู้หญิงตรงหน้าปอกลอกไปหมด แต่ตอนนี้พูดไม่ได้เต็มปากเพราะจำนนต่อหลักฐาน
“น้าไม่อยากบอกให้คุณต้องปวดหัวหรอกนะคะ เพียงแต่ทุกอย่างคุณฟาต้องรู้สักวัน”
ชนจันทร์ยังเดินตามลูกเลี้ยง สีหน้าไม่พอใจปรากฏแต่เธอก็ต้องอธิบายให้เข้าใจเพราะปิดบังไปก็ไม่ดีต่อทุกคน
“ใช่ต้องรู้ แต่ตอนนี้มันเหลืออีกกี่วันกัน ทำไม ทำไมไม่บอกให้ชัดเจนว่าเรากำลังจะโดนยึดบ้าน ทำไม ปากคุณมันอมอะไรอยู่”
“คุณไม่รับสายเลย ไม่อ่านอีเมลล์ใช่ไหมคะ”
ฟาริดาเชิดหน้า “จะโทษกันหรือไง ใครจะรู้ว่าจะเลวร้ายขนาดนี้ คุณพ่อพาตัวซวยเข้ามาที่นี่แท้ๆ” ท้ายประโยคเสียงแผ่วแต่ชนจันทร์ก็ได้ยิน คุณแม่คนสวยกล้ำกลืนความเสียใจ เธอเข้ามาทำให้คุณฐากูรและลูกทะเลาะกันจริงๆ เธอไม่อยากให้เขาตายไปอย่างไม่มีความสุข สัญญาจะดูแลคุณฟาริดาที่อายุน้อยกว่าเธอไม่มากให้ดี สัญญากับตนเองจะต้องทำให้ได้
“น้าขอโทษค่ะ” ตอนนี้ทำได้เพียงเท่านี้ ตอนนี้สมองเธอคิดอะไรไม่ค่อยออกเสียแล้ว มันอื้ออึงไปหมด
“เอะอะก็ขอโทษน่าเบื่อ ถ้าไม่มีปัญญา เอาของคุณพ่อคืนมา ก็หยุดดูแลเรื่องในบ้าน ต่อไปนี้หนูจะดูแลเอง จะหาเงินเพื่อเอาทุกอย่างคืนมาให้ได้ ถ้าหนูทำได้คุณควรกลับไปที่คุณจากมา กลับไปได้แล้ว หนูไม่เคยยินดีสักวันที่คุณเข้ามาอยู่ชายคาเดียวกับพ่อ”
เด็กสาวพูดอย่างมั่นใจแม้เจอเรื่องราวใหญ่โต ชนจันทร์ให้อายนัก เธอขอตัวเดินเข้าบ้านด้วยความเสียใจ
“คนรักหนูจะมาพรุ่งนี้ ตอนนี้ไม่มีคนในบ้านมากนัก คุณช่วยดูแลทุกอย่างด้วยละกัน ถือว่าทดแทนบุญคุณพ่อหนูที่เคยทุ่มเททุกอย่างให้คุณ”
ไม่ทันเดินลับประตูห้องนอนคุณฟาริดามีคำสั่ง ชนจันทร์เข้าใจว่า ฟาริดาต้องการให้เธอทำหน้าที่เด็กรับใช้อย่างที่เธอทำเหมือนตอนคุณฟาริดายังเด็ก เพื่อตัดปัญหาทุกอย่างคุณแม่ยังสาวเดินไปห้องพักแขก จัดการ ปัด กวาด เช็ดถู ทุกอย่าง
เธอต้องเอาใจคนรักคุณฟาริดาให้ดีเพราะเป็นคนที่จะเข้ามาช่วยเหลือให้ทุกอย่างที่นี่ ได้อยู่ที่เดิม ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน คิดเช่นนั้นจัดการห้องนอนเสร็จเธอก็ให้เด็กไปถามเรื่องอาหารการกินที่คุณฟาริดาพิถีพิถัน อยากรู้คนรักคุณฟาริดาจะชอบอาหารแบบไหน เธอจะได้เตรียมไว้ต้อนรับ
วันนั้นทั้งวันชนจันทร์ได้แต่วิ่งวุ่นกับเรื่องนี้โดยที่ฟาริดาไม่ได้สนใจช่วยเหลือ สาวน้อยนอนหลับพักผ่อน เมื่อตื่นก็ลุกขึ้นมากินและก็นอนต่อ ชนจันทร์ไม่กล้าพูดตักเตือนอะไรมาแต่ไหนแต่ไร ได้แต่เงียบทำทุกอย่างที่คุณฟาริดาต้องการ ลูกชายอยากเข้าไปเล่น ไปพูดคุยกับพี่สาว แต่ชนจันทร์ห้ามไว้เพราะรู้ดีว่าคุณฟาริดาไม่เคยนับฐานันดรเป็นน้องชาย
ฐานันดรเดินออกไปอ่านหนังสือเมื่อแม่ห้าม ชนจันทร์มองลูกด้วยความสงสาร ที่ไม่มีเพื่อนเล่นมาตั้งแต่ยังเล็ก
เช้าตรู่วันต่อมา ทุกคนในบ้านรอรับคนรักของเจ้านายคนสวย… ฟาริดาออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าเพื่อเสริมสวย ชนจันทร์ส่งลูกชายไปโรงเรียนก็กลับมาดูแลบ้านให้เรียบร้อย
“ดูแลทุกอย่างให้ดีที่สุด อย่าทำให้หนูอายล่ะ” คุณฟาริดาสั่งไว้ ชนจันทร์จึงต้องตรวจตราความเรียบร้อยอีกครั้ง
ตอนแรกอยากบอกให้คนรักคุณฟาริดาไปพักที่โรงแรมเพราะกลัวเรื่องความไม่เหมาะสมแต่รู้ว่าพูดไปก็เปล่าประโยชน์จึงเลือกจะเงียบ
“มาแล้วค่ะ” เด็กในบ้านที่มีเพียงคนเดียวเข้ามาบอก ชนจันทร์ตรวจความเรียบร้อย ถึงฟาริดาไม่นับถือเธอ ไม่รักเธอ แต่เธอได้ชื่อว่าแม่ เธอจึงอยากดูแลสาวน้อยให้ดีที่สุด ชนจันทร์ดึงชุดเรียบๆ ที่เลือกใส่ให้เรียบร้อยก่อนเดินไปหน้าบ้านเรือนไทย
รถเบนซ์คันหรูหราจอดอยู่ ไม่นานมีผู้ชายร่างสูงในชุดสูทเดินลงมาและเดินไปเปิดประตูอีกด้าน ชนจันทร์ยืนมองด้วยความรู้สึกคุ้นเคย จนกระทั่งคนทั้งสองเดินมาใกล้ที่เธอยืนอยู่ ชนจันทร์ที่คิดก้าวขาไปต้อนรับใกล้ๆ พลันขาแข็ง
นี่ไม่ใช่ความฝัน
นี่มันเป็นเขา… คุณลม
“ แฟนหนูค่ะ”
ชนจันทร์เลิกตกในภวังค์ เธอพยายามยืนให้ตัวตรง มองใบหน้าขรึมที่จ้องมายังเธอ แววตานั้นเสมือนคนไม่เคยรู้จัก เขาดูไม่ตื่นเต้น ชนจันทร์ปรับสีหน้าให้นิ่งที่สุด
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ”
คุณฟาริดาแนะนำเพียงเท่านั้นกอดแขนคนรักเข้าบ้านไป ชนจันทร์ได้ยินเสียงเด็กรับใช้เรียก เธอจึงเดินตามคนทั้งสอง ไปอย่างงงๆ
เธอยังคิดว่าตนเองฝันอยู่
“เป็นอะไรไปคุณ”
เธอได้ยินเสียงคุณฟาริดาถามเมื่อมานั่งในห้องรับแขก ชนจันทร์ซึ่งรู้สึกว่าไม่สบายเฉียบพลันตอบเสียงเบา
“เป็นแบบนี้แหละคะ คนแก่ เดินมากหน่อยจะเป็นลม”
ฟารีดาหัวเราะ “คุณสาวมาก จะพูดแบบนั้นทำไม” ชนจันทร์รู้เป็นการเสแสร้ง แต่เธอไม่ได้นึกถึงให้ปวดหัวเหมือนคราวก่อนหน้า เพราะตอนนี้เธอโฟกัสไปที่แฟนหนุ่มของสาวน้อยมากกว่า
“บ้านสวย ร่มรื่นดีนะหนูฟา”
เสียงทุ้มไม่ผิดเพี้ยนจากที่เคยได้ยิน ยังวนเวียนในความคิด วันนี้ยิ่งกรจ่างชัดว่าเธอจำได้แม่นยำเพียงใด ชนจันทร์บีบมือทั้งสองแน่น มองเขาอย่างลืมตัว ทว่าคนทั้งสองเสมือนมีกันอยู่เพียงสองคนในโลกนี้ คุณแม่รู้สึกว่าตนอาจจะเป็นส่วนเกิน เธอขอตัวออกจากห้องรับแขก ทว่าเสียงทุ้มทำให้หยุดชะงัก
“สาวใช้ เอ่อ แม่บ้านคุณหรือ”
ฟารีดาหัวเราะ บอกว่าเธอเป็นเมียคนที่สองของพ่อ เกิดลูกชายให้สืบสกุลพ่อเลยรักมาก ชนจันทร์หันไปหาคนทั้งสอง
“ขาดเหลืออะไรเรียกเด็กนะคะ ฉันขอตัว”
เธอไม่อาจสบตาคมที่มองเธอด้วยสายตาเย็นชา ต้องการหนีให้ห่าง และฟาริดาดูพอใจ คุณแม่เลยได้เดินออกมา ออกพ้นห้องรับแขกชนจันทร์ใช้มือหนึ่งกุมตรงหัวใจ อีกมือจับหัวที่รู้สึกวิงเวียน
“ทำไมนะ ไปแล้วไม่ไปให้เหมือนตายจากกัน คุณจะกลับมาทำไม” น้ำตาซึมขอบตาเพราะมันคงอัดอั้นเรื่องเหล่านี้มาเนิ่นนาน เธอมองเห็นลูกชายอยู่ไกลๆ ในม่านน้ำตานั้น สงสารลูกจับขั้วหัวใจ เธอไม่อยากคิดข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อพ่อของลูกมาเป็นพี่เขยของเขา
แม่ไม่คิดว่าฟ้าจะกลั่นแกล้งเราแบบนี้ ไม่คิดจริงๆ ชนจันทร์น้ำตาไหลพรากมากขึ้น รีบเดินขึ้นห้องนอนเพื่อหลบสายตาของลูกและคนอื่นๆ
