บทที่ 6 จวนอ๋องแห่งทิศบูรพา
ณ จวนหลี่อ๋อง (หลี่เจิ้งหาน)
ปัง! “เหตุใดยังไม่มีข่าวคราวของเสี่ยวอวี้ พวกเจ้าทำงานกันอย่างไรแค่หลานชายข้าคนเดียว กลับปล่อยให้คนร้ายลักพาตัวไปได้ หา!”
ผู้ที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มิใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหลี่อ๋องหรือหลี่เจิ้งหาน ผู้สืบทอดตำแหน่งชินอ๋องจากบิดา คอยดูแลเมืองในเขตปกครองศักดินาที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้ ภายหลังบิดาได้เสียชีวิตในสนามรบ ทั้งยังรับตำแหน่งแม่ทัพคอยปกป้องชายแดนทิศบูรพาแห่งนี้
เมื่อสองปีก่อนหลี่อ๋องกลับต้องสูญเสียมารดา รวมถึงน้องชายและน้องสะใภ้ขณะเดินทางกลับจากเมืองไป๋สุ่ย ระหว่างทางพบเจอนักฆ่าที่ถูกส่งมาจากศัตรู ที่ยังไม่รู้ข้อมูลที่แน่ชัดว่าผู้ใดส่งมากันแน่ รถม้าจวนชินอ๋องถูกไล่ล่าจนถูกบีบให้จนมุมริมหน้าผาสูงชัน
ในยามนั้นน้องชายยังมีสตินึกถึงบุตรของตน จึงให้ชางเซิ่งพาคุณชายน้อยหลบหนีพวกนักฆ่า กว่าหลี่อ๋องจะตามไปถึงรถม้าของครอบครัว ก็ตกหน้าผาไปเพียงชั่วลมหายใจ เขาเพียรภาวนาระหว่างลงไปค้นหายังด้านล่าง หวังเพียงว่าจะมีใครสักคนที่รอดชีวิต แต่นั่นก็เป็นแค่ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ หลี่อ๋องจัดงานศพอย่างเรียบง่าย เมื่อหลานชายเพียงคนเดียวไร้บิดามารดา จึงได้รับเป็นบุตรของตนเพื่อสืบทอดตำแหน่งอ๋องในอนาคต
ชางเซิ่งรู้สึกผิดที่ติดตามกลุ่มคนร้ายไม่ทัน ปล่อยให้เจ้านายน้อยถูกลักพาตัวไป เขาคุกเข่าขอยอมรับโทษทัณฑ์จากหลี่อ๋อง “ท่านอ๋องเป็นเพราะกระหม่อมประมาทเกินไป ทำให้ซื่อจื่อถูกคนพวกนั้นพาตัวไปได้ ขอท่านอ๋องได้โปรดลงโทษกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
ชางอวี่แม้จะหาข้อแก้ตัวให้สหายไม่ได้ แต่เขาพยายามพูดถึงความเฉลียวฉลาดของซื่อจื่อ “ท่านอ๋องกระหม่อมเชื่อว่าซื่อจื่อจะต้องปลอดภัย และสามารถหาทางหลบหนีเอาตัวรอดได้แน่ แม้ซื่อจื่อจะยังเด็กแต่ความเฉลียวฉลาดไม่เป็นรองใคร หรือหากสวรรค์ยังปราณีอาจมีคนช่วยซื่อจื่อไว้ก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่อ๋องที่ยังคงมีสีหน้าดุดันไม่จางหาย พยายามควบคุมสติอารมณ์ของตนให้กลับมา และคิดว่าที่ชางอวี่พูดก็มีความเป็นไปได้ “เปิ่นหวางก็ขอให้เป็นอย่างที่เจ้าพูดนะชางอวี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องตามหาตัวซื่อจื่อจนกว่าจะเจอ ส่วนเจ้าชางเซิ่งไว้หาซื่อจื่อเจอเมื่อใด เจ้าค่อยมารับโทษกับเปิ่นหวางเข้าใจหรือไม่”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” แม้จะต้องถูกประหารชางเซิ่งล้วนยินดีรับโทษนี้อย่างเต็มใจ
“อย่าลืมกำชับหน่วยลับที่ส่งไปหัวเมืองต่าง ๆ หรือแม้แต่ในเมืองหลวง ต้องจับตาดูทุกคนรวมถึงวังหลังและตำหนักองค์ชายทั้งหลาย” หลี่อ๋องยังไม่ตัดใครออกจากการเป็นผู้ต้องสงสัย ทั้งเรื่องการลอบสังหารมารดากับน้องชาย หรือจะเป็นเรื่องลักพาตัวหลานชายในครั้งนี้ก็ตาม
“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ /พ่ะย่ะค่ะ”
แต่ก่อนจะกลับออกไปชางอวี่ที่มีท่าทางกระอักกระอ่วน เนื่องจากเรื่องที่น้องสาวของหวงฮูหยิน มาอยู่ที่จวนโดยอ้างว่ารอฟังข่าวของหลานชาย แต่ในความเป็นจริงคนในจวนมีใครบ้างที่มองไม่ออก ว่าการที่นางยังรั้นจะอยู่ที่นี่สาเหตุมาจากอะไร
หลี่อ๋องที่เห็นคนสนิทของตนแสดงท่าทีเช่นนั้น มีหรือจะไม่เอ่ยถามให้หายสงสัย “เจ้าต้องการจะพูดอะไรกับเปิ่นหวางงั้นรึชางอวี่ อึก ๆ อัก ๆ แต่ไม่ยอมพูดแล้วเปิ่นหวางจะรู้ได้อย่างไร”
“เอ่อ ทูลท่านอ๋องตอนนี้คุณหนูสามหวง ยังอยู่ที่เรือนรับรองและยังใช้ข้ออ้างเดิมเรื่องซื่อจื่อ ไม่ว่าพ่อบ้านจะพูดอย่างไรนางก็ไม่ยอมกลับพ่ะย่ะค่ะ วัน ๆ เอาแต่ถามว่าท่านอ๋องจะกลับยามใด จนบ่าวไพร่แทบจะไม่เป็นอันทำงานกันแล้ว ท่านอ๋องจะลงมือจัดการเอง หรือว่าให้เป็นพวกกระหม่อมลงมือแทนพ่ะย่ะค่ะ”
ชางเซิ่งที่นึกถึงสตรีคนนี้ขึ้นมา ก็อยากให้หลี่อ๋องไล่นางไปโดยเร็ว “ท่านอ๋องสตรีเช่นคุณหนูสามหวงควรรีบไล่นางไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ หากว่านางยังอยู่ที่นี่เมื่อใดที่ซื่อจื่อกลับมา นางก็จะใช้ซื่อจื่อเป็นสะพานเพื่อเข้าหาพระองค์ มีหลายครั้งที่นางแสร้งมาเยี่ยมซื่อจื่อ จนทำให้การเรียนต้องหยุดชะงักอยู่บ่อยครั้งพ่ะย่ะค่ะ”
“ไล่นางกลับไป หากยังไม่ยอมไปแต่โดยดีก็ฆ่านางทิ้งซะ”
ชางอวี่และชางเซิ่งได้ยินคำสั่งของเจ้านาย ก็มองหน้ากันด้วยความดีใจ ที่หลี่อ๋องเลือกใช้วิธีการรุนแรงให้จบ ๆ ไป นางจะได้ไม่ต้องมาที่จวนอ๋องอีก “รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
ณ เรือนรับรองจิ่นเซียง
หวงฉุนฟางบุตรสาวคนเล็กของตระกูลหวง ตระกูลคหบดีด้านการค้าขายข้าวสารอาหารแห้งและธัญพืช และยังเป็นน้องสาวของน้องสะใภ้ของหลี่อ๋อง ด้วยความที่นางพึงใจในตัวหลี่อ๋อง ตั้งแต่เมื่อคราวมาร่วมงานแต่งงานของพี่สาว
นับแต่นั้นหวงฉุนฟางมักจะหาเรื่องมาเยี่ยมพี่สาว นอกจากนี้ยังพยายามให้พี่สาวช่วยพานางไปพบหลี่อ๋อง เพื่อหาโอกาสสานสัมพันธ์เพราะหวังจะเป็นพระชายาอ๋อง แต่จนแล้วจนรอดหวงฉุนฟางก็ไม่เคยมีโอกาสนั้น เนื่องจากหลี่อ๋องจะอยู่ที่ค่ายทหาร ยามใดที่คนของตนส่งข่าวให้ทราบว่านางมาเยือนที่จวน
หวงฉุนฟางเดินไปมาชะเง้อมองหาหลี่อ๋อง ด้วยคิดว่าเขาจะมาบอกข่าวซื่อจื่อด้วยตนเอง ซึ่งนางก็ร้อนใจแต่มิใช่ร้อนใจเพราะเป็นห่วงหลาน แต่นางกลัวว่าคนที่นางใช้เงินหลายร้อยตำลึงจ้างมานั้น จะทำงานผิดพลาดจนถูกจับได้และโยงความผิดมาถึงนางมากกว่า
“ฮึ่ย นี่ซูเจียวเหตุใดท่านท่านอ๋องถึงยังไม่มาเสียทีเล่า ข้าเบื่อที่จะต้องนั่งรออยู่ที่นี่แล้วนะ”
สาวใช้นามซูเจียวผู้ชอบประจบเอาใจเจ้านาย พยายามหาคำพูดที่จะทำให้เจ้านายเลิกอารมณ์เสีย “คุณหนูสามเจ้าคะ เรื่องนี้ท่านต้องใจเย็นลงสักนิดจะดีกว่า คุณหนูก็รู้ว่าอย่างไรเสียซื่อจื่อก็เป็นญาติเพียงคนเดียว ที่ท่านอ๋องหลงเหลืออยู่ในตอนนี้นะเจ้าคะ”
“เหอะ ญาติเพียงคนเดียวแล้วยังไง หากท่านอ๋องรับข้าเข้าจวนจะมีลูกเป็นของตนเองกี่คนก็ย่อมได้ ข้าไม่มีทางให้ลูกของพี่หญิงรองได้สืบทอดตำแหน่งอ๋องแน่ แล้วนี่นังเหมยลี่กลับมาหรือยัง หวังว่าจะไม่ทำงานพลาดจนถูกจับได้หรอกนะ”
“โธ่ คุณหนูสามแผนการครั้งนี้เป็นเรื่องใหญ่มากนะเจ้าคะ จะให้เหมยลี่ทำอย่างขอไปทีย่อมไม่ดีแน่ ที่สำคัญหากความลับนี้ถูกท่านอ๋องจับได้ มิได้มีเพียงคุณหนูที่เดือดร้อนแต่เป็นตระกูลหวงทุกคนนะเจ้าคะ” อย่างน้อยซูเจียวก็ยังกลัวตาย เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ที่เจ้านายของตนตัดสินใจทำด้วยตนเอง
ขณะที่หวงฉุนฟางกำลังอารมณ์เสียสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ก็เห็นชางอวี่กับชางเซิ่งเดินทางเรือนรับรองพอดี “เอ๊ะ! นั่นใช้คนสนิทของท่านอ๋องหรือไม่ซูเจียว หรือว่าท่านอ๋องให้คนมาตามข้าไปพบ”
ซูเจียวเห็นว่าเป็นชางอวี่กับชางเซิ่งจริง จึงรีบเตือนเจ้านายเรื่องสีหน้าและอารมณ์ “ใช่จริงๆ ด้วยเจ้าค่ะคุณหนูสาม บ่าวว่ารอฟังพวกเขาสองคนก่อนจะดีกว่า ท่านรีบปรับอารมณ์และสีหน้าให้ดูเป็นห่วงซื่อจื่อไว้นะเจ้าคะ”
ชางอวี่กับชางเซิ่งเดินมาถึงด้านหน้าเรือนรับรอง ก็ทำความเคารพหวงฉุนฟางเล็กน้อยตามมารยาท แต่คำพูดที่ออกจากปากของทั้งสอง กลับสร้างความไม่พอใจให้นางอีกครั้ง “คุณหนูสามหวง ข้านำรับสั่งของท่านอ๋องมาบอกกล่าวกับท่าน โดยท่านอ๋องมีรับสั่งว่าขอให้ท่านออกจากจวนอ๋องเดี๋ยวนี้ ต่อไปอย่าได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกขอรับ”
“เจ้าว่าอะไรนะ! ท่านอ๋องจะพูดเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าไม่เชื่อพวกเจ้าโกหกหลีกทางข้าจะไปพบท่านอ๋องอะ...”
ชิ้ง! ชางเซิ่งชักกระบี่ออกจากฝักและชี้ไปหาหวงฉุนฟาง “นอกจากคำพูดที่สหายของข้าบอกกับท่านไปแล้ว ยังมีอีกหนึ่งประโยคจากท่านอ๋อง ซึ่งทรงรับสั่งอย่างเด็ดขาดว่า หากคุณหนูสามหวงไม่ยอมกลับไปแต่โดยดี ก็ให้สังหารท่านเสียแล้วจัดการศพอย่าให้เหลือซาก”
“คุณหนูสามหวงท่านเองก็น่าจะรู้ว่า ท่านอ๋องเป็นบุรุษเช่นไรแม้จะมีสตรีมากมายหมายปองตำแหน่งพระชายา แต่พวกนางก็ได้แค่ฝันไม่กล้าวางแผนสกปรกกับท่านอ๋อง คงมีเพียงท่านที่อาศัยความเป็นน้าของซื่อจื่อ เพียรพยายามมาที่จวนอ๋องคนเดียวเท่านั้น ท่านคิดทบทวนให้ดีว่าจะรั้นอยู่ต่อเพื่อรับความตาย หรือจะออกจากจวนอ๋องไปแต่โดยดี หากยังอยากให้ตระกูลหวงยังอยู่อย่างมีความสุข อย่าได้คิดขัดคำสั่งของท่านอ๋องจะดีกว่านะคุณหนูสามหวง” ชางอวี่เกลียดการเสแสร้งของหวงฉุนฟางมานาน เมื่อเจ้านายมีคำสั่งเช่นนี้เขาย่อมไม่ลังเล ที่จะเพิ่มการข่มขู่ทั้งน้ำเสียงและสายตา
“นะ นะ นี่ท่านอ๋องถึงกับอยากฆ่าข้าให้ตายเชียวรึ เหตุใดถึงได้ใจร้ายนักข้าไม่ดีตรงไหน ทำไมถึงไม่ยอมมองมาที่ข้าบ้าง” หวงฉุนฟางแม้อยากอาละวาด แต่นางก็กลัวจะถูกฆ่าทิ้งอยู่ที่นี่ เพราะชางอวี่กับชางเซิ่งทั้งสีหน้าและแววตาบอกนางหมดแล้วว่ามิได้ล้อเล่น
เหมยลี่ที่กลับมาเห็นเหตุการณ์นี้เข้าพอดี นางจึงแสร้งเข้าไปพูดปลอบใจหวงฉุนฟาง “คุณหนูสามเจ้าคะท่านกลับจวนไปก่อนเถิด หากมีข่าวคราวของซื่อจื่อบ่าวจะไปแจ้งให้ท่านทราบนะเจ้าคะ”
ซูเจียวได้รับสัญญาณจากเหมยลี่ก็ทำทีเห็นด้วยกับคำเตือนนี้ “คุณหนูสามที่เหมยลี่พูดมาก็ดีนะเจ้าคะ ตอนนี้ทั้งจวนอ๋องต่างวุ่นเรื่องของซื่อจื่อ เมื่อใดที่ช่วยซื่อจื่อกลับมาได้คุณหนูสามค่อยมาเยี่ยมก็ได้นี่เจ้าคะ”
“อืม เอาเช่นที่พวกเจ้าว่ามาก็ได้ รีบเก็บของเข้าล่ะข้าจะไปรอที่รถม้า” ถึงจะไม่เต็มใจจากไปแต่หวงฉุนฟางก็จำต้องไป ด้วยชื่อเสียงที่ผู้คนหวาดกลัวของหลี่อ๋อง นางย่อมรู้ดีว่าเขาเป็นคนพูดจริงทำจริง
ชางอวี่กับชางเซิ่งยืนดูสาวใช้อย่างซูเจียวเก็บสัมภาระ และเดินตามไปถึงรถม้าที่จอดอยู่หน้าจวน จนกระทั่งรถม้าจากตระกูลหวงเคลื่อนตัวออกไป พวกเขาถึงจะวางใจว่าทำตามคำสั่งสำเร็จ แต่เรื่องสำคัญกว่ายังต้องรีบจัดการโดยเร็วที่สุด