บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 วางแผนหลบหนีกับผู้ช่วยแสนน่ารัก

หวงจื่อหนิงที่ฟื้นขึ้นมาในโลกใหม่ยามค่ำคืน เมื่อได้รับเมตตาจากท่านเทพมอบมิติอันวิเศษให้กับตน หลังจากนั้นนางก็หายเข้าไปอยู่ด้านในมิติ และเข้าไปยังห้องปรุงอาหารยาเพื่อบำรุงร่างกาย ซึ่งอาหารยานี้นางต้องกินติดต่อกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน เพื่อฟื้นฟูทั้งอวัยวะภายในและกล้ามเนื้อให้กลับมาเป็นปกติ

โดยอาหารยาที่หวงจื่อหนิงทำให้ตนเองก็คือ ต้มซุปโสมกระเพาะปลาเนื่องจากโสมมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูพลังชีวิต กระตุ้นการหมุนเวียนเลือดในร่างกายให้ดีขึ้น ส่วนกระเพาะปลาช่วยบำรุงปอดและไต เสริมสร้างพลังจากภายใน นอกจากนี้ยังมีขิงที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย

“ซู้ดดด อ่า อร่อยเหมือนเดิมฝีมือดีไม่มีตกจริง ๆ เลยเรา ตอนนี้คงต้องทำอาหารที่มีรสชาติอ่อน ๆ ไปก่อน ถ้าร่างกายแข็งแรงดีเมื่อไหร่ค่อยเพิ่มระดับของรสชาติอาหารทีละนิด ไปเดินดูแปลงผักกับสมุนไพรดีกว่า อีกเดี๋ยวค่อยนอนพักให้ร่างกายได้ฟื้นฟูกำลัง”

จื่อหนิงทำอย่างที่พูดนางเดินเล่นในมิติ เพื่อกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อหลังจากกินอาหารยาไปแล้ว จากนั้นจึงกลับไปอาบน้ำใส่เสื้อผ้าลำลองที่มีในห้องพัก และนอนหลับไปอย่างรวดเร็วด้วยความอ่อนเพลีย จื่อหนิงไม่สนใจว่าเช้าของวันใหม่ น้องชายน้องสาวของบิดาชั่วจะอารมณ์เสียแค่ไหนที่ตามหานางไม่เจอ

ยามเช้าของวันถัดมาในปลายยามเหม่า เจียงหรงผิงภรรยาของหร่วนชางกุ้ยตื่นขึ้นมา เพื่อออกไปเรียกให้หวงจื่อหนิงมาปรนนิบัติสามี แต่เมื่อเจียงหรงผิงไปถึงกระท่อมที่พักของหลานสาวสามี นางต้องพบกับความว่างเปล่าไร้ร่างกายที่ซูบผอม มิหนำซ้ำในครัวยังไม่มีแม้แต่กลิ่นควันไฟของการหุงหาอาหาร

“นังจื่อหนิงลุกออกมาเดี๋ยวนี้นะ! อย่าริอาจขี้เกียจตัวเป็นขนเด็ดขาด สายป่านนี้แล้วเหตุใดยังไม่ลุกมาทำอาหารเช้าอีก หรือต้องให้ข้าลงไม้ลงมือกับเจ้าเสียก่อนถึงจะยอมทำงั้นรึ”

“....”

ไร้เสียงตอบกลับจากด้านในกระท่อมอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งทำให้เจียงหรงผิงเริ่มอารมณ์เสียมากกว่าเดิม ปัง ๆ “นังจื่อหนิงข้าเรียกไม่ได้ยินหรือไง โผล่หัวเน่า ๆ ของเจ้าออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าเจ้ายังไม่ลุกออกมาอย่าหาว่าไม่เตือนล่ะ”

การเรียกครั้งที่สองก็ยังไร้ผลเช่นครั้งแรก เจียงหรงผิงจึงผลักประตูกระท่อมอย่างแรง หวังจะเข้าไปทุบตีเพื่อเรียกหวงจื่อหนิงให้ตื่นมาทำงาน แต่ภายในกระท่อมกลับว่างเปล่า “อะ อะ อะไรกันทำไมถึงไม่มีคนอยู่ เมื่อวานข้ายังเห็นนางเดินกลับมาที่นี่อยู่เลย แล้วประตูบ้านก็ปิดเอาไว้อย่างแน่นหนา นางไม่มีทางเข้าไปด้านในบ้านได้แน่ ๆ ไม่ได้การแล้วต้องบอกเรื่องนี้กับท่านพี่ หากมีคนช่วยให้นางหนีไปจากที่นี่ได้ ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่และพี่สามีจะเดือดร้อนไปด้วย”

เจียงหรงผิงคิดได้เช่นนั้นก็หันหลังวิ่งกลับเข้าเรือน ปากก็ส่งเสียงร้องเรียกหาสามีจนดังลั่นไปทั่ว “ท่านพี่แย่แล้ว ๆ เกิดเรื่องใหญ่กับบ้านเราแล้วนะท่านพี่”

หร่วนชางกุ้ยที่ล้างหน้าบ้วนปากเพิ่งเสร็จ ถึงกับถอนหายใจให้ภรรยาของตนที่ไม่เคยเปลี่ยนนิสัยนี้ได้ ทั้งยังเรียกหาเขาจนลูกชายที่กำลังพักผ่อน ถึงกับงัวเงียตื่นพร้อมกับน้องสาวที่เป็นม่ายของตน

แฮ่ก ๆ ๆ “ทะ ทะ ท่านพี่แย่แล้วพวกเราต้องแย่แน่ ๆ”

หร่วนชางกุ้ยขมวดคิ้วไม่เข้าใจคำพูดของภรรยาตน “เจ้าพูดเรื่องอันใดกันหรงผิงไอ้ที่ว่าแย่ของเจ้าน่ะ”

“ก็นังจื่อหนิงน่ะสิ มันหายตัวไปไหนก็ไม่รู้ข้าไปเรียกมันอยู่นาน จนเปิดเข้าไปดูในกระท่อมแต่คนไม่อยู่ข้างใน ที่นี้เข้าใจหรือยังว่าเรื่องแย่ ๆ ที่ข้าพูดถึงคือเรื่องอะไร”

“แย่จริง ๆ ด้วย! หากนังเด็กนั่นหนีไปจากที่นี่ได้ละก็ มันต้องไปตามหาพี่ใหญ่ที่เมืองหลวง ถ้าพี่ใหญ่เกิดปัญหาขึ้นพวกเราคงไม่ได้เงินช่วยเหลืออีกแล้ว” หร่วนชางกุ้ยนึกถึงเงินตำลึงทองจากพี่ชาย ที่จะให้คนมามอบให้ทุก ๆ สามเดือน เพราะเขาไม่ต้องการให้ภรรยากับบุตรสาว ไปตามหาและสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลภรรยาคนใหม่

หร่วนจินหลงที่ทำงานเป็นผู้ช่วยนายอำเภอ ถึงกับตื่นเต็มตาเมื่อได้ยินมารดาของตนพูดถึงหวงจื่อหนิง “นางคงหนีไปได้ไม่ไกลเชื่อข้าสิ”

หร่วนชางกุ้ยมองบุตรชายที่พูดเหมือนมั่นใจ ว่าหวงจื่อหนิงยังหนีไปได้ไม่ไกล “ทำไมเจ้าถึงดูมั่นอกมั่นใจเหลือเกินเล่าหลงเอ๋อร์”

“ท่านพ่อนังจื่อหนิงมันจะเอาเรี่ยวแรงจากไหน เพื่อหลบหนีไปจากหมู่บ้านของเราได้เล่า ข้าว่าพวกเรารีบไปตามหามันให้เจอดีกว่า ก่อนที่จะมีคนบังเอิญมาเจอเข้าและช่วยไปเสียก่อน” หร่วนจินหลงญาติผู้น้องที่มีนิสัยหยาบช้า ทำงานเป็นผู้ช่วยนายอำเภอก็จริง แต่เบื้องหลังกลับมีการรีดไถเก็บเงินจากชาวบ้าน รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าในอำเภอลับหลัง

“อืม ดีเหมือนกันพวกเราแยกย้ายกันไป หากเจอตัวนังจื่อหนิงรีบพากลับบ้านทันที ส่วนเจ้าชางลี่อยู่ที่นี่เผื่อนังหลานตัวดีจะกลับมาก่อน บอกลูกสาวของเจ้าด้วยอยู่บ้านเสียบ้าง ไม่ใช่เอาแต่ออกไปหาจับบุรุษในตำบล” หร่วนชางกุ้ยเห็นด้วยกับความคิดของบุตรชาย

“ข้ารู้แล้วน่าพวกเจ้าจะไปก็รีบไปเถิด” หร่วนชางลี่ไม่สนใจคำพูดของพี่ชายคนรอง เพราะนางเป็นคนแนะนำให้บุตรสาว เข้าไปในตำบลเผื่อจะพบเจอบุรุษฐานะร่ำรวย

หร่วนชางกุ้ยแยกกับภรรยาและบุตรชาย ออกตามหาหวงจื่อหนิงทั่วหมู่บ้าน และตามไปถึงแถวชายป่าหลังหมู่บ้าน แต่ไม่ว่าจะตามหายังไงก็หาไม่เจอ ถึงครอบครัวตระกูลหร่วนตามหาให้ตายก็ไม่มีทางเจอ เพราะหวงจื่อหนิงเพิ่งจะตื่นนอนและเตรียมทำอาหารบำรุงตนเอง โดยนางหลงลืมเรื่องภายนอกไปเสียสนิท เนื่องจากจดจ่ออยู่กับการรักษาร่างนี้

ขณะที่จื่อหนิงกำลังเตรียมทำอาหารบำรุงใต้ตนเอง นางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างมาสะกิดที่ขาของตน เมื่อก้มลงไปมองนางพบว่าเป็นกระรอกน้อยตัวหนึ่ง แต่ที่ทำให้นางตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ก็เพราะกระรอกน้อยตัวนี้ดันพูดได้นี่สิ

ชึบ ชึบ “หือ อ้าว เจ้ากระรอกน้อยมาจากไหนกันล่ะเนี่ย”

‘ข้าก็เป็นคนดูแลมิติวิเศษแห่งนี้ให้เจ้าอย่างไรละ...’

จื่อหนิงคิดว่าตนเองหูฝาดที่ได้ยินเสียงคล้าย ๆ เด็กน้อยตอบคำถาม แต่ก็แอบกลัวอยู่บ้างเพราะในที่แห่งนี้มีนางเพียงคนเดียว “นะ นะ นั่นใครพูดน่ะ อย่าคิดจะแกล้งให้ข้ากลัวเชียวนะ มีอะไรก็ออกมาพูดตรงหน้าสิจะได้คุยกันอย่างสบายใจ”

‘เฮ้อ ข้าก็อยู่ตรงหน้าเจ้าแล้วอย่างไรเล่า เจ้าคิดว่าเป็นเสียงใครที่พูดกับเจ้าน่ะ’

เฮือก! “จะ จะ เจ้ากระรอก พะ พะ พูดได้งั้นหรือ งั้นโลกนี้ก็มีเทพเซียนอยู่จริง ๆ น่ะสิ” นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่ออีกเรื่องที่จื่อหนิงได้พบเจอ

‘ถูกต้องถึงข้าจะบรรลุการฝึกเซียนก็จริง แต่ยังบำเพ็ญตบะได้แค่สามร้อยปียังแปลงร่างไม่ได้ ทำได้เพียงพูดคุยกับเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น’

“แล้วข้าต้องเรียกเจ้าว่าอย่างไร พวกเราจะได้สนิทกันมากยิ่งขึ้น ส่วนข้าชื่อหวงจื่อหนิงเพิ่งมาเกิดใหม่ในโลกนี้ได้หนึ่งวัน”

‘เจ้าเรียกข้าว่าเสี่ยวถังเป่าก็แล้วกัน’

จื่อหนิงคิดว่าชื่อของกระรอกน้อยน่ารักจนอดยิ้มไม่ได้ “ตกลง ‘เสี่ยวถังเป่า’ ยินดีที่ได้รู้จักเจ้านะ แต่ตอนนี้ข้าต้องทำอาหารให้ตนเองก่อน ค่อยพูดคุยกับเจ้าเรื่องในโลกนี้ที่หละ...”

‘แต่คนด้านนอกกำลังตามหาตัวเจ้าให้วุ่น เพราะเจ้าหายเข้ามาอยู่ในมิติตั้งแต่เมื่อคืน ข้าได้ยินอารองของเจ้าพูดว่า หากเจ้าหลบหนีไปจากหมู่บ้านไป๋หยุนได้ จะทำให้บิดาของเจ้าเดือดร้อน’

“หา! ข้าเนี่ยนะจะทำให้บิดาชั่วนั่นเดือดร้อน เหอะ คนพวกนี้ใช้หัวแม่เท้าคิดกันหรือไง ขืนข้าโผล่หัวไปทั้งแบบนี้ก็ตายกันพอดีน่ะสิ”

‘แล้วเจ้าไม่อยากไปจากครอบครัวนี้หรือ หากเจ้ายังอยู่แล้วพวกนั้นเจอตัวเจ้าคงถูกทุบตีอีกแน่ ๆ’

“หึ แน่นอนว่าข้าต้องหนีไปจากที่นี่ แต่จะไปทั้งทีก็ต้องมีเงินติดตัว เอาไว้ใช้จ่ายระหว่างเดินทางมิใช่หรือ นี่เสี่ยวถังเป่าอารองของข้าเป็นผู้ช่วยหัวหน้าหมู่บ้าน ส่วนญาติผู้น้องก็เป็นผู้ช่วยนายอำเภอ ทำงานสกปรกได้เงินมาครั้งละไม่น้อย ในเมื่อพวกเขาทรมานร่างนี้มานานหลายปีจนตาย ถึงเวลาที่พวกเขาต้องจ่ายค่าแรงคืนกลับมาเสียที” จื่อหนิงไม่มีทางหนีไปตัวเปล่าอย่างแน่นอน ยุคโบราณเช่นนี้ไม่มีเงินก็ถูกมองว่าเป็นขอทานแล้ว

‘เจ้าอยากให้ข้าช่วยทำอะไรบ้างหรือไม่ เพราะมิติวิเศษสามารถพาเจ้าไปโผล่นอกหมู่บ้านได้ในระยะหนึ่งร้อยลี้ ถ้าไกลกว่านั้นคงทำไม่ได้’

“เจ้าช่วยข้าได้แน่นอนเสี่ยวถังเป่า อย่างไรเสียคนพวกนั้นก็ต้องกินข้าวใช่หรือไม่ ประเดี๋ยวข้าจะใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นยานอนหลับ รบกวนเจ้าเอาไปใส่ในน้ำชาหรืออาหารของพวกเขาที หลังจากคนพวกนั้นหมดสติข้าจะกวาดทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด แล้วเราก็ไปจากหมู่บ้านไป๋หยุนได้” เพราะจื่อหนิงไม่อาจพาร่างอันผอมโซนี้ ไปเดินหางานทำเลี้ยงดูตนเองได้ ใครเห็นเข้ามีแต่จะรีบไล่ออกจากร้านเสียมากกว่า

‘ได้ เจ้าไปจัดการมาเถิด เรื่องง่าย ๆ เพียงเท่านี้แค่ข้าดีดนิ้วก็สำเร็จทันที’

“ฮ่า ๆ ๆ ขอบใจนะเสี่ยวถังเป่า ไว้ข้าจะทำขนมอร่อย ๆ ให้เจ้ากินเป็นการตอบแทนก็แล้วกัน”

ยามนี้จื่อหนิงรู้สึกว่านางมิได้ตัวคนเดียวอีกต่อไป เมื่อมีมิติวิเศษและผู้ช่วยเป็นผู้บำเพ็ญเซียน นางย่อมหนีไปจากตระกูลเฮงซวยนี้ได้เหมือนพลิกฝ่ามือ แต่จะให้นางไปตัวเปล่าได้อย่างไร ร่างนี้ทำงานจนแทบไม่ได้พักผ่อนจนล้มตายในที่สุด มันต้องมีค่าแรงย้อนหลังกันเสียหน่อย
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel