บทที่ 13 จับตัวคนร้ายที่ตระกูลหวง
รถม้าคันใหญ่ที่หลี่อ๋องเคยใช้แทบนับครั้งได้ วันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่หลี่อ๋องจะนั่งรถม้า เพื่อไปสะสางปัญหาความวุ่นวาย ที่หวงฉุนฟางได้ทำกับจวนอ๋องเอาไว้
ชาวบ้านในเมืองหลงเฉิงเกิดความสงสัย เมื่อจวนอ๋องมีความเคลื่อนไหวโดยมีกำลังทหาร คอยเดินตามรถม้าจำนวนหลายสิบนาย มีหลายคนนึกถึงเรื่องที่ซื่อจื่อถูกลักพาตัว จึงชักชวนกันเดินตามรถม้าอยู่ห่าง ๆ
จนกระทั่งรถม้ามาหยุดอยู่หน้าจวนตระกูลหวง บ่าวไพร่ที่เห็นว่าผู้มาเยือนคือใคร ถึงกับวิ่งเข้าไปรายงานเจ้าของจวน เพื่อออกมาต้อนรับแขกผู้สูงศักดิ์ด้วยตนเอง นายท่านหวงเมื่อได้ยินบ่าวเข้ามารายงาน ว่าหลี่อ๋องเสด็จมาเยือนที่จวน จึงได้เร่งฝีเท้าของตนออกมาต้อนรับ
แฮ่ก ๆ ๆ “ถวายบังคมท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่รู้ว่าท่านอ๋องจะเสด็จมา ขออภัยที่ออกมาต้อนรับล่าช้า”
หลี่อ๋องปรายตามองมิได้แสดงสีหน้าใด ๆ “นายท่านหวงอย่าได้กล่าวเช่นนั้น อย่างไรเสียพวกเราก็เกี่ยวดองเป็นญาติกัน เป็นฝ่ายเปิ่นหวางเสียมากกว่าที่มาโดยไม่บอกกล่าว”
“หามิได้ ๆ พ่ะย่ะค่ะ เชิญท่านอ๋องเข้าไปด้านใน ดื่มน้ำชาก่อนแล้วค่อยพูดคุยกันเถิดพ่ะย่ะค่ะ” หวงซวนถานนายท่านของจวน รู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวของหลี่อ๋องน่ากลัวผิดปกติ
“เชิญนายท่านหวง”
ระหว่างที่เดินเข้าไปด้านในจวน ทหารที่ติดตามมาได้กระจายตัวไปรอบ ๆ จวนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงชางอวี่ที่ติดตามหลี่อ๋อง และทหารอีกสองคนที่คอยดูแลเหมยลี่ ซึ่งตอนนี้ถูกพาตัวไปซ่อนไว้ด้านในรถม้า เพื่อรอเวลาให้นางเป็นพยาน เรื่องที่หวงฉุนฟางได้ลงมือทำกับหลานของนางเอง
เมื่อแขกและเจ้าของจวนมาถึงโถงรับแขก หลี่อ๋องไม่รั้งรอที่จะบอกกับนายท่านหวง ถึงสาเหตุที่ตนมาเยือนถึงจวน “นายท่านหวงรบกวนท่านให้คนในครอบครัว ออกมาพบเปิ่นหวางทั้งหมดด้วย ยกเว้นคนที่เดินทางไปทำการค้าเท่านั้น”
“เอ่อ ไม่ทราบว่าท่านอ๋องมีเรื่องอันใดจะหารือ หรือพูดคุยกับคนในครอบครัวของกระหม่อมในเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” นายท่านหวงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“หึ ที่เปิ่นหวางต้องการพบทุกคนย่อมบ่งบอกได้เป็นอย่างดี ว่าเรื่องที่จะพูดคุยกับท่านย่อมเป็นเรื่องสำคัญมาก อย่าได้ชักช้าอยู่เลยให้บ่าวไพร่ไปตามพวกเขามาโดยเร็วเถิด” คำตอบของหลี่อ๋องไม่ได้ทำให้นายท่านหวงหายสงสัย
เพราะเกี่ยวดองกันมาหลายปี นายท่านหวงจึงพอรู้นิสัยใจคอของหลี่อ๋องมาบ้าง จากคำสั่งนี้มีหรือนายท่านหวงจะกล้าตั้งคำถามอีก “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะให้คนไปตามทุกคนออกมาเดี๋ยวนี้ อู่ฮวนเจ้าให้บ่าวไพร่ไปเชิญครอบครัวข้าให้พวกเขารีบมายังห้องรับรองเดี๋ยวนี้”
“ขอรับนายท่าน”
อู่ฮวนออกไปจัดการตามคำสั่งของนายท่านหวง ซึ่งฮูหยินทั้งสองและบุตรหลานที่อยู่ในจวนยามนี้ เมื่อถูกเชิญไปที่โถงรับแขกที่มีหลี่อ๋องมาเยือน ทุกคนล้วนเกิดคำถามขึ้นในใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะมีเพียงสตรีสองคนเท่านั้นที่คิดไม่เหมือนผู้ใด
หลังจากคนในจวนตระกูลหวงมาพร้อมหน้ากันแล้ว นายท่านหวงยังมิทันได้เอ่ยถามถึงเหตุผล ที่หลี่อ๋องบอกว่ามาเยือนจวนของตน ด้วยมีเรื่องสำคัญมากถึงได้มาด้วยตนเองเช่นนี้ กลับมีเสียงของสตรีวัยกลางคนเอ่ยแทรกอย่างไร้มารยาท
“ท่านอ๋องมาเยือนด้วยตนเองเช่นนี้ คงเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับฟางเอ๋อร์กระมังเพคะ ท่านอ๋องก็รู้ว่าบุตรสาวของหม่อมฉันคนนี้ มิเคยชายตามองบุรุษอื่นนางเฝ้ารอเพียงท่านอ๋องผู้เดียว หากทั้งสองจวนได้เกี่ยวดองกันอีกครั้ง คงจะเป็นเรื่องดีมาก ๆ ในรอบหลายปีนะเพคะ” ฮูหยินรองจูเซินจิ่งมารดาของหวงฉุนฟาง ชิงพูดเพราะคิดว่าเหตุผลที่หลี่อ๋องมาเยือน คงเพราะใจอ่อนให้กับบุตรสาวของตนแล้ว
นายท่านหวงที่สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ตั้งแต่ที่ได้เจอหลี่อ๋องด้านหน้าจวน ก็กล่าวเตือนฮูหยินรองด้วยเสียงที่เข้มแกมดุ “ฮูหยินรองใครใช้ให้เจ้าสอดปาก ทั้งที่ข้ายังมิได้เอ่ยสิ่งใดกับท่านอ๋องเลยสักนิด เจ้านั่งฟังอยู่เงียบ ๆ อย่าให้ข้าได้ยินเสียงออกจากปากเจ้าอีก หากเจ้ายังกล้าทำตัวไร้มายาทข้าจะสั่งลงโทษเจ้าซะ”
หวงฉุนฟางเห็นมารดาถูกบิดาตำหนิ นางจึงทำท่าทางเกรงใจหลี่อ๋องกับเรื่องที่มารดาของนางเพิ่งจะพูดออกไป “ท่านแม่ท่านอย่าพูดเช่นนั้นสิเจ้าคะ บางทีท่านอ๋องอาจมีธุระเรื่องอื่นก็เป็นได้ พวกเราลองฟังท่านอ๋องพูดก่อนเถิดเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงที่หวงฉุนฟางเอ่ยออกมานั้น มันช่างเพิ่มโทสะขึ้นในใจของหลี่อ๋องยิ่งนัก ‘หึ สมกับที่เป็นแม่ลูกกันจริง ๆ ต่อหน้าและลับหลังกลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน’
“นายท่านหวงอย่าตำหนิฮูหยินรองเลย เพราะที่เปิ่นหวางมาเยือนที่นี่ เหตุผลหนึ่งก็เป็นเรื่องของคุณหนูสามหวงเช่นกัน”
สองแม่ลูกได้ยินเช่นนั้นก็หูผึ่งทันทีแต่ยังคงรักษากิริยาเอาไว้ แต่ความตื่นเต้นอยากรู้ว่าใช่เรื่องที่ตนใฝ่ฝันหรือไม่ ก็เป็นอันต้องพังทลายลงไปในพริบตา เมื่อหลี่อ๋องเกริ่นคำว่ารู้ตัวผู้อยู่เบื้องหลัง ในวันที่ซื่อจื่อถูกลักพาตัวไปเรียบร้อยแล้ว
“เรื่องที่ซื่อจื่อถูกโจรลักพาตัวนายท่านหวงคงทราบดี เปิ่นหวางอยากจะบอกให้ท่านกับทุกคนสบายใจ เพราะซื่อจื่อมีบุญจึงมีคนช่วยเอาไว้ได้ทัน ก่อนจะถูกโจรนำตัวไปขายยังต่างแคว้น”
“ท่านอ๋องพูดจริงหรือพ่ะย่ะค่ะ! ไม่ทราบว่าซื่อจื่อได้รับบาดเจ็บที่ใดหรือไม่ พวกกระหม่อมเองก็เป็นห่วงไม่น้อย และยังฝากฝังมิตรสหายที่เป็นพ่อค้า ให้ช่วยส่งข่าวคราวหากพบเจอเรื่องของซื่อจื่อพ่ะย่ะค่ะ” นายท่านหวงคอยติดตามข่าวของหลานคนนี้อยู่ทุกวี่วัน
‘ท่านอ๋องทรงรู้ตัวผู้บงการเรื่องลักพาตัวแล้ว หรือว่าเจ้าโจรพวกนั้นถูกคนของท่านอ๋องจับตัวกลับมา ทำยังไงดี ๆ คิดเข้าสิหวงฉุนฟาง’
เฉินฮูหยินได้ยินว่าหลานชายปลอดภัย ก็น้ำตาซึมเพราะนางเองก็เป็นกังวลจนทานอะไรไม่ลง “ท่านอ๋องเพคะ หากจับตัวคนร้ายได้แล้วขอพระองค์ลงโทษให้หนัก หรือจะประหารชีวิตให้สิ้นยิ่งดีเพคะ คนอะไรจิตใจช่างโหดเหี้ยมทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็กตัวเล็ก ๆ”
“ท่านแม่สามีตอนนี้ท่านอ๋องมายืนยันด้วยตนเอง ท่านกับท่านพ่อสามีคงสบายใจได้แล้วนะเจ้าคะ หลังจากนี้ต้องบำรุงร่างกายพักผ่อนให้ดี รอให้ซื่อจื่อร่างกายแข็งแรงพวกเราค่อยไปเยี่ยมที่จวนนะเจ้าคะ” ฉินเยี่ยนฉิงลูกสะใภ้ของนายท่านหวงกับฮูหยิน กล่าวปลอบใจพ่อแม่สามีของตน ที่มีอาการเซื่องซึมหลังทราบข่าวว่าซื่อจื่อถูกลักพาตัวไป
หลี่อ๋องยกยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยตอบมารดาของน้องสะใภ้ จากนั้นจึงหันไปถามหวงฉุนฟางที่ต้องสะดุ้งตัวโยนเมื่อจู่ ๆ สายฟ้าก็ฟาดลงมาที่นาง “เฉินฮูหยินไม่ต้องห่วงเรื่องการลงโทษ เพราะวันนี้เปิ่นหวางจะลงโทษคนร้ายต่อหน้าพวกท่าน เจ้าผิดหวังหรือไม่ที่ซื่อจื่อกลับมาอย่างปลอดภัย หลังจากนี้ยังคิดวางแผนกำจัดซื่อจื่อ ไม่คิดวางมือเรื่องจวนของเปิ่นหวางเลยรึ ‘คุณหนูสามหวงฉุนฟาง’ หึ”
“เอ่อ ทะ ทะ ท่านอ๋องกล่าวอันใดกันเพคะ ผู้ใดกล้าบังอาจทำร้ายซื่อจื่อได้ถึงเพียงนั้น หม่อมฉันเองก็เป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซื่อจื่อไม่น้อยเลยนะเพคะท่านอ๋อง” หวงฉุนฟางยังคงตีหน้าเศร้า
ยิ่งหลี่อ๋องได้เห็นสีหน้าท่าทางและคำพูดของหวงฉุนฟาง ที่พยายามปฏิเสธว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ยิ่งทำให้อยากสับนางเป็นชิ้น ๆ เสียตรงนี้ถ้าไม่มีนายท่านหวง ที่เป็นญาติผู้ใหญ่ของน้องสะใภ้แล้วละก็ หวงฉุนฟางคงได้กลายเป็นศพไปนานแล้ว
“คุณหนูสามหวงเจ้าคิดว่าคนในจวนหวง จะไม่รู้สิ่งที่เจ้าเฝ้าวาดหวังมาตลอดหลายปีเชียวหรือ มิได้มีเพียงแค่เจ้าที่ต้องการตำแหน่งชายาของเปิ่นหวาง สตรีอื่น ๆ อีกมากมายล้วนคิดเช่นเจ้าทั้งสิ้น แต่พวกนางมิได้ใจกล้าคิดกำจัดได้แม้แต่หลานของตนเองเช่นเจ้า!
ต่อให้เมืองหลงเฉิงหรือแคว้นหลงอวิ๋น จะเหลือเจ้าเป็นสตรีเพียงคนเดียว เปิ่นหวางก็ไม่มีวันรับเจ้ามาเป็นชายาข้างกายเด็ดขาด ที่ผ่านมาปล่อยให้เจ้าเข้าออกจวนได้ตามใจเพราะมีน้องสะใภ้อยู่ที่นั้น แต่นานวันเจ้ากลับอหังการอยากเป็นนายหญิงของจวน”