บทที่ 14 หวงฉุนฟางต้องถูกประหาร
สิ่งที่หลี่อ๋องพูดกับหวงฉุนฟางนั้น สร้างความตกตะลึงให้กับคนในครอบครัวอย่างมาก พวกเขาแค่คิดว่านางมีนิสัยเอาแต่ใจ มิใช่คนใจร้ายถึงขั้นคิดฆ่าคนได้มาก่อน
นายท่านหวงคิดว่าตนเองหูฝาด จึงได้เอ่ยถามกับหลี่อ๋องอีกครั้งให้แน่ใจ “ทะ ทะ ท่านอ๋องบอกว่าผู้ใดคือคนร้ายนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมมิได้หูฝาดเพราะอายุมากใช่หรือไม่ท่านอ๋อง”
“นะ นะ นี่นางใจกล้าคิดสังหารลูกของเจี๋ยเอ๋อร์งั้นหรือ แต่นั่นเป็นหลานชายของนางนะ ต่างก็มีสายเลือดเดียวกันเหตุใดถึงทำได้ลงคอ ฮึก” เฉินฮูหยินร้องไห้ด้วยนึกสงสารบุตรสาวและหลานชายของตนยิ่งนัก
หวงฉุนฟางละล่ำละลักแก้ตัวเป็นพัลวัน “มะ มะ ไม่จริงนะเพคะท่านอ๋อง ต้องมีคนอิจฉาที่หม่อมฉันเข้าออกจวนอ๋องบ่อย ๆ ถึงได้จ้างคนให้ทำการลักพาตัวซื่อจื่อและโยนความผิดมาให้หม่อมฉัน ท่านอ๋องเชื่อหม่อมฉันเถิดหม่อมฉันไม่ได้ทำจริง ๆ เพคะ”
“หึ เจ้าไม่ยอมรับว่าเป็นคนสั่งการสินะ ได้ เปิ่นหวางจะทำให้เจ้ายอมรับแต่โดยดี ชางอวี่นำคนเข้ามา” ในเมื่อคนร้ายไม่ยอมรับสารภาพ การเบิกตัวพยานย่อมไม่ต้องรั้งรอกันอีก
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
ชางอวี่ออกไปเพียงชั่วอึดใจก็กลับเข้ามาพร้อมพยาน ซึ่งพยานคนนี้ยิ่งทำให้หวงฉุนฟางถึงกับหมดแรง ผลัก! ตุบ!
“ท่านอ๋องบ่าวนำตัวพยานคนสำคัญมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“พูดให้เหมือนกับที่เจ้าสารภาพกับเปิ่นหวาง อย่าได้ตกหล่นแม้เพียงครึ่งคำนะเหมยลี่” มิใช่แค่น้ำเสียงที่น่ากลัว แต่ดวงตาที่สามารถสังหารคนได้ของหลี่อ๋อง จดจ้องไปยังเหมยลี่โดยตรง
“เพคะท่านอ๋อง นายท่าน ฮูหยิน เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับซื่อจื่อ ล้วนเป็นฝีมือของคุณหนูสามทั้งสิ้นเจ้าค่ะ เพราะคุณหนูสามคิดจะปีนเตียงท่านอ๋อง หวังให้กำเนิดบุตรชายและหวังตำแหน่งซื่อจื่อ ที่คุณหนูสามต้องการแย่งชิงมาให้บุตรของตน ฮึก ๆ นายท่านที่บ่าวพูดมาทั้งหมดคือเรื่องจริง บ่าวมิได้โกหกหรือใส่ร้ายคุณหนูสามแม้แต่น้อยเจ้าค่ะ”
“นางบ่าวชั่ว! เจ้ากล้าปรักปรำคุณหนูเช่นข้าได้อย่างไร ข้าไม่เคยทำร้ายผู้ใดทั้งนั้นได้ยินไหม ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ทำ!!...”
ฉาด! อ๊ะ ฉาด!
นายท่านหวงลุกขึ้นเดินมาตบหน้าบุตรสาว ด้วยความโกรธกับสิ่งที่นางกระทำ” นางลูกไม่รักดี! ทำไมกัน นั่นคือหลานของเจ้าเช่นกันนะ”
หวงฉุนฟางเก็บความอึดอัดใจไว้ไม่ไหว นางระเบิดความต้องการสารภาพออกมาต่อหน้าทุกคน “ก็ใครใช้ให้นางหรูเจี๋ยได้ดีเป็นสะใภ้จวนอ๋อง แล้วไม่คิดช่วยสนับสนุนข้าให้ได้ตำแหน่งพระชายาเล่า ในเมื่อมันตายไปแล้วยังทิ้งลูกไว้เป็นก้างขวางคอข้าอีก!”
“ฟางเอ๋อร์นี่เจ้า ๆ เอิ้ก..ตุบ” ฮูหยินรองพูดได้เพียงแค่นั้น ก็เป็นล้มล้มพับเพราะรับไม่ได้กับสิ่งที่บุตรสาวได้กระทำ
เฉินฮูหยินเป็นอีกคนที่รู้สึกโกรธเคืองแทนบุตรสาว “หวงฉุนฟางเจ้าจะโทษเจี๋ยเอ๋อร์ของข้าได้อย่างไร ต่อให้เจ้าทุ่มเทจนตัวตายแต่ท่านอ๋องมิได้คิดอันใดกับเจ้ามันก็เท่านั้น เจ้าควรยอมรับความจริงและตัดใจเสีย มิใช่นำความโกรธที่ท่านอ๋องไม่สนใจเจ้ามาลงกับเด็กเช่นนี้ ท่านอ๋องเพคะ สตรีจิตใจชั่วช้าเช่นนี้พระองค์ไม่ชายตาแล และไม่รับเข้าจวนถือว่าเป็นการตัดสินพระทัยที่ถูกต้องแล้ว หม่อมฉันกับสามีไม่เคยคิดยุ่งเรื่องส่วนตัวของท่านอ๋อง หากในอนาคตท่านอ๋องมีคนที่พึงใจ ขอเพียงนางเป็นสตรีที่จิตใจดีไม่รังแกซื่อจื่อก็พอเพคะ”
“เปิ่นหวางขอบคุณเฉินฮูหยินที่เข้าใจ แต่เรื่องนั้นยังคงไม่เกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ พวกท่านวางใจเถิดใครหน้าไหนก็ไม่อาจรังแกซื่อจื่อได้” หลี่อ๋องพูดจากความรู้สึกของตนจริง ๆ ที่ว่ายังไม่ถูกตาต้องใจกับสตรีคนใด
แต่คำพูดของเฉินฮูหยินยิ่งกระตุ้นอารมณ์ของหวงฉุนฟาง เพราะนางไม่ต้องการให้หลี่อ๋องเป็นของสตรีคนไหน “ไม่ได้! หม่อมฉันไม่ยอมนะเพคะท่านอ๋อง พระชายาเอกของท่านต้องเป็นหม่อมฉันเท่านั้น หากมีสตรีหน้าไหนกล้ามาให้ท่าทำให้ท่านหลงใหล หม่อมฉันจะสังหารพวกนางให้หมด ฮ่า ๆ ๆ”
นายท่านหวงเสียใจจนพูดสิ่งใดไม่ออก ทุกคนที่อยู่ในโถงรับแขกยิ่งไม่กล้าพูดแก้ตัวให้หวงฉุนฟาง แม้แต่มารดาของนางอย่างจูเซินจิ่ง ยังเป็นลมหมดสติก่อนผู้ใด
หลี่อ๋องไม่ต้องการได้ยินวาจาเลื่อนเปื้อน ที่หวงฉุนฟางกล่าวออกมาอีกแม้ครึ่งคำ คำสั่งนี้อาจทำร้ายจิตใจของนายท่านหวง แต่คนอย่างหลี่อ๋องจะปล่อยให้คนร้าย ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเพื่อสร้างปัญหาให้ตนมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
“ชางอวี่”
“กระหม่อมอยู่นี่พ่ะย่ะค่ะ เชิญท่านอ๋องมีรับสั่ง”
“ให้คนไปเตรียมรถม้าเพิ่มอีกหนึ่งคัน แล้วเอาตัวหวงฉุนฟางกับเหมยลี่ พร้อมกับสาวใช้คนสนิทของนางไปประหารในป่านอกเมือง เพื่อป้องกันมิให้ชาวบ้านพูดถึงนางจนสร้างความเสื่อมเสียให้กับตระกูลหวง จะปล่อยให้ปลาตายแค่ตัวเดียวจนเน่าเหม็นลามไปถึงตัวผู้อื่นได้อย่างไร อย่าลืมปิดปากพวกนางให้สนิท อย่าได้มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกจากปากพวกนางเด็ดขาด”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ พวกเจ้าสองคนที่อยู่ด้านนอก เข้ามาช่วยข้าจัดการสตรีทั้งสามคนที” ชางอวี่เรียกทหารให้เข้ามาช่วย เพื่อปิดปากและมัดเชือกทั้งมือและเท้าของนายบ่าวทั้งสาม
ภายหลังสั่งการชางอวี่เสร็จ หลี่อ๋องจึงหันไปกล่าวบางอย่างกับนายท่านหวง “เรื่องที่เปิ่นหวางตัดสินใจในครั้งนี้หวังว่านายท่านหวงจะเข้าใจ เพราะนั่นคือทายาทเพียงคนเดียวของจวนอ๋อง ที่ต้องนำตัวพวกนางไปประหารนอกเมือง ก็เพื่อรักษาชื่อเสียงอันดีงามของตระกูลท่านไว้”
นายท่านหวงได้แต่ทอดถอนใจกับเรื่องใหญ่ในวันนี้ แต่เขาผ่านโลกมาก่อนย่อมเข้าใจความหวังดีนี้จากหลี่อ๋อง “กระหม่อมเข้าใจความหวังดีของท่านอ๋อง ขอบพระทัยที่ทรงช่วยรักษาชื่อเสียงของตระกูลหวงไว้ หากในอนาคตมีใครพูดถึงบุตรสาวคนนี้ กระหม่อมจะบอกกับพวกเขาไปว่า ส่งนางไปแต่งงานยังต่างเมืองแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“อืม พวกท่านก็อย่าได้โทษตนเองกับเรื่องของนาง โปรดรักษาสุขภาพให้ดีเพราะซื่อจื่อยังรอให้พวกท่านไปเยี่ยมที่จวน วันนี้เปิ่นหวางคงต้องขอตัวกลับไปสะสางงานที่จวนต่อแล้ว ท่านไม่ต้องเดินไปส่งเปิ่นหวางหรอก ลานายท่านหวง”
“พ่ะย่ะค่ะ”
หลี่อ๋องเมื่อจัดการสะสางปัญหาที่มาจากฝีมือของสตรีผู้ลุ่มหลงตนเอง จนทำให้จิตใจเต็มไปด้วยความต้องการที่ผิด ๆ ตัวของหวงฉุนฟางนั้นย่อมรู้ดีกว่าผู้ใด ว่าหลี่อ๋องมิใช่บุรุษมากรักหลายใจ ที่จะรับสตรีทุกคนเข้าจวนไม่ว่าพวกนางจะเต็มใจ หรือถูกบังคับจากคนในครอบครัว หลี่อ๋องเป็นบุรุษเย็นชาดังภูเขาน้ำแข็ง แม้แต่หญิงงามล่มเมืองของเมืองหลวง ยังไม่สามารถดึงดูดสายตาของเขาได้ สตรีธรรมดาทั่วไปที่นิสัยใจคอขัดกับรูปร่างหน้าตา จะทำให้หลี่อ๋องเกิดความหวั่นไหวได้อย่างไร