บทที่ 11 หนอนตัวร้าย
เรื่องราวที่ออกจากปากของซื่อจื่อน้อย ทำเอาเจ้าของจวนรวมถึงพ่อบ้านห้าวชงและชางอวี่ เกิดอาการตกใจจนแทบไม่เชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน คาดไม่ถึงว่าสาวใช้ของฮูหยินหวง จะมีนิสัยร้ายกายกลั่นแกลังบุตรของเจ้านายเช่นนี้
แต่คนที่มีโทสะมากกว่าผู้ใดคงหนีไม่พ้นหลี่อ๋อง เขากำหมัดแน่นพยายามควบคุมอารมณ์โกรธของตน เพราะไม่อยากทำให้หลานชายต้องตกใจ “ชางอวี่! ไปลากตัวสาวใช้ของน้องสะใภ้มาที่นี่ เดี๋ยวนี้! เปิ่นหวางจะไต่สวนนางด้วยตนเอง”
ชางอวี่ที่รู้สึกโกรธเช่นกันรับคำสั่งไม่มีรีรอ “พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
จื่อหนิงยังไม่อยากให้เรื่องมันจบเร็วเกินไป นางจึงรีบเอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน “ประเดี๋ยวก่อนเพคะท่านอ๋อง”
“แม่นางจื่อหนิงห้ามเปิ่นหวางด้วยเหตุใดรึ”
“หม่อมฉันมิได้คิดจะห้ามไม่ให้ท่านอ๋องไต่สวนเพคะ เพียงแต่เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของสาวใช้ผู้นั้นคนเดียวแน่ มิสู้ท่านอ๋องลองสังเกตท่าทีของนาง เมื่อได้เห็นว่าซื่อจื่อกลับมาอย่างปลอดภัย เผื่อว่าสาวใช้ผู้นั้นจะนำความไปบอกกล่าวใครบางคน คราวนี้จะได้รู้เสียทีว่าใครที่คิดทำร้ายซื่อจื่อเพคะ” จื่อหนิงย่อมอยากมีผลงานเพื่อแสดงความสามารถให้ขาทองคำได้เห็น ว่านางมิได้เก่งเพียงแค่เรื่องทำอาหารเท่านั้น
พ่อบ้านห้าวชงคิดว่าวิธีของจื่อหนิงไม่เลว “ท่านอ๋องแผนของแม่นางจื่อหนิงก็ไม่เลวนะพ่ะย่ะค่ะ หากสาวใช้ผู้นี้ปากแข็งไม่กลัวการทรมาน คนที่บงการนางอยู่ย่อมรอดตัวไปได้ และอาจกลับมาทำร้ายซื่อจื่ออีกครั้ง ขอท่านอ๋องโปรดพิจารณาสักนิดเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
‘นั่นสินะ หากจัดการแค่สาวใช้นางนี้คนร้ายตัวจริง ย่อมรอดตัวและกลับมาทำร้ายเสี่ยวอวี้อีกครั้ง’
“ได้ เปิ่นหวางจะลองทำตามที่แม่นางจื่อหนิงเสนอมา ส่วนที่พักของเจ้าก็อยู่ที่เรือนข้างใกล้กับเรือนของซื่อจื่อ ที่นั่นมีห้องครัวให้เจ้าใช้ได้ตามสบาย ส่วนบ่าวไพร่ที่เคยทำงานกับน้องสะใภ้ของเปิ่นหวาง เจ้าสามารถเรียกใช้พวกนางได้ทุกคน” หลี่อ๋องไม่เพียงยอมทำตามคำแนะนำของจื่อหนิง แต่เขามีแผนการอยู่ในใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จื่อหนิงกล่าวขอบคุณหลี่อ๋อง ที่ยินดีรับฟังความคิดเห็นของตน แต่ยังมีอีกเรื่องที่นางอยากจะขอกับหลี่อ๋อง “ขอบพระทัยท่านอ๋องที่ไม่รังเกียจความคิดของหม่อมฉัน เพียงแต่ว่ามีอีกเรื่องที่อยากทูลต่อท่านอ๋อง เกี่ยวกับบ่าวไพร่ที่รับเข้ามาใหม่ หม่อมฉันคิดว่าควรอบรมพวกเขาให้ดีกว่านี้เพคะ ไม่ว่าผู้ที่มาเยือนจวนอ๋องจะเป็นใคร พวกเขาไม่ควรใช้วาจาไม่สุภาพ ในเมื่อไม่รู้ว่าผู้มาเยือนเป็นใคร พวกเขาแค่มาตามท่านพ่อบ้านหรือบ่าวไพร่คนเก่าแก่ของจวนไปช่วยดู เรื่องราวจะได้ไม่บานปลาย ถ้าแขกที่มาเป็นขุนนางจวนท่านอ๋องอาจถูกตำหนิได้เพคะ”
“ลูกเห็นด้วยกับพี่จื่อหนิงพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ เพราะบ่าวสองคนที่เฝ้าประตูกล่าวหาว่า พี่จื่อหนิงคิดใช้ลูกเพื่อเข้าหาเสด็จพ่อ และไม่เชื่อว่าลูกคือซื่อจื่อของจวนแห่งนี้พ่ะย่ะค่ะ” ซื่อจื่อน้อยได้ทีรีบผสมโรงกับพี่เลี้ยงสาวคนใหม่อย่างรวดเร็ว
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่อ๋องได้ยินว่าบ่าวไพร่ของจวน แสดงกริยาต่อผู้มาเยือนอย่างไร้มารยาท “พ่อบ้านห้าวชงไปตรวจสอบดูว่า ที่แม่นางจื่อหนิงกับซื่อจื่อพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หากเกิดขึ้นจริงลงโทษตามกฎของจวนทันทีไม่มีละเว้น”
“รับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
หลี่อ๋องไม่ลืมกำชับเรื่องของจื่อหนิงกับพ่อบ้านอีกครั้ง “อืม แต่ก่อนจะไปจัดการเรื่องบ่าวไพร่พวกนั้น เจ้าพาซื่อจื่อกับแม่นางจื่อหนิงกลับเรือนหยางชู และหาเสื้อผ้าชุดใหม่สำหรับแม่นางจื่อหนิงด้วย อย่าลืมกำชับทุกคนในจวนให้ดี ว่านางมิใช่บ่าวไพร่ในจวนของเปิ่นหวาง ตำแหน่งการทำงานของนางสูงกว่าบ่าวไพร่ทุกคน”
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจัดการทุกอย่างให้ดี เชิญซื่อจื่อกับแม่นางจื่อหนิงตามข้ามาเถิด”
“ลูกขอตัวก่อนพ่ะย่ะค่ะ'
จื่อหนิงเห็นเจ้านายตัวน้อยกล่าวลาบิดา นางจึงย่อตัวเล็กน้อยทำความเคารพ ก่อนจะเดินตามหลังพ่อบ้านไปอีกคน
หลี่อ๋องยืนมองบุตรชายและพี่เลี้ยงคนใหม่ เดินตามพ่อบ้านห้าวชงไปจนลับสายตา จึงได้กลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง เพื่อสังการกับชางอวี่เกี่ยวกับสาวใช้ของน้องสะใภ้ทันที
“ชางอวี่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าคอยจับตาดูเหมยลี่สาวใช้ของน้องสะใภ้ให้ดี หลังจากนางพบเจอซื่อจื่อที่เรือนแล้ว ท่าทีของนางเป็นอย่างไรหรือลักลอบออกไปพบผู้ใด จงติดตามอย่างใกล้ชิดอย่าให้คลาดสายตาเด็ดขาด เปิ่นหวางอยากจะรู้นักว่าใครที่บงการอยู่เบื้องหลัง อึก อะ!”
ชางอวี่รีบเข้าไปประคองร่างสูง ทันทีที่เห็นอาการปวดท้องของหลี่อ๋องกำเริบ “ท่านอ๋อง! โปรดระงับโทสะด้วยพ่ะย่ะค่ะ ยามนี้ซื่อจื่อกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว อย่าทรงกังวลสิ่งใดอีกเลย ประเดี๋ยวร่างกายจะแย่เอาได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
อาการปวดท้องของหลี่อ๋องเริ่มเกิดขึ้น ภายหลังที่สูญเสียมารดากับน้องชายพร้อมน้องสะใภ้ ทำให้หลี่อ๋องพยายามใช้การทำงานหนัก เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดภายในใจ จนกลายเป็นอาการป่วยเรื้อรังมาถึงตอนนี้
“อืม ขอบใจที่ช่วยเตือน เจ้าเองก็อย่าลืมส่งข่าวถึงชางเซิ่งด้วยล่ะ ให้รีบกลับมาอารักขาซื่อจื่อโดยเร็ว เปิ่นหวางยังไม่วางใจเรื่องโจรพวกนั้น”
“พ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ท่านอ๋องควรพักเสียหน่อยดีหรือไม่ ประเดี๋ยวกระหม่อมจะนำน้ำชามาให้ดื่มนะพ่ะย่ะค่ะ” ชางอวี่กังวลทุกครั้งที่หลี่อ๋องต้องทรมานจากอาการป่วยเช่นนี้
ทุกครั้งที่อาการป่วยกำเริบหลี่อ๋องจะพึ่งชาเก๋ากี้ ตามเทียบยาที่ท่านหมอจัดไว้ให้ที่จวน และเป็นชางอวี่ที่คอยต้มชานี้มาให้เสมอ เมื่อได้ดื่มชาเก๋ากี้จึงช่วยลดอาการปวดลงไปได้บ้าง ส่วนชางอวี่เมื่อเห็นเจ้านายดีขึ้นแล้ว จึงกลับออกไปทำตามคำสั่งของหลี่อ๋องทันที
ทางด้านเหมยลี่ที่นั่ง ๆ นอน ๆ ทำตัวประหนึ่งเป็นเจ้าของเรือน ยังไม่รู้ชะตากรรมของตนเอง ว่าเงาหัวเริ่มจะจางหายไปทีละนิด ๆ นางลำพองตนว่าแผนการของหวงฉุนฟาง ย่อมจัดการส่งบุตรชายของพี่สาว ไปขายเป็นทาสเด็กยังต่างแคว้นได้แน่นอน
แต่ขณะที่เหมยลี่กำลังฝันกลางวันอยู่นั้น ก็เห็นพ่อบ้านห้าวชงเดินนำทางสตรีและเด็กผู้ชาย ตรงมายังเรือนหยางชู จนกระทั่งใบหน้าที่คุ้นเคยของเด็กผู้ชายเข้ามาใกล้ จากฝันดีกลับกลายเป็นฝันร้ายทันที
‘พ่อบ้านพาผู้ใดมาที่นี่ เอ๊ะ นะ นะ นั่นมันซื่อจื่อมิใช่รึ! เหตุใดถึงกลับมาได้ล่ะหรือว่าโจรพวกนั้นจะทำการไม่สำเร็จ แล้วสตรีด้านหลังนั่น ฮะ ฮะ ฮูหยิน เป็นไปไม่ได้ฮูหยินตายไปตั้งนานแล้ว นางก็แค่สตรีที่มีใบหน้าคล้ายฮูหยินเท่านั้น แต่เรื่องของซื่อจื่อที่กลับมาอย่างปลอดภัย ต้องทำให้ข้าเดือดร้อนถูกคุณหนูสามต่อว่า แย่แล้ว ตายแน่ ๆ’
พ่อบ้านและจื่อหนิงเมื่อเห็นอาการตกตะลึงของเหมยลี่ แน่นอนว่าพวกเขามั่นใจเต็มสิบส่วน แผนการลักพาตัวซื่อจื่อน้อยครั้งนี้ มีเหมยลี่ร่วมกับคนพวกนั้น แต่น้ำเสียงที่พ่อบ้านห้าวชงพูดออกมา ยังคงใช้โทนเสียงปกติเช่นทุกวัน
“แม่นางจื่อหนิงถึงเรือนของซื่อจื่อแล้วขอรับ ส่วนเรื่องเสื้อผ้าอีกประเดี๋ยวข้าจะให้สาวใช้นำมาส่งให้ท่าน ตอนนี้ท่านกับซื่อจื่อนั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนเถิดขอรับ”
จื่อหนิงมองเรือนหยางชูที่มีขนาดใหญ่ปานกลาง ก็พอเข้าใจได้ว่าเรือนของทายาทจวนอ๋องย่อมไม่ธรรมดา “ขอบคุณท่านพ่อบ้านมากเจ้าค่ะ ถ้าไม่เป็นการรบกวนท่านจนเกินไป ข้าขอเพิ่มพวกวัตถุดิบทำอาหาร และอุปกรณ์ในห้องครัวด้วยนะเจ้าคะ”
“ได้ ๆ ๆ ข้าไม่ลืมสิ่งที่แม่นางจื่อหนิงต้องการอยู่แล้ว ท่านระ...” พ่อบ้านยังพุดคุยกับจื่อหนิงไม่เสร็จ กลับมีเสียงของคนที่กลัวความผิดเอ่ยแทรกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
เหมยลี่ที่ตั้งสติกลับมาเป็นปกติแล้ว เห็นว่าพ่อบ้านไม่สนใจตนเอง จึงหันไปเรียกร้องความเห็นใจจากซื่อจื่อน้อย ด้วยการแสร้งบีบตาว่าตนนั้นทั้งกังวลและเป็นห่วงเจ้านายหนักหนา “ซื่อจื่อ! ท่านปลอดภัยกลับมาแล้ว ฮือ ๆ ๆ บ่าวขออภัยที่ไร้ความสามารถ ปล่อยให้ท่านถูกโจรพวกนั้นจับตัวไป ซื่อจื่อโปรดเมตตาให้อภัยบ่าวสักครั้งเถิดเจ้าค่ะ”
ซื่อจื่อน้อยหาใช่คนโง่ เมื่อสาวใช้คนนี้กล้าทรยศตนเอง ย่อมหาทางกลั่นแกล้งเอาคืนเสียหน่อย “ได้สิ เจ้าเป็นเพียงสตรีอ่อนแอ จะมีกำลังช่วยข้าจากพวกโจรได้อย่างไร แต่ถ้าอยากให้ข้าให้อภัยเช่นนั้นเจ้าไปซื้อขนมงาทอด ที่เถ้าแก่เนี้ยฮัวทำออกมาขาย โดยเงินที่ใช้ซื้อขนมจะต้องเป็นเงินของเจ้าเท่านั้น เรื่องแค่นี้เจ้าทำได้หรือไม่เล่า”
‘หนอย เจ้าเด็กตัวแสบคอยดูเถิด ข้าจะให้คุณหนูสามหวงกำจัดเจ้าให้สิ้นซาก’ “ได้เจ้าค่ะซื่อจื่อ แค่ขนมไม่กี่ชิ้นบ่าวสามารถซื้อมาให้ท่านได้อยู่แล้ว เช่นนั้นซื่อจื่อรอบ่าวอยู่ที่นี่ก่อนนะเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปซื้อขนมมาให้ก่อนที่มันจะหมดเจ้าค่ะ”
“อืม รีบไปรีบกลับข้าจะรอขนมจากเจ้าเหมยลี่” น้ำเสียงของซื่อจื่อน้อยที่ใช้กับเหมยลี่ คือการแสดงอำนาจข่มขู่นางบางส่วน มิได้อ่อนโยนเช่นที่พูดคุยกับจื่อหนิง
จื่อหนิงมองตามเหมยลี่ก็ได้แต่ส่ายหน้าเบา ๆ เมื่อมองออกว่าความต้องการที่แท้จริงของนางคืออะไร “จิ ๆ ๆ ไอหยา ไม่คิดเลยว่าสาวใช้คนนี้จะเล่นงิ้วเก่งใช้ได้นะเสี่ยวอวี้ คำพูดกับสายตาของนางช่างสวนทางกันเสียจริง ส่งสัยว่าที่ที่นางอยากไปคงไม่ใช่ร้านขนม แต่เป็นที่อื่นและอาจเป็นเรือนของผู้ที่คิดร้ายกับเจ้าก็ได้นะเสี่ยวอวี้”
“ซื่อจื่อไม่ต้องกลัวนะขอรับ ท่านอ๋องไม่ปล่อยให้นางไปเพียงลำพังเป็นแน่ อีกไม่นานจะได้รู้เสียทีว่า คนใจดำกล้าทำร้ายแม้กระทั่งเด็กคือผู้ใด ซื่อจื่อรอบ่าวไพร่ยกน้ำร้อนประเดี๋ยวนะขอรับ จะได้ล้างเนื้อล้างตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าและพักผ่อน” พ่อบ้านห้าวชงย่อมสังเกตเห็นชางอวี่ ที่ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ข้างเรือนหยางชู และตอนนี้ก็ตามเหมยลี่ออกไปแล้ว
เหมยลี่เร่งฝีเท้าอย่างเร็วรี่ เพื่อนำเรื่องของซื่อจื่อน้อยไปรายงานกับเจ้านาย ที่ใช้เงินซื้อตัวนางหลังจากหวงฮูหยินสิ้นใจ นับจากนั้นเหมยลี่ก็ทำงานให้กับหวงฉุนฟางมาตลอด