เทพกระบี่พิชิต!!!
ผ่านไปครึ่งวัน
ถึงเเม้เวลาจะล่วงเลยผ่านไปนานเกินครึ่งวันทั้งคู่ก็ยังไม่มีใครงัดกันลง ถึงเเม้ข้าจะมีพละกำลังเเละความเร็วที่เหนือกว่า เเต่เขาก็มีทักษะที่ดีที่เตรียมพร้อมสำหรับจะสู้กับคนแบบข้ามาก่อนเเล้ว จากที่ข้าคิดว่าเขาเหมือนพี่อาร์เธอร์เเต่มันไม่น่าใช่ เขาคล้ายเฮียบัญชาเทพมากกว่า ดูลึกลับ เเข็งเเกร่ง เดาทางยาก ด้วยประสบการณ์ที่พวกเขามี
เเละใช่ถึงเเม้เวลาจะผ่านไปนานขนาดนั้นเเต่พวกเขาก็ยังคงนั่งดูการต่อสู้อยู่ตลอด เเม้เเต่ฮ่องเต้เองก็ด้วย ในตอนนี้สนามประลองเเทบจะไม่เหลือชิ้นดีด้วยการต่อสู้ของพวกเรา เพียงเเค่ทักษะกระบี่เพรียวๆเท่านั้น จะว่าไปในเกมข้าก็ไม่ได้มาลองสู้กับเขา เพราะเขาตายไปก่อนที่ข้าจะว่าง…
"มันมาถึงช่วงสุดท้ายเเล้วท่านเจ้านิกาย'' ข้ากล่าวก่อนจะถอนหายใจยาวพร้อมกับจิตระดับมหาตำนานที่ปะทุออกมา มันสามารถกดดันเขาได้อย่างสมบูรณ์ ที่จริงไม่ว่าจะใครในบริเวณนี้ก็เเรงกดดันของข้าไปซะหมด
"ที่จริงข้าก็พอรู้เเล้วว่าใครจะเป็นผู้ชนะ'' เขากล่าวออกมา เพราะในความเป็นจริงถ้าหากข้าไม่ลดเเรงเเละลดความเร็วลงมาใกล้เคียงเขา เขาจะไม่สามารถทำอะไรข้าได้อย่างเเน่นอน
"ท่านอย่าเพิ่งรีบด่วนตัดสินใจ'' ข้ากล่าว เพราะถ้าข้าจำไม่ผิด เขามีท่าไม้ตายในระดับตำนานอยู่ มันคือทักษะสืบทอดเฉพาะ มันยังไม่มีใครสามารถเเก้ทางได้ ที่จริงข้าก็ว่าจะไปลองสู้ให้เห็นกับตาสักครั้ง เเต่ในช่วงนั้นข้ากำลังโดนศึกจากทุกด้านอยู่นี่สิ เเต่ในตอนนี้ข้าอาจจะได้เห็นมันเเล้ว
"ข้าเหนื่อยมากเเล้ว'' เขากล่าวพร้อมกับตั้งท่าเตรียม ซึ่งข้าก็ไม่ได้เข้าไปขัด
“เทพกระบี่” เมื่อเขากล่าวออกมา ปราณของเขาก็มารวมที่ร่างของเขาทันที พร้อมกับก่อตัวเป็นร่างทรงอันยิ่งใหญ่ที่กำลังถือกระบี่เเละตั้งท่าจะพุ่งเข้าหาข้า ข้าที่เพียงได้มองครั้งเดียวก็ขนลุกไปหมด
“จุดเริ่มต้นเเละจุดจบ” เมื่อเขาได้ใช้ท่าไม้ตายของเขาออกมา ข้าเองก็ต้องให้เกียรติเขาในการใช้หนึ่งในท่าไม้ตายของข้าออกมาเช่นกัน มันคือทักษะที่ข้าคิดค้นขึ้นมาเอง เเละกว่าข้าจะฝึกจะหาทางไปสู่ความสำเร็จในทักษะนี้ได้มันก็ยาวนานพอสมควร
"พิชิต!!!'' เขากล่าวอีกครั้งพร้อมกับเขาที่พุ่งมาหาข้า รวมถึงร่างของของเขาเช่นกัน ถ้าให้ข้าเดา มันคงจะทรงพลังมากๆอย่างเเน่นอน
“ล้วนมาจากความว่างเปล่า”
“ความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด…จะกลืนกินทุกอย่าง” ข้าเองก็พุ่งไปหาเขาเช่นกัน ทั่วทั้งสนามประลองเงียบไปหมดมีเพียงข้าเเละเขาที่ส่งเสียง ทุกคนกำลังลุ้นกับการโจมตีสุดท้ายนี้ เเน่นอนว่าข้าเเละเขาไม่ได้จะเอาชีวิตหรือทำให้บาดเจ็บ เเต่ข้าเเละเขาต้องการทดสอบกันเเละต้องการสู้กันอย่างสุดตัวเพียงเเค่นั้น
"มิติลับ!!!'' ข้าพุ่งผ่านร่างทรงของเขาไปด้วยความเร็วที่เหนือขีดจำกัดทุกอย่าง ไม่มีใครเห็นข้า ในชั่วพริบตาข้าปรากฏหลังจากผ่านเขาไปเเล้ว
ฟุบ เปาะเเปะๆ
เป็นเจ้านิกายเกาเทียนเฉินที่ล้มลงไปกับพื้นก่อนที่เลือดจะไหลออกมามากมาย ด้วยรอยที่ถูกข้าฟัน ซึ่งข้าก็ไม่ได้ฟันลึกถึงขั้นจะเอาชีวิตถึงบาดเจ็บสาหัส น่าจะเป็นที่ทักษะเมื่อครู่ของเขารวมถึงความเหนื่อยล้าที่สะสมมานานทำให้เขาทรุดลง ส่วนข้า ในชั่วพริมตาเมื่อครู่ที่ข้าได้พุ่งผ่านเขาไป ร่างทรงของเขาสามารถตามข้าเข้าไปในมิติลับเเละฟันข้าให้เกิดบาดแผลได้ เเละใช่ถึงเเม้เขาจะฟันข้าได้เเต่ก็ไม่ได้รุนเเรงเหมือนโลกจริง เพราะนั่นคือมิติที่ข้าสร้างขึ้นมาเพียงชั่วครู่เท่านั้น
"พี่ใหญ่!/อาจารย์!/ท่านพ่อ!'' เหล่าคนรู้จักหรือญาติๆของผู้ที่กำลังประลองกันอยู่เมื่อครู่เมื่อเห็นว่าทั้งคู่บาดเจ็บด้วยการโจมตีสุดท้ายนั้น พวกเขาจึงวิ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อดูอาการในทันที
"ฮึก!!'' เเละสักพักเจ้านิกายเกาเทียนเฉินก็สะดุ้งฟื้นขึ้นมาด้วยโพชั่นฟื้นฟูราคาเเพงนั่น ซึ่งข้าก็ได้ไปหาข้อมูลมาเเล้ว คนที่ปล่อยเจ้าโพชั่นนี่ขายคือคนของเล่อปิงพี่สาวฝาแฝดของข้า นางนี่ทำไปทุกอย่างซะจริง เพียงเเค่หนึ่งปีนางสามารถเเทรกซึมในหลายๆอย่างได้ ดูเหมือนนางจะช่วยสร้างพื้นหลังให้กับข้าอีกด้วย
"เป็นศิษย์เซียนสวรรค์ที่ชนะ!'' เขาคารวะให้กับข้าด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม ดูเหมือนเขาจะมีความสุขมากๆ
"ทักษะสุดท้ายที่ท่านใช้ข้าไม่สามารถรับรู้หรือจับทางมันได้เเม้เเต่น้อย'' เขากล่าวชมข้ายกใหญ่ เเละถามข้าในหลายๆอย่างเกี่ยวกับทักษะกระบี่
"เจ้านิกายกระบี่เทพพ่ายเเพ้ให้กับศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่ง?'' หลายคนกล่าว ระดับเกาเทียนเฉินที่ได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของผู้นำนิกายทุกรุ่นกลับพ่ายเเพ้ให้กับศิษย์เซียนสวรรค์ผู้นี้
"พวกเขาต่างเป็นเเสงสว่างของมนุษย์!!'' ทุกคนคิดเช่นเดียวกัน โพธิ์ดำศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่งเเข็งเเกร่งทรงพลังไร้เทียมทาน ศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่สององค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งฉลาดหลักเเหลมเเละเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ใกล้เคียงกับต้นตระกูล ศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่สามเกาหลิ่งเหวินผู้สืบทอดนิกายกระบี่เทพที่มีพรสวรรค์ไม่เเพ้กับพ่อของตนเอง ส่วนถังเฟยหลงประมุขพรรคมารศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับสุดท้ายที่ยังไม่ปรากฏว่าเป็นศิษย์ลำดับที่เท่าใด นางสามารถรวมพรรคมารเป็นหนึ่งเเละช่วยกันจับกุมพวกกบฏไปเกือบหมด ทุกคนที่กล่าวมานี้ต่างเป็นตัวตนที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก ศิษย์เซียนสวรรค์ท่านที่เหลือจะเป็นใครอีก มีความสามารถลึกลับขนาดไหนก็ต้องรอการปรากฏตัวของพวกเขาต่อไป
ผ่านไปหลายต่อหลายวัน
หลังจากที่เสร็จภารกิจทุกอย่าง พวกองค์ชายไม่สามารถรอดพ้นข้อกล่าวหาได้ หลักฐานที่ข้ามีสามารถเนรเทศเขาออกไปจากที่นี่ได้เลย เเต่ฮ่องเต้กลับสงสารพวกเขาเพราะเห็นใจเหล่าพระสนม เเละใช่ ในตอนนี้เกาเทียนเฉินยังคงพักอยู่ที่วังหลวงให้หมอหลวงดูอาการ เพราะหมอที่นี่มีความสามารถมากที่สุดในใต้หล้า พวกเขาเพิ่งจะกลับมาจากเมืองเฟยเทียนผลัดเปลี่ยนกัน เพราะโพชั่นยังไม่สามารถต่อกระดูกหรือเชื่อมกระดูกกันได้ เนื่องจากกระบี่ของข้านั้นไร้คม เเต่มันน่าจะสามารถทุบดาบระดับบรรพกาลให้หักได้เลยทีเดียว เเล้วกระดูกมนุษย์ธรรมดาๆจะเหลืออะไรกัน? ถึงเเม้ข้าจะสร้างบาดแผลเขาไปเล็กน้อย เเต่รอยฟกช้ำของเขาต่างหากที่เป็นแผลที่เเท้จริง
"ท่านมีแผนจะทำอะไรต่อพี่ใหญ่?'' หลินเฟยกล่าวถามข้า เมื่อข้าไม่ได้ทำอะไรมาหลายวัน เอาเเต่นั่งสมาธิควบคุมลมปราณเเละบำเพ็ญกายไปเรื่อยเปื่อย เนื่องจากข้าต้องการที่จะเลื่อนระดับกายของข้าขึ้นไปให้ไวที่สุด ข้าจึงคิดบางสิ่งขึ้นมาได้
‘ในเกมมันไม่ได้บำเพ็ญกันแบบนี้…เเต่มันใช้ของในการเพิ่มขั้นนี่หว่า?’
‘เเต่โลกจริงกลับต้องบำเพ็ญ…เเล้วของพวกนั้นสามารถเอามาเพิ่มระดับได้ไหม?’ ที่จริงข้าก็คิดเรื่องนี้มานานเเล้วเเต่ยังไม่ได้มีเวลาไปตามหามัน
‘ถ้าข้าจำไม่ผิด…หยดเลือดฟินิกซ์'
'และกระดูกของสัตว์อสูรระดับเทพอสูร’ โดยที่ไอ้กระดูกของเทพอสูรนี่มันเป็นของกิจกรรมที่เราเหล่านักพรตรวมตัวกันตีบอสโลก กว่าจะรวบรวมได้ทีละชิ้นก็ยากอยู่ เเต่ที่นี่มันไม่มีกิจกรรมแบบนั้นนี่สิ เเล้วข้าจะไปหา-
‘เดี๋ยวนะ!!’ ถ้าหากข้าจะมิผิด เทพอสูรมังกรโบราณร่างโครงกระดูกของมันอยู่ที่สุสานมังกร มันอยู่ลึกเข้าไปในพายุลึกลับนั่นในอาณาเขตเผ่าเซียน
"ข้าจะกลับบ้าน'' ข้ากล่าวออกไปในทันที ข้าไม่เเน่ใจว่าจะสามารถใช้พวกมันในการทะลวงระดับได้หรือไม่ เเต่ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก ส่วนหยดเลือกฟินิกซ์ ข้าค่อยไปเก็บมันมาก็ได้ มันคงไม่ยาก…มั้ง?
ข้าคิดในใจถึงอดีตที่ข้าไปเยือนภูเขาไฟสวรรค์ครั้งเเรก มันอลังการงานสร้างอย่างมาก เเละที่สำคัญคือเจ้าฟินิกซ์นั่นมันตัวใหญ่โคตรเเละงดงามมากๆ ที่ข้าค่อยไปทีหลังเพราะว่าข้าจะพาหลินเฟยเฟิ่งไปด้วย ข้าต้องการจะช่วยนางเพิ่มความรุนเเรงของไฟฟินิกซ์ของนางขึ้นไปอีก
"ให้ข้าไป-''
"นั่นเป็นพื้นที่ของเผ่าเซียน…เราไม่สามารถเข้าไปได้หรอกหลินเฟย'' หลินเฟยเฟิ่งกล่าว ในตอนนี้พวกเราทั้งสี่คนอยู่กันครบ ขาดหนึ่งคือกงจิ่นอิ่ง เขาไปทำภารกิจลับสุดยอดของสมาคมทมิฬ
"พี่ใหญ่…เเท้จริงเเล้วท่านเเข็งเเกร่งถึงเพียงไหนกันแน่?'' เกาหลิ่งเหวินกล่าวถามข้า เพราะหลายคนดูออกที่ข้าออมเเรงเเละความเร็วเอาไว้ในตอนที่ประลองกับเกาเทียนเฉิน
"ข้าพร้อมเเล้วข้าจะบอกเจ้าคนเเรก'' ข้ากล่าวออกไป เพราะพวกเขายังไม่รู้เรื่องคัมภีร์สู่กายาเหนือโลก ยกเว้นหลินเฟยเฟิ่ง ท่านอาจารย์เป็นคนหลุดพูดออกมาเเละเหมือนนางจะรู้เกี่ยวกับหนังสือนี่อยู่พอสมควร นางจึงได้ฝึกไปนิดหน่อย ทำให้ไม่มีชายไหนสามารถรังเเกนางได้ไม่เว้นเเม้เเต่พวกองค์ชายก็ไม่สามารถทำอะไรนางได้
"ท่านจะไปเดี๋ยวนี้เลยหรือ?'' ถังเฟยหลงกล่าวถามข้าเมื่อข้าลุกขึ้นยืน
"ถูกต้อง…เเละก็หลินเฟยเฟิ่ง…ข้ากลับมาเราจะไปภูเขาไฟสวรรค์กัน''
"จงเตรียมตัวไว้ด้วย'' ข้ากล่าวพร้อมกับเข้าไปเก็บของสำคัญในที่พำนักชั่วคราวของข้า ซึ่งมันอยู่ในวังหลวงเพื่อให้ข้าสะดวกต่อการฝึกรัชทายาท ฮ่องเต้จึงจัดการเรื่องนี้ให้ ที่จริงก็เพื่อให้ข้าอยู่ใกล้หลินเฟยตลอดนั่นเเหละ เเละมันก็เป็นไปตามที่พวกเขาคิด แทบจะไม่มีนักฆ่ามาลอบฆ่าหลินเฟยหลังจากที่ข้ามาพักที่นี่
“พี่ใหญ่…ข้าก็จะกลับไปพรรคมารเช่นกัน” ถังเฟยหลงกล่าวเมื่อข้าเดินออกมาจากที่พำนักของข้า ข้าพอจะดูเจตนาของพวกเขาออก พวกเขาต้องการช่วยเหลือข้าเผื่อข้าหลงทางหรือโดนลอบโจมตี ซึ่งมันมีเเน่นอนรอบโจมตีน่ะ เพราะตั้งเเต่ที่ข้าเปิดเผยตัวตน ก็มีเงามากมายคอยแอบดูข้าอยู่จากที่ไกลๆเสมอ บางคนก็พยายามจะทำลายหน้ากากของข้าให้ได้ เเต่ข้ามั่นใจว่ามันเเข็งพอ เเละใช่ ลูกธนูไม่สามารถเจาะผ่านหน้ากากของข้าได้
"เช่นนั้นก็มาพร้อมกับข้า'' ข้ากล่าว ซึ่งเหล่าพรรคมารที่เเข็งเเกร่งได้กลับไปหลังจากที่เปิดเผยจุดยืนว่าพวกเขายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับองค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งเเละยังมีประมุขพรรคมารที่เป็นศิษย์เซียนสวรรค์อีกด้วย ทำให้เหลือเพียงหน่วยเล็กๆไม่กี่หน่วยที่อยู่รอบๆตัวนาง จะว่าไปเเล้วพวกเขาเองก็สงสัยในชื่อของเล่อปิง ข้าก็เลยบอกพวกเขาไปว่าเล่อปิงก็คือพี่สาวฝาแฝดของข้า เเละก็เล่าเรื่องที่นางไปที่ไกลเเสนไกล ซึ่งข้าก็รอเวลาที่ข้าพร้อมจะตามหานางอยู่เช่นกัน
ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวัน
ข้าก็ได้มาถึงเมืองเจียวลู่ เพราะถังเฟยหลงนางมีพาหนะที่ดีทำให้เรามาถึงไว โดยที่ระหว่างทางก็มีพวกนักฆ่าโผล่มาไม่พัก บ้างก็จะฆ่าข้า บ้างก็มาถามข้อมูลของข้าโดยพวกเขาน่าจะมาจากเผ่าเซียนที่ถูกสั่งมาจากเบื้องบนอีกที รวมถึงกายของข้าที่เเข็งเเกร่งเกินไป มันน่าสงสัยมาก อีกทั้งข้ายังได้ชื่อว่าเป็นศิษย์เซียนสวรรค์ เเล้วข้าเป็นศิษย์ของใครกันบนสวรรค์? พวกเขาต่างมีข้อสงสัยมากมายเกี่ยวกับข้า เเต้พวกเขาก็ไม่ได้ข้อมูลไปเเม้เเต่น้อย กลับกันพวกเขาได้ไปในนรกซะเเทนนี่สิ
"เจ้าคงจะเบื่อเเย่'' ข้ากล่าวกับถังเฟยหลง ในตอนนี้ผู้คนทั้งเมืองนอกจากจะเคารพข้าเเล้วยังเคารพถังเฟยหลงที่เป็นประมุขพรรคมารด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากที่นางได้เป็นประมุขพรรคมาร ก็ไม่มีพรรคมารมาป่วนอีกเลย กลับกันพรรคมารช่วยกำจัดพวกอสูรข้างนอกด้วยซ้ำ ทำให้ผู้คนต่างเคารพเเละบูชานางราวกับเป็นเจ้าเมืองคนใหม่
"ไม่เลยท่านพี่ใหญ่…มันตื่นเต้นมาก'' ถังเฟยหลงกล่าวออกมาก่อนที่ข้ากับนางจะร่ำลากันเเละข้าก็กลับไปยังอาณาเขตเผ่าเซียน
วึบ
"อืม…'' เมื่อข้าเข้ามาในกำเเพงปราณสีฟ้าก็ต้องพบกับผู้คนมากมายที่อาวุธครบมือ มันเเน่ชัดเเล้วว่าพวกมันต้องการจะมาเอาชีวิตข้า เเละเมื่อข้าปรากฏพวกมันก็มาสมทบกันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะพวกมันบางส่วนไปดักกันจุดอื่นอีกด้วย
คลื่นนน
"เช่นนั้นเเล้วพวกเจ้าจะรออะไรกันอยู่?'' ข้ากล่าวก่อนจะวาดดาบปล่อยคลื่นพลังออกไป พวกมันทั้งหมดถึงกับเข่าอ่อนเพราะโดนคลื่นพลังซัดเข้าที่ขา นี่เเหละคือโลกเเห่งเซียน พวกมันมิได้เเข็งเเกร่งเหมือนจอมยุทธภายนอก
