คารวะศิษย์พี่
ผ่านไปสักพัก
เนื่องจากนี่จะเป็นการต่อสู้ของสุดยอดปรมาจารย์กระบี่กับเเม่ทัพคนใหม่ที่ได้ชื่อว่าเป็นเซียนกระบี่ลึกลับ ทำให้เหล่าเจ้านิกาย เจ้าสำนัก ขุนนางรวมถึงคนใหญ่คนโตเเต่ละเมืองต่างพากันออกห่างจากลานประลอง เพราะถึงเเม้จะเป็นการเเละเปลี่ยนวิชา เเต่ดูเหมือนการเตรียมตัวของทั้งคู่มันไม่น่าใช่เพียงเเค่เเลกเปลี่ยนวิชานี่สิ
"นั่นคือกระบี่ของท่านงั้นรึ?''
"ช่างสวยงามยิ่งนัก'' เกาเทียนเฉินกล่าวเมื่อเเม่ทัพเล่อปิงได้หยิบกระบี่ทมิฬออกจากฝัก เป็นกระบี่สีดำที่สวยงามเเละน่าจับตามองเป็นอย่างมาก ในเวทีนี้จะเป็นการเปิดตัวของมันเป็นครั้งเเรก มันคือสิ่งที่น่าภูมิใจที่สุดของช่างตีเหล็กในวังหลวง กว่าจะหลอมมันได้ กว่าจะตีมันขึ้นมาเป็นดาบได้ต้องปวดเเขน ต้องล้ากันไปมากเท่าไหร่…
"กระบี่ไร้พ่ายของท่านก็เช่นกัน'' ข้ากล่าวออกไป โดยที่กระบี่ไร้พ่ายของเขานั้นเป็นอุปกรณ์ระดับตำนาน มันเป็นสิ่งสืบทอดของนิกายกระบี่เทพ ถึงเเม้มันจะไม่ได้ถูกออกแบบให้สวยงาม เเต่ด้วยสีทองดำของมัน ทำให้มันดูลึกลับเเละทรงพลังอย่างมาก
‘ข้าได้ยินมาว่ากระบี่ของเเม่ทัพเล่อปิงสร้างด้วยช่างตีเหล็กชื่อดังถึงห้าคน’
‘ด้วยอัญมณีสีดำ…ถ้าจำมิผิดมันทนทานถึงขนาดที่ต้องเเช่ลาวานานกว่าเหล็กนอกโลกที่สร้างดาบของข้าเสียอีก’
‘ถึงเเม้จะไร้คม…เเต่ด้วยความเเข็งเเรงเเละทนทานของมันเเล้ว’
‘บางที…อาจจะสามารถปะทะกับกระบี่ไร้พ่ายได้…’ เกาเทียนเฉินคิดในใจ ขณะที่กำลังจ้องมองกระบี่ทมิฬอยู่
"ท่านเกาเทียนเฉิน…ข้าจะยินดีมากที่ท่านจะไม่ออมมือ'' ข้ากล่าวออกไปทำให้หลายคนถึงกับงุนงง
"นางพูดผิดหรือเปล่า?''
"นางคงจะเก่งต่อสู้เเต่มิเก่งพูดสินะ'' หลายคนกล่าวออกมาตามความเข้าใจ เพราะการที่ไปท้าทายตัวตนอย่างเจ้าสำนักนิกายกระบี่เทพ เกาเทียนเฉินมันน่ากลัวพอสมควร ด้วยฉายาที่บอกว่าเป็นเจ้านิกายกระบี่เทพรุ่นที่เเข็งเเกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ เขาเป็นอัจฉริยะเรื่องกระบี่อย่างเเท้จริง
"ท่านเเม่ทัพคงจะ-''
"มิผิด…ข้าเปลี่ยนใจเเล้วมันมีใช่การสั่งสอน''
"ข้าอยากให้ท่านทำทุกอย่างใช้ทุกทักษะเพื่อให้ข้าพ่ายเเพ้ลง'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆทุกคนถึงกับอ้าปากค้างในความกล้าของข้า
“ฮ่าๆ…ข้าเพิ่งจะเคยพบเจอคนอย่างท่านเเม่ทัพ”
"ข้าก็จะยินดีเช่นกัน…ถ้าท่านจะเเสดงความสามารถออกมาจนสุดเพื่อชนะข้า'' เขากล่าวออกมาพร้อมกับปล่อยจิตกระบี่ระดับเซียนออกมา เเต่ข้าคิดว่าเขามีระดับที่สูงกว่านั้นอีก
"ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง…ท่านเกาเทียนเฉิน'' ข้าใช้จิตระดับเซียนออกไปเช่นกัน เเต่เเรงกดดันมันมากกว่าเขาหลายเท่านัก ทั่วทุกคนสัมผัสถึงมันได้ ปราณโพธิ์ดำเริ่มทำงานทันทีเมื่อข้าใช้จิตอย่างจริงจัง เเละกำลังจะเข้าสู่โหมดการต่อสู้อย่างจริงจังเช่นกัน
"ดี!!…วันนี้ข้าได้เจอคู่ต่อสู้ที่น่าเหลือเชื่อเข้าซะเเล้ว!'' เขาตะโกนออกมาเมื่อได้สัมผัสถึงเเรงกดดันทางจิตกระบี่ที่มากกว่าเขาอีก ทั้งยังเป็นหญิงเเละมีอายุน้อยกว่ามากด้วย
"ข้าคิดไว้เเล้วเชียว'' ฮ่องเต้คิดในใจ ที่จริงฮ่องเต้ก็สนิทกับเกาเทียนเฉินพอสมควร เมื่อฮ่องเต้ได้เห็นทักษะของข้าในหลายๆอย่าง เขาสามารถเปรียบเทียบกับเกาเทียนเฉินได้ในทันที ฮ่องเต้ทรงคิดว่าข้าจะสามารถกดดันเกาเทียนเฉินเเละทำให้เกาเทียนเฉินสนุกได้อย่างเเน่นอน
"ศิษย์เซียนสวรรค์…เจ้าจงดูการต่อสู้นี้ให้ดี!'' ข้าหันไปกล่าวกับเกาหลิ่งเหวิน เพราะศิษย์น้องสามนั้นปรารถนามาตลอดในการดูการต่อสู้ของข้าเเละท่านพ่อของเขา
"ท่านเเม่ทัพเล่อปิงเเละท่านอาจารย์พร้อมหรือไม่?'' หลิ่งกวางกล่าวถามทั้งคู่ เขาจะเป็นคนประกาศเริ่มการต่อสู้ในครั้งนี้เอง นอกจากเกาหลิ่งเหวินเเล้วก็มีหลิ่งกวางนี้เเหละที่ต้องการจะเห็นการต่อสู้ของทั้งคู่ เพราะหลิ่งกวางได้สัมผัสทักษะกระบี่ของข้าไปเเล้ว เเละเขาก็พ่ายเเพ้ ทั้งยังพ่ายเเพ้อย่างง่ายดายอีกด้วย
"ถ้าพร้อมเเล้ว…เริ่มการประ-!''
"หยุดก่อน!!…ท่านเเม่ทัพเล่อปิง!…สามเดือนก่อนหน้าเจ้าได้เข้าไปช่วยเหลือนางพิษหรือไม่!?'' ในขณะที่หลิ่งกวางจะกล่าวเริ่มการประลอง องค์ชายลำดับที่หนึ่งหลินหานเจ๋อตะโกนออกมา ทำให้ข้าเริ่มรู้สึกรำคาญเขา
"เหตุใดองค์ชายจึงคิดเช่นนั้น?'' ข้ากล่าวถามกลับไป
"เจ้าลองใส่ผ้าปิดปากนี่ดู!'' หลินหานเจ๋อโยนผ้าปิดปากที่ข้าเคยใช้ในตอนที่เข้าไปช่วยหนิงเอ๋อลงมาจากบนกำเเพงที่พำนักของเขา เเต่เขารู้ได้ยังไงกันว่าข้าใช้ลายแบบนี้?
ฟึบๆ
ข้าไม่ได้คิดอะไรให้มากมาย ข้าจึงสวมผ้าปิดปากนั่นไปทันที เพราะทุกสายตาตอนนี้กำลังจ้องมองข้าอยู่
"เจ้าคือคนที่เข้าไปช่วยนางพิษ!'' หลินหายเจ๋อโยนเเผนป้ายสีผ้าออกมากลางอากาศ ปรากฏภาพที่ข้าได้เข้าไปขัดขวางการจับกุมของเหวินเจี้ยน เเถมมันมิใช่ภาพอย่างเดียว มันเป็นภาพเคลื่อนไหวซะด้วย ถ้าให้ข้าเดามันคงจะเป็น…
“นั่นคือความทรงจำของทหารในกองกำลังของเเม่ทัพเหวินเจี้ยน” เขากล่าวออกมาเเถมยังยกยิ้มอย่างผู้ชนะ ซึ่งเขาต้องการจะรวบข้าทีเดียวเเละไม่ให้ข้าหนีได้ เพราะในตอนนี้มีทั้งเจ้านิกายกระบี่เทพ เจ้านิกายหอกทลายฟ้าที่เเข็งเเกร่ง เเละยังมีเจ้านิกายรวมถึงเจ้าสำนักอื่นๆอีกมากมาย ถ้าพวกเขารวมกันเพื่อจับกุมข้า ข้าจะไม่สามารถหนีรอดไปได้อย่างเเน่นอน ซึ่งในความคิดข้า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ ข้าเองก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าจะหนีรอดไปได้หรือไม่
"เป็นเช่นนั้น?'' เเม่ทัพทั้งสามกล่าวถามข้า ผู้คนมากมายกำลังจ้องมองเเละกดดันเพื่อหาคำอธิบายจากข้า
"ทหาร!!'' หลินหานเจ๋อเรียกทหารมารุมล้อมข้าเอาไว้ ในทันทีเมื่อข้าเงียบลง ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
"หากเป็นเช่นนั้น…มันก็คงถึงคราที่เราจะต้องสู้กันจริงๆ'' เกาเทียนเฉินกล่าว เขาเองก็ยังต้องการคำตอบจากข้า เพราะเเน่นอนว่าพรรคมารนั้นก่อเรื่องไว้ทุกเมืองจริงๆ
"ขอฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้จับกุม!''
"ขอฮ่องเต้ทรงรับสั่งให้จับกุม!!'' เหล่าองค์ชายเเละขุนนางพากันกล่าวออกมาเเละก้มกราบฮ่องเต้ เเต่ในตอนนี้ฮ่องเต้นั้นไม่ได้ตกใจอะไรเลย กลับกันเขายังคงนั่งนิ่งๆเงียบๆอยู่ องค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งจากที่ได้สังเกตท่าทางของข้านางก็ไม่เเสดงท่าทางอะไรออกมาเช่นกัน ยกเว้นรัชทายาทที่พยายามสงสัญญาณให้เกาหลิ่งเหวิน เพราะรู้ว่าเกาหลิ่งเหวินเองก็เป็นหนึ่งในศิษย์เซียนสวรรค์ เขาจะต้องช่วยศิษย์พี่ใหญ่ของเขาอย่างเเน่นอน เเต่เกาหลิ่งเหวินกลับยักไหล่เเละยกชาขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ
"องค์ชายหลินหานเจ๋อ…เจ้าสืบความเป็นมาของข้ามากมายนัก''
"ในที่สุดเจ้าก็ประสบความสำเร็จ…'' ข้ากล่าวออกไปทำให้เหล่าทหารเเละเจ้าสำนักเจ้านิกายพากันจับอาวุธเตรียมสู้
"เจ้าเจอความลับของข้า…เเล้วคิดหรือไม่ว่าข้าเองก็เจอความลับของเข้าเช่นกัน!'' ข้าตะโกนออกไปทำให้เขาเริ่มเลิ่กลั่ก
"ใครกัน…ที่ส่งนักฆ่าไปสังหารรัชทายาทหลินเฟยที่เมืองเจียวลู่''
ตู้มๆ ฟึบๆๆๆ
"เเละใครกันที่อยู่เบื้องหลังการฆ่าล้างตระกูลที่สนับสนุนรัชทายาทหลินเฟย'' ข้ากล่าวก่อนที่จะมีกลุ่มชุดดำปรากฏออกมาจากควันระเบิดที่หน้าประตูทางเข้าสนามประลอง
"พรรคมาร!'' พวกเขาต่างส่งเสียงดังลั่นเมื่อพรรคมารปรากฏ
"พวกมันมาช่วยเเม่ทัพเล่อปิง!!'' เหล่าเจ้านิกายเจ้าสำนักพากันหันคมดาบไปรอบทิศ จะพูดไปเเล้วพรรคมารเองก็มีเเต่คนเก่งๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหมัดมาร นางพิษ หรืออื่นๆอีกมากมาย
“เจ้าคงจะจำข้ารับใช้ของเจ้าได้…”
"ที่จริงถึงจำไม่ได้ข้าก็มีป้ายอักขระดึงความทรงจำอยู่เช่นกัน'' ข้ากล่าวออกไปในตอนนี้ผู้ที่อยู่ข้างเดียวกับองค์ชายลำดับที่หนึ่งต่างหน้าเสียไปซะหมด
"หุบปาก!!!…มันร่วมมือกับพรรคมาร!!''
"ท่านเจ้านิกายเจ้าสำนักโปรดกำจัดพรรคมารเเละเเม่ทัพเล่อปิง!!'' หลินหานเจ๋อตะโกนออกมาเมื่อไม่สามารถอธิบายหลายๆเรื่องที่ข้ากล่าวออกไปได้
ฟึบๆ
"พวกท่านเเน่ใจงั้นหรือว่าจะจับข้า…'' ข้ากล่าวพร้อมกับใช้เวทเปลี่ยนร่างกลับเป็นเล่อป๋อพร้อมกับสวมหน้ากากโพธิ์ดำในทันที
"คารวะศิษย์พี่ใหญ่!!'' นางพิษที่พวกเขาเรียกเเละเกาหลิ่งเหวินที่เป็นลูกของเจ้านิกายกระบี่เทพต่างคารวะให้กับชายที่สวมหน้ากากโพธิ์ดำ พร้อมกับปานโพธิ์ดำที่หน้าเเขนของเกาหลิ่งเหวินที่เรืองเเสงออกมา บ่งบอกว่ามีศิษย์เซียนสวรรค์อยู่ใกล้กันเเละกำลังเข้าโหมดต่อสู้
"อะ…อึก!!'' ศิษย์ลำดับที่หนึ่งถึงกับหงายหลังลงไปกับพื้น ส่วนองค์ชายท่านอื่นก็เเทบจะหมดหนทางจนต้องทรุดลงไปกับพื้นเช่นกัน
"คารวะศิษย์พี่รอง'' เกาหลิ่งเหวินเเละนางพิษต่างคารวะให้กับคนที่อยู่บนกำเเพง บนนั้นส่วนใหญ่เเล้วจะเป็นพวกราชวงศ์รวมถึงขุนนางชั้นสูง
"คารวะศิษย์พี่ใหญ่'' เสียงใสอีกคนนึงกล่าว ซึ่งคนคนนั้นนั่งอยู่ในระดับเดียวกับเหล่าองค์ชาย ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่นาง นางกำลังคารวะให้กับข้าอยู่
"อ…องค์หญิงหลินเฟยเฟิ่ง!?'' ทุกคนไม่ว่าจะใครต่างตกใจกันทั้งหมด เเละเป็นฮ่องเต้ที่ตกใจมากที่สุด
"เจ้าด้วยงั้นรึ!?'' ฮ่องเต้ทรงตกพระทัยเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าหลินเฟยเฟิ่งเองก็เป็นหนึ่งในศิษย์เซียนสวรรค์
"ข้าไปช่วยนางพิษที่พวกเจ้าเรียกเป็นเรื่องจริง!''
"ใช่…นางเป็นศิษย์น้องเล็กของข้า!''
"ข้าในนามศิษย์พี่ใหญ่!''
"พวกเจ้ารังเเกศิษย์น้องของข้ามาพอเเล้ว!…ข้าจะไปคิดบัญชีกับพวกเจ้าทีหลัง!'' ข้าตะโกนออกไปก่อนจะหันไปทางเกาเทียนเฉิน ข้ายังคงอยากจะสู้กับเขาอยู่ ถึงเเม้จะเกิดเรื่องในตรงนี้ก็ตาม ที่จริงหลังข้าสู้เสร็จข้ามีแผนจะเปิดโปงความผิดของเหล่าขุนนางเเละพวกองค์ชายทั้งหลาย เเต่ข้าดันโดนเล่นเข้าก่อนนี่สิ
"ท่านเกาเทียนเฉินคงจะรอข้ามานานพอเเล้ว'' ข้ากล่าวออกไปก่อนจะถอดเสื้อหลวมๆของข้าออก เผยให้เห็นปานโพธิ์ดำบริเวณเอวข้างซ้ายของข้า
"คารวะศิษย์เซียนสวรรค์'' เเม้เเต่เจ้านิกายกระบี่เทพเองก็ยังต้องเคารพข้า
"คารวะศิษย์เซียนสวรรค์!!'' เเล้วทำไมเจ้านิกายอื่นเจ้าสำนักอื่นจะไม่เคารพข้ากัน?
"ทหาร!…จับผู้ที่เกี่ยวข้องไปสืบสวน!!'' ฮ่องเต้ รับสั่งออกมาตามแผนการที่วางไว้ ซึ่งฮ่องเต้นั้นได้รู้เรื่องของเกาหลิ่งเหวินเเละถังเฟยหลงมาก่อนเเล้ว ส่วนเรื่องที่ข้าคือศิษย์ลำดับที่หนึ่งเเละเรื่องของหลินเฟยเฟิ่งถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์สำหรับเขา โดยในครั้งนี้ราชครูเเละน้องชายของเขาออกมาจับกุมด้วยตนเอง เหล่าเเม่ทัพเองก็หวาดกลัวไปด้วย เพราะพวกเขาก็ถูกพวกองค์ชายใช้งานอยู่บ่อยครั้ง เเต่พวกเขายังไม่โดนจับ พวกเขาจึงออกไปช่วยราชครูจับพวกขุนนาง เเละปล่อยให้ราชครูจัดการกับพวกองค์ชาย
"ที่เเท้ท่านก็คือศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่ง…'' เกาเทียนเฉินกล่าวออกมา เช่นนี้เเล้วมันจะยิ่งสนุกขึ้นไปอีก
“ข้าอยากให้พวกท่านจงจำไว้…ข้าไม่ได้มีความคิดจะเเย่งชิงตำเเหน่งหรือฉายาของท่าน”
"ข้าต้องการเพียงต่อสู้เพื่อทดเเทนความอยากกระหายที่ผ่านมาเพียงเท่านั้น'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆ เเละกล่าวเสียงดังเพื่อจะไม่ให้มีการเปรียบเทียบในทางไม่ดีเกิดขึ้น
"ท่านพ่อ…ศิษย์พี่ใหญ่เเข็งเเกร่งมาก'' เกาหลิ่งเหวินกล่าวซึ่งข้าก็หันไปหยอกล้อกับเขาเล็กน้อยก่อนที่เกาเทียนเฉินจะถอดเสื้อออกเหมือนข้า เปิดเผยให้เห็นรอยถูกฟันมากมาย รอบร่างต่างๆนาๆนั้นส่วนใหญ่เเล้วจะมาการต่อสู้จากคนที่เเข็งเเกร่งทั้งสิ้น มันเป็นบาดเเผลที่ต่างถูกสร้างโดยผู้เเข็งเเกร่งเเละมีชื่อเสียงในยุทธภพ
"พอเเล้ว…มาเริ่มกันสักที!!'' ข้าตะโกนออกไปก่อนที่จะยกมือขึ้นสูงในข้างที่ถือกระบี่ ข้าอยากจะลองอนุภาพของมันสักหน่อย
คลื่นนน ตุบ ตู้มมมม ฟึบๆ
การวาดดาบลงมาจากฟ้าของข้ามันทำให้เกิดรอยเเยกที่ไม่ใช่มาจากความคมของดาบ เพราะเเน่นอนว่ากระบี่ของข้านั้นไร้คม ทำให้รอยเเยกนั้นกว้างกว่ารอยเเยกที่เกิดจากความคมถึงห้าเท่า เเละรุนเเรงกว่าที่ข้าเคยใช้เมื่อตอนที่เเสดงให้เหวินเจี้ยนเห็นถึงความสามารถของข้า ทำให้สนามประลองถูกทำลายเเละเเบ่งออกเป็นสองส่วน ขณะนั้นเองเกาเทียนเฉินก็ได้ใช้ย่างก้าวไร้เสียงพุ่งเข้ามาหาข้าเเละจะโจมตีข้าจากข้างหลัง
"หนึ่งกระบี่ปราบมาร!''
"โทษทีข้าเป็นเซียน!'' เขากล่าวพร้อมกับวาดดาบจะผ่าร่างของข้า ส่วนข้าก็วาดดาบจากข้างล่างขึ้นข้างบนเพื่อจะปะทะการโจมตีของเขาเเละขัดขวางเขา
เคร้งๆ ฟึบๆ
ซึ่งทำให้ข้าสามารถขัดการโจมตีเขาได้เเละข้ากับเขาก็ได้ผละออกจากกันก่อนจะเข้าหากันใหม่ พร้อมกับตอบโต้กันด้วยกระบวนท่ากระบี่เพียงอย่างเดียวกันพักใหญ่ ถึงเเม้เเรงของเขาจะสู้เเรงของข้าไม่ได้ เเต่ทักษะของเขาคือของจริง! ถ้าหากเทียบเเล้วเขาอาจจะอยู่ในระดับเดียวกับพี่อาร์เธอร์หรือเหนือกว่าอีกด้วยซ้ำ!
"สมเเล้วจริงๆ!'' ข้าตะโกนออกมาด้วยความสะใจ ถ้าหากกำลังกายของเขาเท่าข้ามันจะเดือดมากกว่านี้เสียอีก ข้าจึงต้องลดเเรงของข้าลงมาให้ใกล้เคียงกับเขา
"ท่านพ่อ…'' เกาหลิ่งเหวินเมื่อได้เห็นสีหน้าของพ่อตนเองที่จริงจังมากๆในตอนนี้ถึงกับยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้น เกาเทียนเฉินไม่ได้จริงจังกับการต่อสู้มานานเเล้ว การต่อสู้ในครั้งนี้ไม่ว่าใครจะเเพ้ใครจะชนะ ทั้งคู่ล้วนเป็นตัวตนที่อยู่บนจุดสูงสุดของวิชากระบี่ตามที่โพธิ์ดำศิษย์เซียนสวรรค์ต้องการ
