บท
ตั้งค่า

หลินจินเหม่ย

ฟุบๆ

ลาวาได้กระเด็นขึ้นมาบนหิน ขณะที่ข้ากำลังเดินลงไปลึกขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนพากันมองข้าด้วยความสับสน ข้าไม่ได้มีธาตุไฟ เเล้วเหตุใดข้าสามารถเข้ามาเดินเล่นในที่นี่ได้กัน? พวกข้างล่างมีเเต่ระดับปีศาจทั้งนั้นที่อยู่ได้ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นจอมยุทธที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะหมัดเพลิงที่เป็นหนึ่งในเเม่ทัพทั้งสี่ เขาใกล้จะบรรลุเพลิงระดับไร้เทียมทาน จึงขอตัวมาฝึกก่อนเพื่อจะได้ไปช่วยรบอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

[สามารถดูระดับต่างๆได้ที่ข้อมูลเบื้องต้น]

ซึ่งในตอนนี้เเม้ว่าหลินเฟยเฟิ่งจะยังเด็กเเต่นางก็มีเพลิงระดับศักดิ์สิทธิ์ ด้วยสายเลือดร่างทรงเทพอสูรฟินิกซ์ในตำนาน เเละนางยังมีเพลิงที่เหนือกว่าคนในตระกูลทุกคนอีกด้วย นางสามารถเทียบได้กับร่างทรงเทพอสูรรุ่นเเรกได้เลยทีเดียว

"พี่ใหญ่ยังไหวหรือไม่?'' นางกล่าวถามข้าเมื่อเหงื่อข้าเริ่มออก

"อืม…'' ข้าส่งเสียงออกไป ในตอนนี้ข้ากำลังทนอยู่ มันร้อนมากจริงๆ เเต่อีกเพียงนิดเดียวก็ใกล้จะถึงจุดที่เหมาะสมเเล้ว

"ตรงนี้เเหละ'' ข้ากล่าวก่อนจะนั่งลงบนเเท่นหิน ซึ่งในจุดที่ข้าอยู่ อยู่ไม่ไกลจากแม่ทัพหมัดเพลิง เมื่อครู่เขาก็หันมาทักข้าเเละเคารพองค์หญิงเเล้ว ซึ่งนางก็ได้นั่งลงข้างๆข้าเเละช่วยส่งปราณให้ข้า ในเมื่อข้าไม่ได้มีธาตุไฟ เเละฝืนเดินลงมา เพลิงสวรรค์ได้กัดกินปราณของข้าเเทน

กี๊สสสส

มันคำรามอีกครั้ง หลังจากที่ข้าเดินลงมาก็ครั้งนี้เเหละที่มันคำรามเป็นครั้งที่สอง เราไม่สามารถลงไปลึกกว่านี้ได้อีก เพราะข้างล่างจะเป็นที่ส่วนตัวของมัน ความร้อนในตอนนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มเข้าขั้นอันตราย

กี๊สสสส เเคร๊กก

กรงเล็บของมันได้จับหน้าผาเบื้องล่างเอาไว้ พร้อมกับส่วนหัวของมันที่ค่อยๆโผล่ขึ้นมาตรงบริเวณทางเดินที่ข้าอยู่ เหล่าจอมยุทธพากันถอยห่างเเละเเนบตัวเข้ากับกำเเพงทันที ไม่มีใครรู้ว่ามันต้องการอะไร ในตอนนี้ดวงตาของมันกำลังจ้องมองไม่ข้าก็หลินเฟยเฟิ่งอยู่ ทุกคนพากันมองข้า หรือว่ามันต้องการไล่ข้าไป?

กี๊สสสสสส

มันคำรามลั่นอีกครั้งเเละยังคงจ้องมองข้าอยู่ ดวงตาของมันใหญ่กว่าร่างของข้ามากๆ เเต่มันก็งดงามมากๆเช่นกัน ข้าไม่อาจะละสายตาจากมันได้เลย หลินเฟยเฟิ่งในตอนนี้นางยืนหยัดอยู่ข้างๆข้า ไม่ได้กลัวเกรงฟินิกซ์เเม้เเต่น้อย หรือว่าเพราะนางเป็นร่างทรงเทพอสูร?

ฟึบๆๆ

มันกระพือปีกเเละวางปีกลงข้างหน้าข้าเเละยังคงจ้องมองข้าอยู่ ทำให้ข้าพอคิดได้ว่าเหมือนมันจะต้องการให้ไม่ข้าก็หลินเฟยเฟิ่งขึ้นไปบนปีกของมัน ซึ่งหลินเฟยเฟิ่งก็เดินออกไปก่อนเพราะนางเป็นร่างทรงอสูรฟินิกซ์ มันคงไม่ทำอะไรนาง ซึ่งนางก็ได้ขึ้นไปบนปีกของมันเเละมันก็ได้ขยับปีกจนหลินเฟยเฟิ่งได้ไปเกาะอยู่ข้างหลังมัน เเต่มันก็ยังคงอยู่สภาพเดิมเเละจ้องมองข้าอยู่

"ข้าด้วยงั้นหรือ?'' ข้ากล่าวถามมันออกไป ซึ่งมันก็ไม่ได้ตอบอะไรข้ามาเเละยังคงจ้องมองข้า ข้าจึงลองเดินขึ้นไปบนปีกของมันดู มันก็ไม่ได้มีท่าทางจะปฏิเสธข้า ทุกคนกำลังมองฉากนี้ด้วยความเหลือเชื่อ

"อ๊ากกกก!!!'' ข้าร้องลั่นเมื่อเดินขึ้นไปบนปีกของมันเเล้วไฟของมันเผาข้า มันจ้องมองข้าเเละดูท่าทางของข้าอยู่

‘เจ้าต้องการจะทดสอบข้างั้นหรือ!?’ ข้าคิดตามที่ข้าเข้าใจก่อนจะกัดฟันเเละพยายามก้าวเดินไปเรื่อยๆสักสามก้าว จนมันได้ขยับปีกของมันเเละผลักข้าไปยังข้างหลังของมัน ข้าได้เกาะหลังของมันเอาไว้ข้างๆหลินเฟยเฟิ่ง

ฟึบ

เเละมันก็ได้ปล่อยกรงเล็บ พร้อมกับร่างของมันที่ตกลงไปเบื้องล่างก่อนมันจะทรงตัวให้ดีเเละลงมาอย่างปลอดภัย เบื้องล่างนี้มันช่างน่าสงสัยจริงๆ เป็นพื้นที่วงกลมที่พอดีตัวมัน มันไม่อึดอัดตายเลยงั้นหรือ? พร้อมกับมันที่สะบัดข้าเเละนางลงไปบนพื้น

"เป็นเช่นนี้นี่เอง…'' ข้ากล่าวออกมาเมื่อได้เห็นเเท่นหินที่มีรูปร่างคล้ายเตียงนอน เเละมีลาวาล้อมรอบพื้นที่วงกลมนี้ มันร้อนเเรงมากจริงๆ เเต่หลังจากที่ข้าได้เกาะหลังนาง ความร้อนนั้นก็หายไป มันหายไปทั้งหมดทั้งความร้อนจากไฟของภูเขาไฟสวรรค์ เเละความร้อนจากไฟของนาง มีเพียงความร้อนของลาวาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

วึบ!!

ฟินิกซ์สวยงามขนาดยักษ์ได้หายไปในพริบตา ปรากฏร่างคนที่ร่อนลงมาบนพื้นด้วยปีกนกฟินิกซ์ขนาดเล็ก ชุดอาภรณ์ที่ใส่มันดูหรูหราเเละสง่างามมากๆ คนคนนั้นเป็นหญิงสาวสวยสุดๆ ข้าได้มองตามนางจนนางลงมายืนบนพื้น

"ที่เเท้ฟินิกซ์ในตำนานก็สามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้'' ข้ากล่าวออกไปตามที่ข้าเข้าใจ

"พวกเจ้าคือศิษย์ของท่านไป่เทียนหลงใช่หรือไม่?'' นางกล่าวถามข้าเเละหลินเฟยเฟิ่ง

“ถูกต้อง…ข้ามีนามว่าหลี่เล่อป๋อ''

“เป็นศิษย์ลำดับที่หนึ่ง” ข้ากล่าวก่อนจะคารวะนางเเละเเนะนำตัวออกไป หลินเฟยเฟิ่งเองก็เช่นกัน

"ท่านไป่พูดเรื่องเจ้าไว้เยอะ…สมเเล้วจริงๆ'' นางกล่าวกับข้า

"ไม่ทราบว่าท่านกับท่านอาจารย์เกี่ยวข้องกันยังไง?'' ข้ากล่าวถามด้วยความสงสัย

"ท่านไป่เทียนหลงเคยช่วยข้าจากเทพเเห่งไฟ'' นางกล่าวออกมา ซึ่งข้าถ้าจำไม่ผิดข้าก็พอได้ยินเรื่องเทพเเห่งไฟกับฟินิกซ์อยู่บ้าง เขาเคยพูดเกี่ยวกับฟินิกซ์ บ้างก็ให้ภารกิจไปกำจัดฟินิกซ์ บ้างก็ให้ไปป่วนภูเขาไฟสวรรค์ เเต่มันติดที่ไม่มีใครกล้าทำนี่สิ เพราะฟินิกซ์เเข็งเเกร่งเกินไป เเละใช่เทพเเห่งไฟไม่สามารถลงมาบนโลกมนุษย์ได้ เพราะเขาเป็นเซียน

“ท่านมากล่าวกับข้าก่อนจะจากไปตลอดกาล"

"ให้ช่วยพวกเจ้าจนถึงที่สุด…เเละจงมอบเลือดของข้าให้กับศิษย์ของท่านที่นามว่าหลี่เล่อป๋อ'' นางกล่าวออกมาทำให้ข้าสับสนมาก เหตุใดอาจารย์ถึงต้องให้นางมอบเลือดของนางให้กับข้ากัน? หรือว่าเขาจะได้เห็นความทรงจำของข้าในเกมด้วย? ที่จริงในตอนนี่ท่านอาจารย์พยายามดูความทรงจำของข้า มันก็ใช้เวลานานพอสมควร

"เจ้าจะนำเลือดของข้าไปทำอันใด?'' นางกล่าวถามด้วยความสงสัย เลือดของนางมีค่ามากๆ มันสามารถฟื้นชีวิตจากคนที่สภาพปางตายได้เลยทีเดียว เเละนั่นทำให้ฟินิกซ์เหลือเพียงเเค่นางที่ยังคงมีชีวิต

วึบ ฟึบๆๆๆ

"เลื่อนขั้นกาย'' ข้ากล่าวออกไปตรงๆพร้อมกับหยิบกระดูกเทพอสูรมังกรที่เหลือ เเละผงกระดูกมังกรที่ข้าบดไว้เเล้วออกมาจากเเหวนมิติ แบ่งให้กับหลินเฟยเฟิ่งไปสามในสิบ เพราะข้าไม่ได้ใช้เยอะขนาดนั้น

"ข้าคิดไว้เเล้ว…เจ้าคงจะเป็นผู้สืบทอดนิกายกายาเหนือโลกที่ท่านไป่เทียนหลงกล่าว''

"ท่านคงจะคาดหวังเจ้าไว้มากเลยสินะ'' นางกล่าวก่อนจะใช้เล็บของนางกรีดปลายนิ้วทั้งห้านิ้วของนางเเละใส่มือของนางไว้ในขวดโหลที่ข้าเพิ่งจะนำออกมาอย่างว่องไว

"ขอบคุณมาก…ว่าเเต่นามของท่านคือ?'' ข้ากล่าวถามด้วยความสงสัย จะให้ข้าเรียกท่านฟินิกซ์มันก็ยังไงอยู่

“หลินจินเหม่ย” นางกล่าวจบหลินเฟยเฟิ่งก็ตกใจมาก

"ทะ…ท่านคือ!?'' หลินเฟยเฟิ่งอ้าปากค้างเมื่อได้ยินชื่อของฟินิกซ์

"จักรพรรดินี!!!'' หลินเฟยเฟิ่งกล่าวออกมา ที่จริงข้าก็เคยได้ยินว่ารุ่นเเรกของราชวงศ์หลินมีนามว่าหลินจินเหม่ย สุดท้ายนางก็ได้หายตัวไป เเละกล่าวกันต่อมาว่านางได้ตายลงเเล้ว

"เช่นนั้นเเล้วท่านก็คือ…'' ข้ากล่าวก่อนจะมองหลินเฟยเฟิ่งเเละหลินจินเหม่ยสลับกันไปมา เเสดงว่าหลินเฟยเฟิ่งน่าจะเป็นรุ่น… ข้าเองก็ไม่มั่นใจเรื่องลำดับญาติของพวกเขาเช่นกัน เเต่เเน่นอนว่าคงจะหลายชั่วอายุหลายรุ่นที่นางมาอยู่ที่นี่

“เจ้าไม่ใช่ร่างทรงเทพอสูรฟินิกซ์”

“ในตอนที่เจ้าเกิด…ข้าได้ให้เจ้าดื่มเลือดของข้าไปด้วย”

"ร่างกายของเจ้าได้ถูกสร้างใหม่หลังจากที่เจ้าออกมาลืมตาดูโลกได้หนึ่งวัน''

“เพลิงของข้าได้ช่วยเจ้าในตอนที่สร้างร่างใหม่”

“เจ้าจึงกลายเป็นผู้สืบทอดของข้า”

"เจ้าคือฟินิกซ์'' หลินจินเหม่ยกล่าวออกมา ในตอนนี้เเม่เเต้ข้าที่รู้เรื่องครึ่งๆกลางๆถึงกับพูดไม่ออกนิ่งค้างไปเลย หลินเฟยฟิ่งเข่าทรุดลงกับพื้น นี่น่าจะเป็นเหตุผลที่นางมีเพลิงที่รุนเเรงกว่าใครหลายเท่า

‘ด้วยเลือดฟินิกซ์ขนาดนี้ข้าสามารถไปถึงเป้าหมายได้เเน่’ ข้าคิดในใจเกี่ยวกับเลือดของฟินิกซ์ที่อยู่ในขวดโหล โดยที่ปล่อยให้ทั้งสองคุยกัน

‘ร่างศักดิ์สัทธิ์ขั้นสาม’ ข้าคิดในใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะนำมันเข้าสู่เตาที่ข้าได้เตรียมไว้ มันคือเตาปรุงยาดีๆนี่เเหละ เเต่ข้ามั่นใจว่ามันไม่สามารถทำให้ผงกระดูกเทพอสูรละลายได้อย่างเเน่นอน มากสุดคือชำระล้างสิ่งสกปรก เเละเลือดฟินิกซ์คือน้ำที่ใช้ต้มมัน ถึงเเม้จะมีเพียงน้อยนิด เเต่มันก็เกินพอเเล้ว เพราะเลือดฟินิกซ์ถ้าถูกความร้อนมันเเทบจะเผาโครงกระดูกมังกรได้ครึ่งตัวเลยทีเดียว เเต่นี่หม้อมันเล็กข้าจึงต้องบดกระดูกมังกรให้กลายเป็นผง อีกอย่างนึง เลือดของนางข้ามิได้ขอใช้เพียงครั้งเดียวหรอก ในสองปีนี้นางต้องให้ข้าอีกสี่ขวดโหล

เรื่องเลือดของนางข้าไม่ค่อยเป็นห่วงเพราะข้าหายาบำรุงอะไรต่างๆนาๆมาให้นางเรียบร้อย ที่จริงถ้าหากนางไม่ยอมข้าก็คิดจะใช้ค่ายกลในการบังคับนาง เพราะข้าเองก็รีบ ซึ่งมันก็อันตรายพอสมควรเเต่ในเมื่อท่านอาจารย์ได้มาคุยกับนางไว้ก่อนเเล้วแบบนี้ก็สวยเลย

"ท่านหลินจินเหม่ย…พอจะมีที่ปิดด่านฝึกให้ข้าหรือไม่?'' ข้ากล่าวถาม เพราะที่ตรงนี้ข้าอยากให้ญาติทั้งสองฝึกกันจะดีกว่า ข้าไม่อยากรบกวน เพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้สืบทอดเชื้อสายฟินิกซ์ในตำนาน เเน่นอนอยู่เเล้วว่าฟินิกซ์รุ่นก่อนจะต้องถ่ายทอดวิชาให้

ฟึบๆๆ

"ทีนั่นคือห้องฝึกของข้า…เเต่ข้าไม่ได้ใช้นานเเล้วเจ้าเข้าไปใช้เถอะ'' นางกล่าวพร้อมกับห้องลับที่ถูกเปิดขึ้น กำเเพงหินค่อยๆยุบลงไปให้เห็นทางลงไปยังชั้นใต้ดิน มันอยู่ข้างใต้รังของนาง ข้างใต้นี้มันร้อนมากๆ เเถมเเรงกดดันยังมีอย่างมหาศาลอีกต่างหาก มันเหมาะสำหรับการฝึกทุกอย่างซะจริงๆ

‘เเต่ในตอนนี้ข้าต้องฝึกกาย…ให้ไวที่สุด’ ข้าคิดในใจ เพราะข้าก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนเหตุการณ์จะเลื่อนเข้ามาไวกว่าเดิม เช่นการกำเนิดเทพอสูรอีกตน การกำเนิดของมันในครั้งนี้เหล่าอสูรจะพากันบุกทำลายเมืองเฟิงเทียน เเต่ไม่สำเร็จมันจึงไปบุกเมืองมี่ซิ่นต่อ ซึ่งเป็นปกติของมัน ถ้าเมืองเฟิงเทียนหนาเกินไปมันจะมาบุกเมืองมี่ซิ่น

"เอาล่ะ…เล่อป๋อตอนนี้เจ้าต้องทำใจให้สงบ'' ข้ากล่าวกับตนเองเมื่อคิดหลายๆอย่าง ทั้งเรื่องครอบครัวเเละเรื่องสัตว์อสูร ก่อนจะหลับตาลงเเละเริ่มกระบวนการเลื่อนระดับกายทันที ตั้งเเต่การปรุงยาจนไปถึงการบ่มเพาะกาย ในส่วนของกำลังภายในถ้ามันเพิ่มขึ้นก็ถือว่าเป็นผลพลอยได้ เเต่เรื่องบำเพ็ญจิตข้าต้องพักมันในระยะยาว มันยังไม่สำคัญในเมื่อใต้หล้านี้ข้ายังไม่สามารถควบคุมมันได้ เพราะเเน่นอนว่าเหล่าเซียนจะไม่สามารถใช้จิตทำร้ายข้าจากสวรรค์

ผ่านไปสองปีครึ่ง

"พี่ใหญ่!!…ท่านต้องตื่นเดี๋ยวนี้!!!'' หลินเฟยเฟิ่งพยายามปลุกข้า ข้าได้ยิน ข้าได้ยินมันทุกอย่างที่นางกล่าว ในตอนนี้อสูรได้บุกเมืองมี่ซิ่นเเล้ว รัชทายาทหลินเฟยก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเขากำลังเป็นอันตราย ศิษย์น้องสามเกาหลิ่งเหวิน เเละนิกายกระบี่เทพกำลังจะพ่าย เพราะเทพอสูรมาบุกถึงสองตน!

‘เเต่ข้าไม่สามารถขยับได้ในตอนนี้…อีกเพียงเเค่นิดเดียว…แค่นิดเดียวเท่านั้น’ ข้าที่เห็นเเสงเจิดจ้าที่ข้าฝืนทะลวงขั้นกายศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สามมานาน ข้าจะสำเร็จเเล้ว ‘ขอร้อง!!!!’

"หลบ!…ให้ข้าช่วยเขาเอง!'' เสียงใสอีกคนกล่าว นางน่าจะคือฟินิกซ์ เเละนางกำลังใช้นิ้วของนางจิ้มบนเเผ่นหลังของข้า หลายต่อหลายจุดจนข้ารู้สึกกำลังถูกผลักดันให้ใกล้กับเเสงสว่างนั้นขึ้น

วึบ วึบ คลื่นนนน

‘เเละในที่สุด…ข้าก็สามารถมาถึงกายศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่สามจนได้’

‘ด้วยอายุเพียงเเค่เกือบสิบเจ็ดปี’ ข้าคิดในใจก่อนที่ร่างกายของข้าจะเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง เเละข้ารู้สึกว่าเหมือนข้าจะได้ดื่มอะไรบางอย่าง รสชาติคล้ายๆกับยาที่มาจากการหลอมผงกระดูกมังกรเเละเลือดฟินิกซ์ ซึ่งมันน่าจะเป็นเลือดของฟินิกซ์ ข้ารู้สึกเหมือนกำลังจะได้เกิดใหม่จริงๆ ออร่าระยิบระยับสีทองได้ปรากฏขึ้นรอบร่างกายข้า

‘เเละในตอนนี้ข้าก็ได้เลื่อนระดับบ่มเพาะเป้นไร้เทียมทานขั้นที่สองอีกด้วย’

‘ในช่วงหนึ่งปีที่เเล้วเมื่อข้าพบว่ายาที่ข้ากินนอกจากจะเป็นยาในการทะลวงระดับกาย’

‘มันยังเป็นยาชั้นดีที่เอาไว้เลื่อนระดับบ่มเพาะอีกด้วย’

‘เเต่ข้าก็พยายามใช้มันในการหล่อเลี้ยงกายของข้าเพียงอย่างเดียว’ ข้าคิดในใจก่อนจะค่อยๆสูดหายใจเข้าลึกๆเเละลืมตาขึ้น

"พี่ใหญ่ท่านต้องรีบไป!!'' เสียงหลินเฟยเฟิ่งยังคงเตือนข้าไม่หยุด ทั้งนางยังชี้ให้เห็นหยกที่มีชื่อเกาหลิ่งเหวินเเตกระเอียด หมายความว่าศิษย์น้องเกาได้ทำลายกำไลหยกไปเป็นที่เรียบร้อย เพื่อต้องการความช่วยเหลือจากข้า ในตอนนี้ข้ารู้สึกมึนๆงง เเต่ก็ต้องพยายามฝืนลุกขึ้นยืน

"ข้าจะช่วยสักครา'' หลินจินเหม่ยกล่าวเมื่อข้าได้ลุกขึ้นยืน พร้อมกับนางที่แบกร่างข้าขึ้นไปข้างบน ข้าเริ่มมั่นใจเเล้วว่านางก็ได้ฝึกเคล็ดสู่กายาเหนือโลกเช่นกัน

ฟึบๆ กี๊สสสสส

นางได้กลายร่างเป็นฟินิกซ์พร้อมกับข้าที่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรในตอนนี้พยายามเกาะหลังนางไว้ หลินเฟยเฟิ่งเองก็ด้วย นางเป็นห่วงน้องของนางมาก เเต่ก็ต้องถูกหลินจินเหม่ยห้ามเอาไว้ให้ไปพร้อมกัน เดี๋ยวไปส่งเเละนางยังกล่าวว่าจะไปช่วยเหลือหลินเฟยด้วยตัวเองอีกด้วย เพราะถึงยังไงเด็กนั่นก็เป็นสายเลือดของนาง

ผู้คนมากมายตกใจต่อการปรากฏตัวของฟินิกซ์ในตำนาน พร้อมกับที่มีมนุษย์เกาะหลังมันไปด้วย เเละใช่พวกเขาเห็นว่าคือใคร นั่นก็คือข้า ศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่ง เเละองค์หญิงหลินเฟยเฟิ่งศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่สอง เเม่ทัพหมัดเพลิงไม่อยู่ที่นี่ เเสดงว่าเขาได้ไปประจำการที่เมืองเฟยเทียนเเล้ว เช่นนั้นก็มิผิดที่เมืองมี่ซิ่นจะถูกบุก เพราะเมืองเฟยเทียนมีพลังหนาเเน่นเกินไป เนื่องจากมีสี่เเม่ทัพอยู่

‘เช่นนั้นเเล้วถ้าหากมันจะผิดก็คงต้องผิดที่ข้า!’

‘เพราะเเม่ทัพเหวินเจี้ยนควรจะอยู่ที่เมืองมี่ซิ่นในช่วงที่เหตุการณ์ในเกมวุ่นวายเหมือนตอนนี้!’

‘แต่ข้ากลับส่งเขาไปเมืองเฟยเทียน!!!’ ข้าคิดในใจก่อนจะกัดฟันเเน่นเเละดื่มโพชั่นเพิ่มพลังของเล่อปิงไปสองขวดมันทำให้ข้าค่อยๆรู้สึกดีขึ้น จนสติเเละประสาทสัมผัสของข้าเริ่มจะกลับมาดีเหมือนเดิม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel