บท
ตั้งค่า

ภูเขาไฟสวรรค์

ฟึบๆ เคร้ง ฟิ้ววว

"หนักเเน่นกว่านี้!'' ช้าใช้ดาบของข้าวาดออกไปปะทะกับดาบของเกาหลิ่งเหวิน ปรากฏดาบธรรมดาๆของข้าสามารถปะทะกับดาบดาวตกของเขาได้ เเต่ดาบของข้าเริ่มมีรอยเเตกร้าวในบางจุด ถึงกระนั้นเเล้วเกาหลิ่งเหวินก็ต้องปลิวไปด้วยเเรงของข้าเช่นกัน

"ห่างชั้นเกินไปจริงๆ…'' เหล่าทหารที่ได้ดูการประลองในครั้งนี้ถึงกับกลืนน้ำลายกันดังอึก ถึงเเม้เกาหลิ่งเหวินจะเป็นศิษย์เซียนสวรรค์เหมือนกับเเม่ทัพโพธิ์ดำ เเต่ความสามารถห่างกันอย่างลิบลับ โพธิ์ดำศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่งเเข็งเเกร่งจนสามารถเอาชนะเกาเทียนเฉินที่เป็นถึงเจ้านิกายกระบี่เทพได้ ทั้งในตอนนี้ยังยืนเฉยๆเเละโต้ตอบเกาหลิ่งเหวินโดยขยับเพียงเเค่ส่วนบนเพียงเท่านั้น ทั้งๆที่เกาหลิ่งเหวินเพิ่งจะเอาชนะธิดาของหลิ่งกวางมาได้อย่างง่ายดาย เเล้วศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่งต้องเป็นตัวตนประเภทไหนกันถึงสามารถทำให้เกาหลิ่งเหวินกดดันถึงเพียงนี้

เกาหลิ่งเหวินตั้งเเต่เขาโดนจิตดาบของโพธิ์ดำกดทับ เขาก็อ่อนเเอลงเเละเหนื่อยง่ายขึ้นมากๆ จนในตอนนี้เขาเริ่มหายในไม่ทันเมื่อต้องการเข้าจู่โจมโพธิ์ดำเรื่อยๆเพื่อรอจังหวะเขาพลาด เเต่เป็นเขาเองที่เหนื่อยไปซะก่อน ในขณะที่เกาหลิ่งเหวินใช้ดาบระดับตำนานนั่น เเต่โพธิ์ดำใช้เพียงดาบธรรมดาๆ

"ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบันข้าก็ยังมิอาจเอาชนะพี่ใหญ่ได้…'' เกาหลิ่งเหวินกล่าวออกมาก่อนจะปักดาบลงบนพื้นเเละลงไปนั่งบนพื้น

"เจ้าอย่าลืม…เจ้าเเข็งเเกร่งขึ้นเเล้วคิดว่าที่ผ่านมาข้าจะไม่ได้เเข็งเเกร่งขึ้นงั้นรึ?'' ข้ากล่าวออกไป ในประโยคที่ข้ากล่าวมีหลายคนที่เก็บไปคิด รวมถึงหลิ่งจี ในอดีตหลิ่งจีเคยเอาชนะเกาหลิ่งเหวินมาได้ เเต่ในตอนนั้นเกาหลิ่งเหวินเพิ่งจะเริ่มฝึกหัดกระบวนท่าเเรก กลับกันเกาหลิ่งเหวินสามารถกดดันหลิ่งจีได้พอสมควร เเต่ในตอนนี้หลิ่งจีพ่ายเเพ้ให้กับเกาหลิ่งเหวินไปอย่างง่ายดาย ส่วนเกาหลิ่งเหวินก็ยังคงพ่ายเเพ้ให้กับศิษย์พี่ใหญ่ของเขาอย่างง่ายดายเช่นกัน ด้วยพละกำลังที่เเตกต่างกันมากเกินรวมถึงจิตเเห่งดาบ

แปะๆ

"เเข็งเเกร่งมาก!'' เสียงชมโพธิ์ดำดังมาเเต่ไกล เหล่าทหารพากันหันกลับไปมอง ส่วนข้านั้นรู้อยู่เเล้ว เขาคนนั้นคือฮ่องเต้ที่เดินมาพร้อมกับเพื่อนสนิทอย่างเกาเทียนเฉิน ทั้งคู่มากันเงียบๆไม่ได้บอกเหล่าทหาร ฮ่องเต้ก็ไม่ได้ใส่ชุดที่ดูโดดเด่น เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็เคยอยากเป็นจอมยุทธมาก่อนเช่นกัน เเต่ด้วยสายเลือดเเละตำเเหน่งที่ท่านพ่อมอบให้เขาจึงต้องกลายเป็นฮ่องเต้

‘ข้าจะโชว์ให้ดูสักครั้ง…’ ข้าคิดในใจเพื่อต้องการยกระดับตนเองขึ้นอีก เผื่อจะมีผู้ยิ่งใหญ่คนใดมาสนใจตนเเละต้องการจะประลองกับตน

"เกาหลิ่งเหวิน…จงดูนี่''

“เมื่อเจ้าเข้าใจในดาบอย่างถ่องเเท้”

วึบๆ คลื่นน

"เจ้าจะสามารถบังคับมันได้อย่างอิสระ…'' ข้ากล่าวพร้อมกับปล่อยจิตไร้ระดับออกมา เเต่ไม่ได้ส่งคลื่นพลังไปที่ใครโดยตรงหรือต้องการให้ทุกคนรับรู้ถึงมัน เเต่ถึงกระนั้นเเล้วพวกเขาก็ยังรู้สึกกดดันอย่างมหาศาลอยู่ดี พร้อมกับดาบมากมายที่ตั้งอยู่บนเเท่นวางอาวุธลอยขึ้นมาอยู่ข้างหลังข้า คลื่นพลังส่งออกรอบร่างกายของข้าเป็นระยะ ทุกคนในบริเวณนี้ต่างอ้าปากค้างเเละไม่กล้าพูดอะไรออกมา ขนลุกซู่กันไปหมด

"ละ…โลกเเห่งดาบ…'' เจ้านิกายกระบี่เทพกล่าวออกมา เกาเทียนเฉินตกใจมากๆ เเม้เเต่เขาเองก็ยังไม่เข้าใกล้ระดับนี้เลย โลกเเห่งดาบที่เเข็งเเกร่งถึงเพียงนี้ จะมีใครกัน? เเม้เเต่เขาเองก็ยังไม่สามารถบังคับดาบหรือกระบี่พวกนี้ได้อย่างอิสระขนาดนี้

"ที่เเท้…ศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่งอยู่ในระดับนี้นี่เอง''

"อัจฉริยะที่เหนืออัจฉริยะ'' เขากล่าวออกมาด้วยสีหน้าผ่อนคลาย เพียงเเค่นี้เขาก็เข้าใจเเล้วว่าทำไมเขาถึงเเพ้วิชากระบี่กับข้า และดูเหมือนเขาพอใจมากที่เเพ้ให้กับข้า

"เจ้าเป็นอะไร?'' ฮ่องเต้กล่าวถามเกาเทียนเฉินเพื่อนสนิทของท่าน

“ไม่แปลกใจเลยที่ข้าน้อยเเพ้ให้กับเเม่ทัพโพธิ์ดำ” เขากล่าวตอบกลับมาพร้อมกับถอนหายใจยาว

"เขาไม่ใช่เเม่ทัพโพธิ์ดำอีกต่อไปเเล้ว'' ฮ่องเต้กล่าวออกมาพร้อมกับเกาเทียนเฉินที่กำลังจะกล่าวต่อ

"พวกท่านไม่ต้องเลย…เดี๋ยวอีกสองปีข้าจะส่งคนที่เหมาะกับตำเเหน่งนี้มาให้''

"ไม่ต้องห่วง…ถ้าหากเป็นเรื่องพละกำลังเเล้วเขาเองก็ใกล้เคียงกับข้า'' ข้ากล่าวออกไปเมื่อรับรู้ว่าทั้งสองพยายามจะยื้อข้าให้เป็นเเม่ทัพต่อไป

"มันนานเกินไป…'' ฮ่องเต้กล่าวด้วยสีหน้าสลด

"ในตอนนี้เเม่ทัพเหวินเจี้ยนเองก็อยู่ที่เมืองเฟยเทียน''

"ข้ามีธุระต้องไปทำในอีกสองหรือสามปีจะกลับมา'' ข้ากล่าวออกไปซึ่งเหมือนฮ่องเต้ก็พอจะรู้เรื่องจากหลินเฟยเฟิ่งอยู่บ้าง

“ข้ารู้…ในตอนนั้นเทพอสูรตนที่สามน่าจะถือกำเนิดขึ้น”

"เเละข้าน่าจะกลับมาพอดี…'' ข้ากล่าวออกไป ซึ่งพวกเขาก็ตกใจพอสมควรว่าข้ารู้ได้เช่นไร เพราะเรื่องนี้ยังคงเป็นความลับระดับสูง ซึ่งก็ยังไม่มีใครบอกข้า หรือว่าหลินเฟยเฟิ่งเป็นคนบอกกัน? ฮ่องเต้เเละเกาเทียนเฉิงสงสัยข้าพอสมควร เพราะเเม้เเต่เกาหลิ่งเหวินเองก็ยังไม่รู้

"พี่ใหญ่ข้าอยากไปด้วย!!!'' เสียงเด็กดังมาเเต่ไกล เขาก็คือหลินเฟย รัชทายาทหลินเฟย เขาวิ่งนำพี่สาวของเขาหลินเฟยเฟิ่งมาหาข้า

"เจ้าพร้อมเเล้วหรือ?'' ข้ากล่าวถามหลินเฟยเฟิ่งเมื่อเห็นว่านางไม่ได้ใส่ชุดที่มีอาภรณ์หรือของประดับมากมาย ใส่เพียงเเค่ชุดจอมยุทธธรรมดาๆไม่เหลือความเป็นองค์หญิงเเห่งราชวงศ์หลินเเม้เเต่น้อย มีเพียงหน้าตาเเละรูปร่างที่ดูสูงสง่า

"เเต่ข้าบอกว่าออกเดินทางพรุ่งนี้…'' ข้ากล่าวเตือนนางหรือว่านางจะฟังข้าผิด?

"ข้าไม่อยากรออีก…ถึงเร็วขึ้นได้เพียงหนึ่งชั่วยามข้าก็จะไปโดยไม่ลังเล'' นางกล่าวออกมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น เพราะถึงยังไงนางเองก็เป็นองค์หญิง นางต้องดูเเลเเละปกป้องราษฎร เเละด้วยที่นางเป็นถึงศิษย์เซียนสวรรค์อีกด้วย ทำให้นางมีถึงสองหน้าที่ด้วยกัน ทั้งช่วยพัฒนาบ้านเมืองและต้องออกไปรบกับพวกอสูรเพราะนางมีพลังที่เเข็งเเกร่งกว่าใคร

“ก็ดี…ส่วนเจ้า”

"จงอยู่ฝึกทักษะให้ชำนาญเสียก่อน''

"เมื่อถึงเวลาข้าจะพาเจ้าไป'' ข้ากล่าวกับหลินเฟย ถึงเเม้ข้าอยากจะพาเขาไปด้วยก็ตามเเต่เเรงกดดันที่นั้นมันยังไม่เหมาะกับเขา ให้เขาโตกว่านี้สักปีสองปีจะดีกว่า

"เช่นนั้นเราควรไปกันตอนนี้'' ข้ากล่าวเพราะกว่าจะไปถึงที่นั่นคงจะมืดค่ำพอดี

"เสด็จพ่อ…'' ซึ่งระหว่างที่หลินเฟยเฟิ่งกำลังกล่าวลาพ่อของนางเเละเกาเทียนเฉิน ข้าก็ได้ให้ของติดตัวหลินเฟยเเละเกาเทียนเฉินไว้ นั่นก็คือกำไลหยกของข้า ในชีวิตนี้คนรอบตัวของข้าจะต้องไม่ตายหรือหายไปอีก ข้าจะปกป้องพวกเขาทั้งหมดเอง

"เดี๋ยวก่อน…เเม่ทัพคนใหม่ที่เจ้ากล่าวมามีนามว่าอะไร?'' ฮ่องเต้กล่าวถามข้าในขณะที่ข้าเเละหลินเฟยเฟิ่งกำลังจะออกไปจากค่ายฝึก

"จิ้งเหอ'' ข้ากล่าวออกไปเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกไปจากค่ายฝึก บางทีข้าก็รำคาญฮ่องเต้เหมือนกันเวลาเขาจะพูดก็พูดไม่หยุด จะเงียบก็เงียบไปเฉย บางครั้งก็ทำตัวลึกลับอีก

"องค์หญิง…องค์หญิงหลินเฟยเฟิ่ง!'' ประชาชนที่เดินไปเดินมาในเมืองถึงเเม้หลินเฟยเฟิ่งจะไม่ได้เเต่งตัวฐานะองค์หญิง เเต่ทุกคนล้วนรู้จักนาง นางไม่ได้อยู่เเต่ในวังนางก็ออกมาเดินเล่นในเมืองบ่อยเเถมยังสร้างชื่อในเรื่องดีๆด้วย ทุกคนในบริเวณนั้นจึงถอยออกห่างเเละคุกเข่าลงให้กับนาง

"องค์หญิงเสด็จ-'' ในขณะที่ทหารยามกำลังเดินอยู่เมื่อได้ยินชาวบ้านกล่าวจึงรีบวิ่งมาดูทันทีเพื่อจะมาทำความเคารพ เเต่หลินเฟยเฟิ่งก็ยกมือขึ้นมาเเละปัดให้พวกทหารไปซะ ในตอนนี้นางคือศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่สองที่จะไปฝึก ไม่ได้มาในฐานะองค์หญิงหลินเฟยเฟิ่ง

"นั่นมัน!''

"ศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่ง!!!'' เหล่าผู้คนพากันก้มกราบข้าในทันที

"โปรดช่วยปกป้องพวกเราด้วย!'' พวกเขากล่าวออกมา ในตอนนี้เเม้จะเป็นศิษย์สำนักต่างๆในเมืองหลวงก็ต่างเคารพข้า ไม่มีใครกล้าเเม้เเต่จะท้าทายหรือมองหน้าข้าด้วยซ้ำ หไม่มีใครทำตัวอวดเบ่งอวดดี

"ข้าบอกท่านเเล้วว่าไปรถม้าดีกว่า'' หลินเฟยเฟิ่งกล่าวเมื่อรอบตัวมีเเต่คนกราบไหว้เเถมยังมากขึ้นเรื่อยๆจนเริ่มเเออัด

"มิเป็นไร…'' ข้ากล่าวก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนหลังคาบ้าน เหล่าประชาชนจึงมองตามข้า หลินเฟยเฟิ่งเองก็ถอนหายใจก่อนจะพุ่งตามข้าไป ในเมื่อบนถนนเต็มไปด้วยผู้คน ข้าก็เดินทางบนหลังคาเอาก็ได้ ผู้คนพากันคุกเข่าเมื่อได้เห็นพวกข้าเคลื่อนไหวกันบนหลังคา ตามทางเดินมีเเต่คนคุกเข่าให้กับพวกเรา ศิษย์เซียนสวรรค์เหมือนกับเป็นไม้ตายต้องเหล่ามนุษย์ พวกเขาจะเป็นตัวตนที่จะไปกำจัดพวกอสูรเเละนำเเสงสว่างมาให้กับมนุษย์

ณ ภูเขาไฟสวรรค์

"ก็น่าเบื่ออยู่นะ'' ข้ากล่าวเมื่อระหว่างทางไม่มีพวกที่จะมาไล่ฆ่าข้า ในตอนนี้ข้าคิดว่าพวกมันคงกำลังหาข้อมูลของข้าอยู่

"ท่านนี่นะ'' นางกล่าวเมื่อข้าต้องการจะเข้าไปหาเเต่อันตราย คนไม่มาไล่ฆ่ามันก็ดีเเล้วมิใช่เหรอ? ข้ากลับอยากให้คนมาไล่ฆ่าซะงั้น นางคงจะคิดว่าข้าบ้า เเต่ข้าเพียงเเค่คิดว่ามันน่าสนุกดีเท่านั้น

"ที่นี่เป็นสถานที่ฝึกที่ดีที่สุดสำหรับจอมยุทธธาตุไฟ''

"เเต่ธาตุของข้าไม่ใช่ธาตุไฟนี่สิ'' ข้ากล่าวทำให้นางหันมามองข้าในทันทีด้วยสีหน้าสับสน

"เดี๋ยว!!ท่านก็ได้ตายจริงหรอกพี่ใหญ่!'' นางกล่าวในทันทีเมื่อได้ยินว่าข้าไม่ได้มีธาตุไฟ

"แล้วธาตุของท่านคือธาตุอะไร?'' นางกล่าวถามข้าต่อ เพราะที่จริงนางก็ไม่เคยเห็นข้าใช้พลังธาตุของข้าเเม้เเต่ครั้งเดียว คนที่รู้เกี่ยวกับธาตุของข้ามีเพียงท่านอาจารย์เท่านั้น ที่จริงตระกูลของข้าส่วนใหญ่จะเป็นธาตุน้ำ เเต่ข้าไม่ใช่

‘ข้าจะบอกนางยังไงดีนะ…’ ข้าคิดในใจก่อนจะเลือกที่ไม่ตอบนางเเละเดินไปบนทางเดินแคบๆโดยที่ข้างล่างมีเเต่ลาวาร้อนระอุ บนทางเดินก็ร้อนไปหมดเช่นกัน ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งรู้สึกถึงความร้อน มันคงจริงที่ถ้าไม่ใช่บุคคลที่มีธาตุไฟจะไม่สามารถเข้าสู่ภูเขาไฟสวรรค์ได้ ที่จริงต่อให้เป็นคนที่มีธาตุไฟถ้าหากไฟของเขาไม่เเข็งเเกร่งพอก็ไม่สามารถเข้าไปได้เช่นกัน

"ท่านจะไม่บอกข้าจริงๆงั้นหรือ?'' นางยังคงอยากรู้เรื่องธาตุของข้าเเละพยายามอ้อนข้า

"ธาตุว่างเปล่า…''

‘ว่าธาตุของข้า…มันไม่มีในบันทึกโลก’ ข้าคิดในใจหลังกล่าวออกไป ซึ่งมันทำให้นางเเสดงความเสียใจกับข้า ธาตุว่างเปล่า ใครที่มีธาตุนี้คือหมดสิทธิ์การเข้าฝึกสำนักต่างๆ เเละพวกเขาจะไม่ได้ฝึกยุทธกันต่อ

‘สะท้อนพลังทุกชนิด…มันคือธาตุพิเศษของข้า’ ข้าคิดในใจ เเละนี่คือสิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุด ในเกมมันคือธาตุที่เคยถูกนำมาประมูล ในราคาที่เเพงที่สุดตั้งเเต่ประมูลกันมา เเพงกว่าสิ่งของอย่างอื่นเป็นสิบเท่า!

‘เเต่ข้ากลับมีมัน…’ ข้าได้เเต่หัวเราะอยู่ในใจ ธาตุอื่นๆข้าก็ไม่ต้องการอีก เเล้วยิ่งมีเจ้าเต่าอยู่ด้วยนะ จะมีใครกันที่สามารถจัดการฆ่าลงได้?

"ท่านมีธาตุอะไร?''

"ถ้าหาก-'' ข้าเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่ได้ฟังคำเตือน หลินเฟยเฟิ่งเมื่อเห็นข้าทำเช่นนั้นนางก็ไม่ได้ห้ามข้า เเต่นางกลับห้ามยามพวกนั้นซะเเทน ซึ่งพวกเขาก็รู้อยู่เเล้วว่าข้าคือใคร เเละหลินเฟยเฟิ่งคือใคร

คลื่นน ฟึบๆ

ไฟอันร้อนเเรงได้ปะทุใส่ข้าเมื่อข้าเข้าไปยังภูเขาไฟสวรรค์ เหล่าจอมยุทธที่เเข็งเเกร่งได้จ้องมองข้าที่ไม่ได้มีธาตุไฟ เเละคิดว่าข้าคงจะโดนเผาตายอย่างเเน่นอน กลับกันข้าไม่ได้โดนเผา เเต่สีหน้าข้ามันดีมากๆ เหมือนอยู่ในห้องซาวน่า มันไม่ได้ร้อนถึงขนาดนั้นหรือข้ามีกายที่เเข็งเเกร่งกันเเน่นะ?

"องค์หญิงหลินเฟยเฟิ่ง…''

"ศิษย์เซียนสวรรค์ลำดับที่หนึ่ง…'' พวกเขาพากันพูดตัวตนของข้าเเละนางออกมา พวกเขาไม่สามารถลุกขึ้นมาคำนับข้าได้เพราะกำลังควบคุมพลังธาตุกันอย่างตั้งใจ

"ไปพบเทพอสูรกัน'' ข้ากล่าวกับหลินเฟยเฟิ่ง เทพอสูรที่ข้าว่าคือนกฟินิกซ์ในตำนาน เเน่นอนว่าหลินเฟยเฟิ่งสามารถไปพบได้อย่างเเน่นอน เพราะนางมีร่างทรงอสูรฟินิกซ์ เเต่ข้าจะเข้าไปพบได้หรือเปล่าก็ต้องมาดูกัน

กี๊สสสสส

เสียงคำรามของฟินิกซ์ดังลั่นทำให้เหล่าจอมยุทธพากันสะดุ้งด้วยความกลัว ฟินิกซ์ล่างสุดของภูเขาไฟสวรรค์ นานๆทีมันจะบินขึ้นมาเเละออกไปจากที่นี่ ข้าเคยเห็นคลิปที่มันพุ่งออกไปอยู่ อลังการสุดๆ ข้าเองก็อยากจะเห็นกับตาสักครั้งเหมือนกัน ฟินิกซ์อยู่ในระดับเทพอสูรก็จริงเเต่มันไม่ได้ทำร้ายมนุษย์ เหล่ามนุษย์จึงพากันบูชามันเเละขอสถานที่อาศัยของมันเป็นที่ฝึกเพราะมันปล่อยไฟที่รุนเเรงออกมาเหมาะกับการฝึกควบคุมธาตุไฟของตน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel