บท
ตั้งค่า

คุณลุง

ตลอดสองข้างทางที่เธอเดินไปมีทั้งแผงลอยและแบบที่เช่าเป็นร้าน บางร้านก็มีพวกอาวุธปืนวางเรียงขายได้อย่างเปิดเผย บางร้านก็คล้ายร้านขายยา หรือสมุนไพรต่าง ๆ แต่สมุนไพรประเภทไหนกันล่ะที่จะมาวางขายในตลาดแห่งนี้ ถ้าไม่ใช่สมุนไพรที่ผิดกฎหมายและให้โทษร้ายแรงต่อร่างกาย

"ถึงแล้วครับ ผมจะรอคุณตรงนี้เพื่อพาคุณกลับออกไปส่งที่ทางเข้า"

คนดูแลพาหนิงซินกับลูกมาหยุดอยู่ที่ร้านตามแผนที่ในกระดาษที่ได้ดู ก่อนจะเปิดประตูให้เธอเดินเข้าไปข้างในได้อย่างสะดวก

"เดี๋ยวฉันเดินไปเองก็ได้ค่ะพี่ชาย ขอบคุณมากนะคะที่พามาส่ง"

"ไม่ได้ครับ ในนี้มีแต่คนมากเล่ห์ เป็นหน้าที่ของผมที่ต้องส่งคุณออกไปให้สำเร็จ รีบเข้าไปทำธุระเถอะครับ"

พอได้ยินที่ฝ่ายตรงข้ามพูดยิ่งทำให้หนิงซินคิดว่าเธอไม่ควรมาที่นี่บ่อย ๆ ครั้งแรกเธอคิดว่าจะเอานาฬิกาออกมาขายครั้งละ 10 เรือนแล้วค่อยมาอีกเรื่อย ๆ แต่พอเห็นแบบนี้ดูท่าว่าเธอคงต้องเปลี่ยนความคิดซะแล้ว

"สวัสดีครับคุณผู้หญิง ไม่ทราบว่าวันนี้มีอะไรให้ผมรับใช้"

เข้าไปถึงข้างในร้านก็มีเจ้าของร้านรีบออกมาทักทายหนิงซินทันที รอบตัวเธอมีข้าวของวางอยู่ในตู้กระจกหลายอย่างเรียกว่ามีทุกจำพวกถึงจะถูก คล้ายว่าที่นี่รับซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้า

"คือฉัน..ฉันเอานาฬิกามาขายค่ะ"

"ขอดูครับ เอาออกมาเลย"

หนิงซินใช้มือข้างที่ว่างอยู่หยิบกล่องนาฬิกาที่อยู่ในถุงผ้าในมือข้างที่อุ้มลูกน้อยออกมาทีละกล่อง จนครบทั้งหมด 30 กล่อง ชายที่เป็นเจ้าของร้านไม่มีอาการตกใจหรือสงสัยเลยแม้แต่น้อย เขาเปิดกล่องแล้วเรียงเป็นแนวอย่างมีระเบียบ

อยู่ ๆ ก็มีชายอีกคนที่ใช้ผ้าปิดคลุมใบหน้าอย่างดีออกมาตรวจดูนาฬิกาที่ถูกเตรียมไว้จนครบทุกเรือน เขาไม่พูดอะไรนอกจากพยักหน้าให้กับชายคนแรก แต่มีครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะเดินจากไป เขาได้หันมาสบตากับเธอ มันทำให้ทั้งสองรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟหมุนเวียนเป็นสนามแม่เหล็กอยู่รอบ ๆ ตัว

"ผมให้ได้เรือนละ 200 หยวน คุณตกลงจะขายให้พวกเราไหม ผมมั่นใจว่าไม่มีใครกล้ารับซื้อของพวกนี้ในครั้งเดียวแน่นอน"

"ตกลงค่ะ"

มีคำถามมากมายที่ผุดขึ้นในหัวของหนิงซิน พวกเขาไม่ถามแม้แต่คำเดียวว่าเธอไปเอานาฬิกาพวกนี้มาจากที่ไหน ทั้งที่ของแบรนด์ดังขนาดนี้ หากในเวลานี้ต้องมีเงินมากแค่ไหนถึงจะครอบครองได้ทั้ง 30 เรือน

"นี่เงินของคุณครับ 6,000 หยวน เดี๋ยวคนของเราจะออกไปส่งคุณที่หน้าทางเข้า ผมขอเตือนว่าอย่าพูดกับใคร ถ้าไม่มีความจำเป็นก็อย่าเข้ามาที่นี่อีก แต่หากคุณจำเป็นจริง ๆ ให้ใช้กระดาษแผนที่แผ่นนั้นเป็นบัตรผ่าน ตราบใดที่คุณมีกระดาษแผ่นนั้นคุณจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในนี้"

"ขอบคุณค่ะ"

หนิงซินตรวจนับเงินที่อยู่ตรงหน้าจนครบถ้วนแล้วเก็บใส่ถุงผ้าของเธอ แต่ไม่มีใครรู้ว่าหลังจากล้วงเข้าไปในถุงผ้านั้นเงินของเธอก็ถูกเก็บเข้าไปในมิติเรียบร้อยแล้ว

"เดินตามผมมาทางนี้เลยครับ"

ขากลับหนิงซินได้มองดูรอบ ๆ อีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองมาเดินอยู่ในตรอกไอแอกอน ในหนังเรื่องแฮรี่พอตเตอร์ พอผ่านบานประตูออกไปก็กลายเป็นอีกโลกใบหนึ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

"ขอบคุณมากค่ะพี่ชาย"

"เป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ"

หลังจากออกมาพ้นบานประตูหนิงซินก็รีบตรงไปที่จักรยาน จัดท่านั่งให้ลูกน้อยแล้วปั่นออกไปจากที่นี่ทันทีโดยไม่รู้ว่ามีใครบางคนกำลังขับมอเตอร์ไซค์ตามหลังเธออยู่ห่าง ๆ

"ลูกพี่ทำตัวเหมือนพวกโรคจิตเลยนะครับรู้ตัวไหม"

หมิงเจ๋อที่เพิ่งรับบทเป็นพ่อค้ารับซื้อนาฬิกาเสร็จก็ถูกเจ้านายลากตัวให้มารับหน้าที่คนขับมอเตอร์ไซค์ต่อ เจ้านายของเขาก็ช่างปะไร รถยนต์ดี ๆ มีก็ไม่ขับ ชอบนักแว้นมอเตอร์ไซค์ไปมาทำตัวไม่สมฐานะไปได้

"ถามจริง ฉันดูเหมือนคนโรคจิตจริง ๆ เหรอ ตอบดี ๆ นะหมิงเจ๋อ นายอยากตกงานรึเปล่า"

"โธ่ลูกพี่ ขู่แบบนี้ยังจะต้องการคำตอบแบบจริงจังอีกเหรอครับ"

"หึ! ขับตามเธอไปเร็วเข้า เงินมากขนาดนั้นทำไมยังไม่รีบเข้าบ้าน เดี๋ยวก็เกิดเรื่องจนได้"

ในขณะที่หนิงซินกำลังปั่นจักรยานไปกับเป่าเปาโดยที่ไม่ทันระวังตัว ชายเร่ร่อนคนหนึ่งที่อยู่แถวริมถนนก็พุ่งเข้าไปกระชากถุงผ้าที่หนิงซินสะพายอยู่จนทำให้เธอเสียหลักจักรยานล้มไม่เป็นท่า

"ว้าย!"

โคร้ม

"ฮื้อออ  แม่จ๋า  ฮี้ออเป่าเปาเจะ"  (เป่าเปาเจ็บ)

"ช่วยด้วยค่ะ ใครก็ได้ช่วยด้วย เป่าเปาเป็นยังไงบ้างลูก"

หนูน้อยเป่าเปากระเด็นตกจากจักรยานจนร่างน้อยกระเด็นไปชนกับริมฟุตบาท บริเวณหัวมีรอยแตกจนเลือดไหลซึมออกมา ส่วนหนิงซินขาของเธอเข้าถูกม้วนเข้าไปติดอยู่ระหว่างโครงจักรยานจนทำให้ลุกไปดูลูกน้อยไม่ได้

"ฮื้ออ แม่จ๋าเจะ ฮึก ฮื้ออ"  (แม่จ๋าเจ็บ)

"โอ๊ย มาหาแม่จ๋าเร็วลูก"

หนิงซินพยายามลากสังข์ขาลตัวเองมาหาลูกน้อยด้วยความร้อนใจ เป็นจังหวะเดียวกับที่ชางหยวนเข้ามาถึงตัวสองแม่ลูกพอดี

"หมิงเจ๋อช่วยเอาขาเธอออกจากจักรยานเร็วเข้า หนูน้อยไม่ร้องนะครับ โอ๋ ๆ เดี๋ยวลุงจะพาไปหาแม่ของหนูนะ"

"เป่าเปาลูก ฮึก หนูเป็นยังไงบ้าง"

"ฮึก หาแม่จ๋า"

หนูน้อยที่กำลังขวัญเสียถูกปลอยประโลมพร้อมกับอุ้มมาส่งให้ถึงอ้อมกอดของผู้เป็นแม่ ชางหยวนที่เห็นแผลที่หัวของหนูน้อยเลือดไหลออกมาไม่หยุดเลยถอดเสื้อคลุมออกมาให้หนิงซินใช้กดแผลของหนูน้อยเอาไว้ก่อน

"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมาก ไม่ร้องนะลูก แม่จ๋าขอโทษที่ไม่ระวัง"

"เอาเสื้อผมกดแผลให้ยัยหนูไว้ก่อนสิครับ เดี๋ยวผมกับลูกน้องจะช่วยกันเอาของคุณออกจากจักรยาน คงต้องใช้เวลาอีกหน่อย"

"ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากจริง ๆ"

"ฮื้ออ ฮึก แม่จ๋า เจะโอ๊ะ ๆ เยย ฮึก"  (แม่จ๋าเจ็บโอ๊ย ๆ เลย)

"แม่จ๋าเป่าเพี้ยงหายเลยดีไหม"

"ขาแม่จ๋าเจะม้าย"

ต่อให้ตัวเองเลือกไหลร้องไห้อยู่ หนูน้อยก็อดเป็นห่วงแม่จ๋าของเธอไม่ได้ แค่มองเห็นขาของแม่ที่ติดอยู่ในตัวรถมีเลือดซึมออกมา เท่านั้นหนูน้อยก็น้ำตาซึมไม่หยุดแล้ว

"อีกนิดเดียวนะครับ เดี๋ยวลุงหมุนน็อตออกแล้วลุงจะพาหนูกับแม่ไปโรงพยาบาลนะ ไม่ต้องร้อง คนเก่งไม่ร้องไห้เพราะตกจักรยานจริงไหมครับ"

ชางหยวนพยายามพูดคุยเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของหนูน้อย ในระหว่างที่เขากับหมิงเจ๋อกำลังช่วยกันคลายน็อตออก

"คงเก่งไม่ย้องหย๋อ ฮึก เป่าเปาคงเก่งนะคุงลุง"  (คนเก่งไม่ร้องหรอ เป่าเปาคนเก่งนะคุณลุง)

"เด็กดี ถ้าอย่างนั้นเป่าเปาก็จะหยุดร้องไห้แล้วจริงไหม เดี๋ยวลุงซื้อไอติมให้เป็นรางวัล"

"ฮึก ติมหย๋อ" (ไอติมหรอ)

"ใช่ครับไอติม เอาเป็นรางวัลให้คนเก่งหลาย ๆ แท่งเลยดีไหม"

"ฮึก ดีค้า"

ในที่สุดน็อต 2 ตัวก็คลายออกได้สำเร็จ หนิงซินสามารถเอาข้อเท้าที่ติดอยู่ข้างในออกมาได้สำเร็จทว่า..

"อ๊ะ! ซี๊ดด"

"เป็นยังไงบ้างครับคุณ"

ด้วยความรีบร้อน หนิงซินตั้งท่าจะลุกขึ้นแต่อาการเจ็บเสียดที่ข้อเท้าก็พุ่งปรี๊ดขึ้นเล่นงาน ทำเอาเธอต้องรีบเกาะแขนชางหยวนเอาไว้เพื่อการทรงตัวเพราะกลัวลูกน้อยจะตก

"เจ็บที่ข้อเท้าค่ะ"

"ผมว่าข้อเท้าน่าจะพลิกครับ หมิงเจ๋อเอารถมาเร็วเข้า ขอโทษที่ต้องล่วงเกินนะครับ เราต้องรีบไปหาหมอ"

ทันทีที่ลูกน้องเอามอเตอร์ไซค์มาจอดเทียบข้าง ชางหยวนก็รีบอุ้มหนิงซินขึ้นนั่งประจำที่พร้อมกับยัยหนูเสี่ยวเปา แล้วเขาก็เป็นคนขับพาทั้งสองมุ่งหน้าไปที่โรงพยาบาล

"จัดการทางนี้ให้เรียบร้อยนะหมิงเจ๋อ"

"ครับลูกพี่"

สองแม่ลูกที่ยังขวัญเสียอยู่ได้แต่นั่งนิ่ง ยินยอมให้ชางหยวนพาไปหาหมอแต่โดยดี  หนิงซินได้แต่คิดในใจว่า ยังโชคดีที่มีคนจอดรถช่วยเธอกับลูก

แอ้นนนน  แอ้นนนน

หน้าโรงพยาบาล

"อุบัติเหตุรถล้ม เด็กหัวแตกมาครับ ส่วนแม่เจ็บที่ข้อเท้า"

พอจอดรถที่หน้าทางเข้าแผนกฉุกเฉิน ชางหยวนก็รีบแจ้งอาการเบื้องต้นให้บุรุษพยาบาลได้รู้ เพื่อจะได้แจ้งหมอได้ถูกต้อง

"ได้ครับ ญาติเชิญกรอกเอกสารด้านนี้นะครับ"

ในระหว่างที่สองแม่ลูกถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินไป แต่ชางหยวนกลับยืนมองเอกสารที่ต้องกรอกข้อมูลด้วยความมึนงง แต่เหมือนฟ้ามาโปรดเมื่อเสียงของเพื่อนรักของเขาดังขึ้นในเวลาที่เขาต้องการความช่วยเหลือ

"อาหยวน นายมาทำอะไรที่นี่ ใครเป็นอะไร"

คุณหมอหนุ่มโม่ฟางทักทายสหายพร้อมกับก้มมองที่ใบประวัติคนไข้ที่ยังว่างเปล่าอยู่

"คนรู้จักเกิดอุบัติเหตุ แต่ฉันไม่รู้จะกรอกประวัตินี่ยังไงดี นายช่วยฉันหน่อยสิไอ้หมอ"

"ยังไงกัน ก็นายบอกเองว่าเป็นคนรู้จัก แล้วทำไมนายไม่กรอกเอกสารไปล่ะ"

คำพูดของเพื่อนรักยิ่งทำให้คุณหมอหนุ่มมึนงงมากกว่าเดิม แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าเจ้าเพื่อนคนมันดูเสียอาการเหมือนมีอะไรปิดบังอยู่

"ก็เธอไม่รู้ว่าฉันรู้จักเธอ แล้วฉันจะกรอกเอกสารได้ยังไงเล่า นายก็ช่วยฉันคิดหน่อยสิวะ"

"เหอะ! หมายความว่าเพื่อนฉันแอบสืบเรื่องผู้หญิง เท่านั้นไม่พอยังทำตัวเป็นพวกโรคจิตคอยตามดูเธอจนเกิดอุบัติเหตุเลยช่วยไว้ทันอย่างงั้นสิน่ะ"

โม่ฟ่างแค่นหัวเราะราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันชั่งเหลือเชื่อเกินจะบรรยาย

"มันรู้ได้ยังไงวะ"

"ไม่ต้องมาบ่อนอุบอิบ ตอบมาแค่ว่าคนนี้นายจริงจังรึเปล่า ตอบเท่านั้นแล้วฉันจะช่วยนาย"

"นายก็พูดอย่างกับฉันเคยยุ่งกับผู้หญิงที่ไหนไปเรื่อย เธอเป็นคนที่เฮียจื่ออันกับอาซ้อให้หาประวัติให้ แล้ววันนี้อยู่ ๆ เธอก็ถูกพวกคนจรกระชากกระเป๋าจนเสียหลักจักรยานล้ม ลูกของเธอก็หัวแตก ส่วนตัวเธอเองก็ปวดที่ข้อเท้า"

"อ๋อ เป็นแบบนี้นี่เอง แล้วเธอไม่มีสามีเหรอ เดี๋ยวฉันแจ้งให้"

"กำลังจะหย่า"

"อือ ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจัดการเอง ถ้าสวยหน่อยก็จะให้รุ่นน้องที่ยังโสดอยู่คอยตามดูแล"

"อย่านะไอ้หมอ ถ้านายกล้าฉันจะบอกเหมยลี่ว่ามีคุณหมอสาวสวยคนใหม่มาตามติดนาย"

"อ้าวว เพื่อนรัก"

"จะเอาไง?"

"ไม่เอาครับลูกพี่ เดี๋ยวผมจะไปจัดการตามที่ลูกพี่สั่งเองครับ"

ทั้งสองหนุ่มเดินตามกันไปที่หน้าห้องฉุกเฉินที่สองแม่ลูกรักษาตัวอยู่ ชางหยวนถูกปล่อยให้รออยู่หน้าห้อง ส่วนหมอโม่ฟางรีบเข้าไปดูคนไข้ด้านในช่วยหมอและพยาบาลที่เหลือ

20 นาทีต่อมา

หนิงซินที่นั่งอยู่บนรถเข็นถูกพาออกมาจากห้องฉุกเฉินหลังจากที่ตรวจข้อเท้าแล้ว ส่วนหนูน้อยเป่าเปาก็นั่งอยู่บนตักของมารดาไม่ยอมห่าง บนหน้ามีผ้าก๊อซปิดรอยแผลแตกที่ถูกเย็บไป 2 เข็มเอาไว้

"คนไข้ต้องไปรับยาและจ่ายค่ารักษาทางด้านนั้นนะคะ"

"เดี๋ยวผมจัดการเองครับ"

เมื่อพยาบาลเห็นว่าชางหยวนรีบลุกขึ้นอย่างขึงขังแล้วเดินเข้าไปหาสองแม่ลูก เธอจึงนึกว่าชางหยวนเป็นสามีของคนไข้จึงบอกญาติของผู้ป่วยว่าต้องไปทำอะไรที่จุดไหนบ้าง

"คุงลุง"  (คุณลุง)

"ครับ หนูเก่งมากรู้ไหม ถ้าเป็นลุงคงร้องไห้แง ๆ เลย"

ชางหยวนชวนหนูน้อยพูดไป เท้าของเขาก็เดินเข็นรถไปที่หน้าห้องจ่ายยาไปด้วยในเวลาเดียวกัน

"เป่าเปาเก่งหย๋อ"  (เป่าเปาเก่งหรอ)

"เก่งมากครับ"

"แย้วแม่จ๋าเก่งยึป่าว"  (แล้วแม่จ๋าเก่งรึเปล่า)

"เก่งครับ ผมชื่อชางหยวน เดี๋ยวรับยาเสร็จผมจะไปส่งคุณกับเป่าเปาที่บ้านนะครับ อาการแบบนี้คงเดินไม่ถนัด"

ชายหยวนเอ่ยกับหนิงซินเมื่อเขายื่นเอกสารที่หน้าห้องจ่ายยาเสร็จแล้ว

"ฉันชื่อหลี่หนิงซินค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉันกับลูก ถ้าไม่ได้คุณป่านนี้ไม่รู้ว่ายัยหนูจะเสียเลือดไปมากแค่ไหน ผิดที่ฉันประมาทไปเอง"

"คุณอย่าโทษตัวเองเลยครับ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น คราวหน้าคุณต้องเพิ่มการระวังตัว จริงอยู่ที่เศรษฐกิจบ้านเมืองดีขึ้น แต่คนเร่ร่อนก็ยังมีอยู่มาก ว่าแต่ทรัพย์สินของคุณมีอะไรถูกขโมยไปบ้างครับ เราไปแจ้งความกันดีไหม"

"อย่าเลยค่ะ ในกระเป๋าผ้าในนั้นมีแค่ของใช้ของเด็ก อย่างอื่นฉันเก็บไว้อย่างดีค่ะ"

"เอาอย่างนั้นก็ได้ครับ ว่าแต่บ้านของคุณอยู่ที่ไหน เดี๋ยวผมไปส่ง"

"ซอยร้านค้าทางเข้าเมืองค่ะ"

"เอ๊ะ ใช่ร้านของเฮียจื่ออันไหมครับ ถ้าเป็นที่นั่นผมก็กำลังจะเข้าไปพอดีเลย"

"ใช่ค่ะ บังเอิญจัง เอาเป็นว่าฉันขอจ่ายค่าโดยสารนะคะ"

ระหว่างที่คุยกัน ชื่อของหนิงซินก็ถูกเรียกให้ไปจ่ายค่ารักษาพยาบาล พร้อมกับรับยาแล้วกลับได้ ซึ่งชางหยวนก็เป็นคนจัดการทั้งหมด

"อย่าเลยครับ ถึงคุณไม่ไปผมก็จะไปหาพี่ชายที่นั่นอยู่แล้ว"

"เกรงใจจะแย่อยู่แล้วค่ะ งั้นวันหลังถ้ามีโอกาสฉันขอเป็นเจ้าภาพเลี้ยงข้าวคุณเป็นการตอบแทนนะคะ"

"ด้วยความยินดีครับ"

ทั้ง 3 คนกลับออกมาที่หน้าโรงพยาบาลก็พบว่าหมิงเจ๋อนำรถยนต์มารอรับอยู่ที่หน้าตึกแล้ว ส่วนหนิงซินก็พยายามเอาค่ายาของเธอคืนให้ชางหยวนแต่ก็ไม่เป็นผล

ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีชางหยวนก็ส่งสองคนแม่ลูกเข้าบ้านได้อย่างปลอดภัยก่อนจะรีบกลับออกไปเพราะเกรงว่าเธอจะอึดอัดหากเขาอยู่วุ่นวายนานเกินไปมากเกินไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel