ตอนที่ 6 บ่าวเช่นเจ้ามักชอบตุ๊กแก จิ้งจก ขนาดนั้นเลยหรือ
มือเรียวค่อยๆพลักประตูไม้ก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปดูราดราว เมื่อพบว่าไม่มีผู้ใดอยู่ถึงได้แทรกตัวเองเข้าไปช้าๆ ร่างบางเดินสำรวจภายในห้องกว้าง ชั้นว่างตำรานับ 20 แถว ล้วงมีหนังสือและตำราต่างๆ ถูกจัดเรียงเอาไว้เต็มชั้นอย่างเป็นระเบียบ มีทางเดินเป็นทางตรงกลาง ด้านหน้าสุดมีโต๊ะไม้สำหรับอ่านหรือเขียนตำรา และชุดโต๊ะน้ำชา 1 ชุด ที่คาดว่าน่าจะเอาไว้สำหรับสนทนาหรือหารือต่างๆ ชาติที่แล้วนางเป็นพนักงานออฟฟิตก็จริง แต่สถานที่ทำงานของนางอยู่ในตึกบรรณสารของมหาลัย ถึงแม้ไม่ได้เป็นบรรณารักษ์ที่ดูแลเรื่องหนังสือ แต่นางก็พอมีความรู้มาบ้าง ไม่รู้สวรรค์แกล้งนางหรือใจดีกับนาง เพราะนี้ดูเหมือนว่างานที่หญิงสาวได้รับมอบหมายดูจะไม่ยากเกินความสามารถ ดูแลเรือนตำราก็ดีถึงอย่างไรก็มิค่อยมีคนพุ่งพลาดเป็นแน่ คนที่นี้ส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้หนังสือ หรือเรียกว่าชาวบ้านธรรมดานั้นรู้หนังสือนับคนได้ ผู้คนที่จะมาเยือนที่นี่ดูเหมือนจะมีไม่กี่คนและหนึ่งในนั้นคือเจ้าของเรือนแห่งนี้ คนที่นางไม่อยากพบหน้ามากที่สุด
"เอาเถอะ หลี่ซิ่วอิง ด่านแรกผ่านไปแล้วต่อไปนี้เจ้าก็ตั้งใจทำงานใช้ชีวิตให้เมือนตุ๊กแก จิ้งจก กลืนกินไปกับกำแพงและผนังจวน ถึงมีตัวตนก็มิได้มีผู้ใดสนใจ"
หลี่ซิ่วอิงเอ่ยด้วยใบหน้าของความเด็ดเดี่ยว ให้กำลังใจตนเอง
"บ่าวเช่นเจ้ามักชอบตุ๊กแก จิ้งจก ขนาดนั้นเลยหรือ"
ผู้ที่อยู่ก่อนแล้วเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะปรากฏร่างที่ส่วมอาภรณ์ที่คุ้นตาเพราะนางพึ่งเคยเห็นเมื่อหนึ่งชั่วยามที่แล้ว ดวงตาสีสนิมจ้องมองมายังหญิงสาวจนนางเองก็ไม่สามารถละสายตาจากความน่าดึงดูดนั้นได้ มันเต็มไปด้วยความน่าเกรงขามและอบอุ่นไปด้วย ชั่งเป็นสายตาที่มีเสน่ห์ คำกล่าวในนิยายบรรยายถึงสายตาของตัวร้ายว่า สบตาเพียงครั้ง…ยอมจำนนทั่วล้า วันนี้หญิงสาวได้ประจักษ์แล้วเมื่อได้สบตากับเขาเข้าอย่างจัง คงมีเพียงนางเอกในนิยาย จางเซียวเหยียนเท่านั้นที่สายตาของเขาผู้นี้มิมีผล และนั้นทำให้เว่ยตงหยาง หรือที่ใครต่างเรียกเขาว่าเว่ยอ๋องผู้นี้สนใจนางและสุดท้ายก็หลงรักนางในที่สุด
"ขออภัยท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันมิทราบว่าท่านประทับอยู่ เช่นนั้นมิรบกวน หม่อมฉันขอตัวออกไปก่อนเพคะ"
หลี่ซิ่วอิง รีบเรียกสติตนเองก่อนที่จะเก็บท่าทางที่ดูตื่นเต้นนี้ไว้ คำราชาศัพท์ที่ผิดๆถูกๆถูกเอ่ยออกไปด้วยความไม่รู้ หากตนเองเผลอทำกิริยาที่ไม่เหมาะเกรงว่านางคงจะได้เป็นบ่าวรับใช้ที่มีอายุการทำงานในจวนแห่งนี้น้อยที่สุดเสียแล้ว
"ชา"
คำพูดห้วยๆของชายหนุ่มเป็นคำตอบว่านางไม่ต้องออกไป เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่หญิงสาวเอ่ยเมื่อสักครู่ นางตอนนี้ท่าทีดูตื่นตะหนกเมื่อได้พบเขา แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีเหมือนอย่างเช่นสาวใช้ก่อนหน้านี้ที่เมื่อเขาเอ่ยด้วยท่าทางเป็นกันเองก็มักเข้าหาเขาตั้งแต่ครั้งแรก บ้างตกใจกลัวจนหนีเตลิดไปก็มี ชื่อเสียงและสิ่งที่ผู้คนเอ่ยถึงเขานอกจวนแห่งนี้เขาพอได้ยินมาบ้าง ก็มิแปลกที่พวกนางจะเป็นเช่นนั้น ทุกคนที่เข้ามาที่นี่นั้นล้วนมีจุดประสงค์กันทั้งนั้น ไม่แม้แต่นางก็ตาม
จ๊อก~~~
เสียงน้ำชาจากเหยือกกระทบกับถ้วยชา ควันขาวลอยออกมาจากถ้วยตามด้วยกลิ่นหอมของชาชั้นดี หญิงสาวรินเสร็จก็รีบถ่อยห่างทันที ก่อนจะถือข้าวของสำหรับทำความสะอาดเตรียมหายตัวออกไปจากเรือนนี้ให้เร็วที่สุด
"นั้นเจ้าจะไปที่ใด"
หลี่ซิ่วอิงเดินไปได้เพียงครึ่งก้าวก็ต้องชะงักฝีเท้าของตนเองไว้ รีบหันมาทางชายหนุ่มและคุกเข้าลงที่พื้นทันที น้ำเสียงที่นางได้ยินนั้นดูจะแข็งกร้าวมากกว่าประโยคเมื่อสักครู่ ไม่รู้ว่านางทำสิ่งใดผิด ทางที่ดีนางต้องเรียบคุกเข่าดูท่าจะดีที่สุด
"ระ...เรียนท่านอ๋อง หม่อมฉันเกรงว่าจะรบกวนท่านอ่านตำรา หากทำความสะอาดเวลานี้คงไม่ดีเลยจะออกไปก่อนเพคะ"
"ข้าบอกให้เจ้าใช้คำเช่นไร"
"....."
"ออกไป แล้วรับเงินกับพ่อบ้านตู๋"
เสียงเข้มเอ่ยด้วยท่าทางหงุดหงิด หลี่ซิ่วอิงที่ได้ยินถึงกลับใบหน้าซีดเผือกอีกคร่า นางพึ่งมาอยู่ยังไม่ครบวันด้วยซ้ำ แต่กลับถูกชายหนุ่มไล่ออกถึง 2 ครั้งเช่นนี้
"ขออภัยท่านอ๋อง ให้โอกาสหม่อม...ขะ...ข้าสักครั้งเจ้าค่ะ"
หลี่ซิ่วอิงไม่พูดเปล่ายังเขกหัวไปที่พื้นอย่างอ้อนวอน เวลาผ่านไปเพียงครู่แต่เป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับหญิงสาวเหลือเกิน นางโคกหัวจนหน้าผากแดงก่ำถึงได้สัญญาณจากชายหนุ่มให้พอ
"เอาตำราที่พื้นไปแยกประเภทแล้วใส่ชั้นให้หมด หากผิดแม้แต่เล่มเดียวคงรู้นะว่าต้องทำเช่นไร"
"เจ้าค่ะ ข้าทราบแล้ว ขอบคุณท่านอ๋อง"
หลี่ซิ่วอิงรีบเอ่ยขอบคุณ จากนั้นรีบเดินไปยังตำรากองโตทางมุมห้อง คาดว่าตรงนี้น่าจะนับว่ามีเกือบร้อยตำราก็ว่าได้ อีกทั้งยังกระจัดกระจายกันไปหมด เห็นทีว่างานที่นางคิดว่าสวรรค์เข้าข้างก่อนหน้านี้ เกรงว่าตอนนี้คงมิใช่เสียแล้ว
ตุ๊บ!
เสียงตำราที่หญิงสาวหอบเสียจนล้นแขนตกกระทบพื้น ท่ามกลางความเงียบเช่นนี้เดิมก็ดังอยู่แล้ว แต่สถานการณ์ที่เงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจ ไม่ต้องคิดเลยว่าตำราไม้ที่ทำจากไม้ไผ่ร้อยเข้าด้วยกันจะดังแค่ไหน
ใบหน้าคมละสายตาจากตำรามองมาทางหญิงสาว ที่ตัวสั่นเทาขณะที่ก้มลงหลิบตำราที่พื้น ดวงตาของนางกลมโตปานไข่ห่านเมื่อเขามองไป
"จิ๊งจกหรือตุ๊กแกเหมาะกับเจ้าอย่างที่เจ้าว่า"
เว่ยตงหยางเอ่ยเสียงเรียบ มิรู้ว่าเขาคิดถูกหรือคิดผิดที่ให้นางมาทำงานอยู่ที่นี่ ปกติเขาไม่ยุ่งกับเรื่องพวกนี้ ยิ่งหากเป็นบ่าวรับใช้ขัดหูขัดตาเขาเพียงนิดก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่อ กับนางเองเขาก็อ่อนให้หลายส่วน นางก็ไม่มีท่าทีเข้าหาเข้าอย่างเช่นสาวใช้ก่อนหน้านี้ นั่นอาจทำให้เขารู้สึกว่านางเองก็ใช้ได้ สตรีชาวบ้านธรรมดากลับรู้หนังสือเช่นนางนับว่าหายาก บุตรสาวบุตรชายจวนขุนนางบางคนถึงมีอาจารย์คอยสั่งสอน บางคนยังมิรู้หนังสือก็มีให้เห็นมิน้อย
"ขออภัยท่านอ๋อง"
ร่างบางรีบเก็บตำราที่ตกพื้น จากนั้นนำไปแยกใส่ชั้นให้เรียบร้อย
ภายในเรือนที่มีเพียงแสงเทียนติดบริเวณต่างๆ มีประตูทางออกแค่ทางเดียวและหน้าต่างอีกไม่กี่บาน บรรยากาศภายในเรือนนั้นทำให้ผู้ที่อยู่ในห้องรู้สึกอบอ้าวไปบ้าง แต่สำหรับหลี่ซิ่วอิงแล้วกลับรู้สึกเย็นระเยือก นางใช้เวลากว่า 2 ชั่วยามในการนำตำราไปเก็บที่ชั้น จนล้วงเลยมาจนถึงต้นยามซวีแล้วยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย พ่อบ้านอู๋บอกว่าบ่าวรับใช้ต้องสลับมากินข้าวกัน ก่อนปลายยามโหย่ว แต่เรือนแห่งนี้มีคนดูแลแค่คนเดียวจะมีผู้ใดมาสับเปลี่ยนกับนางกัน หากเป็นเช่นนี้ทุกวันเกรงว่านางคงผอมตายเป็นแน่ อ่องตัวร้ายนี่ก็ชั่งประไรกันดึกขนาดนี้ยังอ่านตำราอยู่ได้ไม่หิวไม่เหนื่อยกันหรืออย่างไร
'แต่จะว่าไปใบหน้าที่สมบรูณ์แบบของเขานี้ก็เป็นอาหารตาที่ดีเหมือนกันนะ ดูคิ้วสีดำเข้มนั้นสิมิรู้ว่าในยุคโบราณเช่นนี้เหตุใดทรงคิ้วเขาถึงได้ดูงดงามเช่นนี้กันนะ ไหนจะดวงตาคมสีสนิมเอกลักษณ์ทีมีเสน่ห์นั้นอีก จมูก...ยามแสงจากโคมไฟตกกระทบใบหน้านั้น เหมือนกับใส่ฟิวเตอร์โทนภาพเก่าๆในยุคของข้าอย่างไรอย่างนั้น เฮ้อ~~~ เสียดายจริงๆ ที่บทสรุปเขาต้องพ่ายให้กับความรักและอยู่อย่างสันโดด ไม่คิดมีคนรักชั่วชีวิต'
หญิงสาวเอ่ยกับตนเองในใจ ขณะที่ในมือก็ถือพัดคอยพัดให้ชายหนุมอยู่ห่างๆ บางครั้งนางก็แทบกลั้นหายใจกลัวว่าจะไปรบกวนชายหนุ่มจนถูกไล่ออกอีกครั้ง ก่อนที่จะคิดอะไรไปได้มากกว่านี้ อาการเหม่อเลยเมื่อสักครู่ก็ต้องชะงักและแทนที่ด้วยอาการตกใจ เมื่อจู่ๆชายหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นอย่างกระทันหัน พลางหันมาทางหญิงสาวที่ค่อยรับใช้เขากว่า 2 ชั่วยามที่ผ่านมา ก็พบเข้าดวงตากลมโตที่ตื่นตนกเหมือนกวางน้อยทุกคราที่เขามองไป
"ดูแลที่เหลือให้เรียบร้อย"
เขาเอ่ยสั่งเพียงสั้นๆ ก่อนจะเดินออกไป ทิ้งให้หญิงสาวที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ยิ้มล่าออกมาตามหลังชายหนุ่ม
