บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 นางจากไปแล้วจริงๆ

ภาพของบุรุษที่นั่งคุกเข่าอยู่หน้าหีบศพของภรรยา สร้างความสะเทือนใจให้แก่ผู้ที่เดินทางมา ร่วมพิธีไว้อาลัยในวันนี้เป็นอย่างมาก ตระกูลหลูทันทีที่ได้ทราบข่าว ก็พากันเดินทางมายังจวนตระกูลหลัว ด้วยหัวใจที่แตกสลาย ยังดีที่มีหลานชายตัวน้อย คอยช่วยเยียวยาทุกคน

“หลานชายผู้น่าสงสารของข้า” หลูฮูหยินอุ้มทารกน้อยพลางร่ำไห้ออกมา

“หลูฮูหยิน…เป็นพวกข้าที่ดูแลนางไม่ดี ฮึก….” หลัวฮูหยินสะอื้นไห้ หลูฮูหยินเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย แววตาหาได้มีความโกรธเคืองไม่

“เจ้ากล่าวอันใดเยี่ยงนั้น นางไม่มีวาสนาที่จะได้อยู่ต่อเอง เป็นความผิดเจ้าที่ใดกัน”

หลูฮูหยินเคยนำช่วงเวลาตกฟากของหลูชิงเหลียน ไปให้ท่านปรมาจารย์นักพรต จากอารามหลัวเซิง ตรวจดูดวงชะตาให้แก่บุตรสาว ตั้งแต่ครั้งที่หลูชิงเหลียนยังเป็นเด็กแล้ว เพราะตั้งแต่หลูชิงเหลียนเกิดมา นางก็มีร่างกายอ่อนแอ ไม่คิดว่าพอเติบโตขึ้น จะสามารถฝึกวรยุทธ์ และสามารถล้มบุรุษร่างใหญ่กว่าได้

“ถะ…ถึงอย่างไร ก็นับว่าเป็นความผิดของพวกเรา พวกเราช่วยนางเอาไว้ไม่ได้” หลัวฮูหยินกล่าวโทษพวกตนทั้งน้ำตา หลูฮูหยินจึงส่งร่างเล็กของหลานชาย ไปให้แม่นม ก่อนที่นางจะหันกลับมาคว้ามือของหลัวฮูหยิน

“ท่านอย่าโทษตนเองเลย เรื่องนี้ถือว่าเป็นนางที่โชคร้าย ยังดีที่หลานชายของพวกเรา คลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย” หลูฮูหยินฝืนใจกล่าวออกมา

มีหรือที่ในใจนาง จะไม่บอบช้ำ จากการสูญเสียบุตรสาวเพียงคนเดียวไป ทว่านี่ก็เป็นไปตามคำทำนาย ที่ท่านปรมาจารย์นักพรตเต๋า จากอารามหลัวเซิงเคยกล่าวเอาไว้ ว่าในภายภาคหน้า นางจะได้พบเจอกับการสูญเสีย และการเกิดใหม่พร้อมๆ กัน และถึงแม้จะสิ้นหวัง แต่ก็ยังมีความหวัง จนถึงยามนี้ หลูฮูหยินเองก็ยังไม่เข้าใจ กับคำทำนายที่ว่า ยังมีความหวัง นั้นหมายความว่าอย่างไร

ทางด้านโถงที่ใช้จัดพิธีไว้อาลัย ยามนี้เหลือเพียงหลัวอี้เฉิน ที่ยังคงนั่งเหม่อมอง ไปยังหีบศพของภรรยา ดวงตาทั้งสองข้างยังคงแดงก่ำ เพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ส่วนนายท่านหลัว กำลังนั่งพูดคุยกับนายท่านหลู อยู่ภายในห้องรับรองข้างๆ กัน

“ท่านเองก็ไม่ต้องตำหนิตนเอง ข้าเชื่อว่าเหลียนเอ๋อร์ของพวกเรา จะไม่มีทางกล่าวโทษพวกท่าน เพราะนี่ถือเป็นโชคชะตาของนาง”

นายท่านหลู หรือเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟงกล่าวออกมา เขายกถ้วยชาขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเครือ ผู้เป็นบิดาย่อมเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่โชคชะตา ก็เป็นสิ่งที่สวรรค์กำหนด มิอาจฝ่าฝืนได้

“เหตุใดนางถึงได้โชคร้ายถึงเพียงนี้ ข้าเอ็นดูนาง เหมือนกับเป็นบุตรสาวแท้ๆ ไม่คิดว่านางจะต้องจากไปก่อนข้า” นายท่านหลัวหลั่งน้ำตาลงมา

บ่าวรับใช้ที่คอยรับใช้นายท่านทั้งสอง อยู่ภายในห้องรับรองนี้ ต่างก็พากันกลั้นน้ำตาเช่นกัน ไม่มีผู้ใดที่จะคิดว่า วันหนึ่งตระกูลหลัว จะได้พบกับความสูญเสีย ฮูหยินน้อยผู้เป็นที่รักของทุกคน

“คนก็จากไปแล้ว ถึงเวลานั้น ก็ให้เฉินเอ๋อร์แต่งภรรยาใหม่เข้ามาช่วยดูแลหลานชายเถิด”

ท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟงกล่าวออกมาจากใจ เขาเห็นลูกศิษย์ผู้นี้ เป็นดังบุตรชายแท้ๆ มาโดยตลอด ครั้นอีกฝ่ายกลายมาเป็นบุตรเขยของเขา เขาก็ยิ่งรู้สึกมีความสุข

แต่ตระกูลหลูของพวกเขา ก็นับว่ามีความเห็นแก่ตัว ที่ไม่เคยบอกกล่าว ถึงดวงชะตาอาภัพของบุตรสาว ให้หลัวอี้เฉินได้รับรู้ล่วงหน้า หากเป็นเช่นนั้น บางทีวันนี้ เขาอาจจะไม่ต้องมานั่งเสียใจอยู่อย่างนี้ก็เป็นได้

“ทะ…ท่านกล่าวอันใดเยี่ยงนั้นขอรับ เหลียนเอ๋อร์เพิ่งจะจากไป อีกทั้งเฉินเอ๋อร์ก็บอกแล้วว่า เขาจะไว้อาลัยให้นางสองปี” นายท่านหลัวโบกมือเป็นพัลวัน กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ ด้วยไม่คิดว่า ท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟง จะใจกว้างถึงเพียงนี้ บุตรสาวแท้ๆ เพิ่งจากไป ก็อยากให้บุตรเขยรับสะใภ้ใหม่แล้ว

“ข้าเพียงอยากให้เจ๋อเอ๋อร์ มีคนช่วยดูแลก็เท่านั้น ถึงมีแม่นมดูแล จะดีเท่าคนเป็นแม่ได้อย่างไร แต่เอาเถิด…ในเมื่อเฉินเอ๋อร์ตั้งใจเอาไว้เช่นนั้น ก็ให้พวกท่านจัดการตามนั้นเถิด แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอ” นายท่านหลัวมองพ่อตาของบุตรชาย ด้วยความรู้สึกสับสน ทว่าก็ยอมรับฟังคำขอของอีกฝ่าย

“สตรีที่จะมาทำหน้าที่มารดาของหลานชายข้า ข้าอยากให้พวกท่านสู่ขอคุณหนูจากตระกูลบัณฑิต”

นายท่านหลัวตาเบิกโต ถึงแม้เมื่อไม่นานมานี้ บุตรชายของเขา จะได้รับตำแหน่งหัวหน้ามือปราบ ของสำนักมือปราบพิทักษ์เมฆามาครอง แต่ก็นับว่าเป็นขุนนางใหม่ และยังเป็นพ่อหม้ายลูกติดอีก ตระกูลบัณฑิตใดกัน ที่อยากจะยกบุตรสาวให้บุรุษที่มาจากตระกูลสามัญชน และมีตำหนิเช่นนี้

“เชื่อข้าเถิด ถึงเวลานั้น ท่านก็จัดการหาสตรี จากตระกูลบัณฑิตให้เขาก็พอ ย่อมมีสักตระกูล ที่ยินดียกบุตรีให้มาเกี่ยวดองกับตระกูลหลัวของพวกท่าน”

ตามคำทำนายของท่านปรมาจารย์นักพรตเต๋า ผู้ที่จะมาดูแลชีวิตใหม่ จะต้องมาจากตระกูลบัณฑิตเท่านั้น นายท่านหลูขนแขนตั้งชัน จะไม่ให้เขาเชื่อ และทำตามคำทำนายได้อย่างไรกัน ในเมื่อสิ่งที่ท่านปรมาจารย์นักพรตเต๋าผู้นั้นทำนายเอาไว้ ได้เกิดขึ้นจริงแล้ว การสูญเสีย คือบุตรสาวของเขา และการเกิดใหม่ ก็คือหลานชายของเขา นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าเหลือเชื่อหรืออย่างไร

หลังจากนั่งพูดคุยปรึกษากันอยู่สักพัก นายท่านหลูก็ออกจากห้องรับรอง ที่อยู่ข้างโถงจัดพิธีไว้อาลัย ให้แก่บุตรสาว ไปพร้อมกับนายท่านหลัว นายท่านทั้งสอง เดินไปหาฮูหยินของพวกตน เพื่อจะไปชื่นชมหลานชายตัวน้อย ปล่อยให้หลัวอี้เฉิน ได้ใช้เวลาร่วมกันกับภรรยา ก่อนที่จะเคลื่อนร่างของนาง ไปฝังไว้ในสุสานประจำตระกูลหลัวในวันรุ่งขึ้น

หลัวอี้เฉินนั่งมองโลงของภรรยา ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไปใกล้ ภาพตรงหน้าช่วยตอกย้ำกับเขาว่า นางจากเขาไปแล้วจริงๆ นางไม่อาจหวนกลับมาหาเขาได้อีกแล้ว ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาซีดเซียว เขาอดหลับอดนอนมาได้สองคืนแล้ว แต่ทว่าเขากลับไม่อยากหลับตาลง เพราะไม่อยากฝันถึงเรื่องราวในอดีต

“เจ้าจะกลับมาหาพี่หรือไม่ เจ้าทิ้งลูกได้ลงคอเชียวหรือ” เขาพึมพำตัดพ้อออกมา นัยน์ตาแดงก่ำ

พาลนึกโกรธพวกโจรป่า ที่ทำให้วันนั้น เขาพลาดช่วงเวลาสุดท้ายของภรรยาไป หากวันนั้นนางกล่าวคำร่ำลากับเขาสักคำ วันนี้เขาอาจจะไม่รู้สึกว่าหัวใจแตกสลาย ถึงเพียงนี้ก็เป็นได้

กู้อี้เห็นท่านหัวหน้าเศร้าโศกเสียใจ ก็พลอยรู้สึกเสียใจไปด้วย ครั้นมองไปยังสตรีที่ร้องไห้จนไม่มีน้ำตา ซึ่งนั่งอยู่หน้าประตูของห้องโถง ก็รู้สึกเห็นใจ เขาเดินเข้าไปหานาง

“กินข้าวบ้างหรือยัง” จิ่งอี๋เงยหน้าขึ้นมองตามเสียง

“พี่อี้…" นางขานชื่อเขาพลางส่ายหน้าไปมา

“ข้ากินไม่ลงเจ้าค่ะ” กู้อี้ยื่นขนมกุ้ยฮวาที่ซื้อมาให้แก่นาง จิ่งอี๋ลังเล แม้ท้องจะหิว แต่นางก็ไม่อยากกิน นางเบือนหน้าเข้าไปภายในโถงพิธี น้ำตาที่เหือดแห้งไปก่อนหน้า ก็ไหลลงมาอีกครา เสียงสะอื้นดังขึ้น ทำให้กู้อี้ตกใจจนต้องโน้มกายเข้าไปโอบกอดนางเอาไว้

“อย่าเสียใจไปเลย เจ้ายังต้องอยู่คอยดูแลคุณชายน้อยให้ดี อย่าทำให้ฮูหยินน้อยของเจ้าผิดหวัง” จิ่งอี๋หลงลืมข้อห้ามระหว่างชายหญิง ยกแขนสองข้างกอดเขาตอบ แล้วปลดปล่อยน้ำตาแห่งความเสียใจออกมา

แม่นมซิ่วมองเห็นการกระทำน่าอับอายของบุตรสาวอยู่ไกลๆ ทว่าวันนี้นางกลับไม่อยากลงโทษจิ่งอี๋ อาจจะเป็นเพราะยามที่คุณหนูยังมีชีวิตอยู่นั้น นางคอยปกป้องจิ่งอี๋มาโดยตลอด หากวันนี้นางลงโทษจิ่งอี๋ คุณหนูที่กำลังมองมาจากที่ไหนสักแห่ง จะต้องไม่พอใจนางเป็นแน่ แม่นมซิ่วเบือนสายตา แล้วหันไปจัดการเรื่องราวต่างๆ แทนฮูหยินใหญ่ทันที

วันต่อมาขบวนแห่ศพของฮูหยินน้อยสกุลหลัว ก็ถูกเคลื่อนไปยังสุสานของตระกูลที่อยู่บนเนินเขา ด้านหน้ามีแม่น้ำไหลผ่าน นับว่าเป็นฮวงจุ้ยที่ดี สถานที่แห่งนี้ หลัวอี้เฉินได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้ เพราะทำความดีความชอบปราบปรามพวกกบฏชายแดนเมื่อปีก่อน หลังจากทำการย้ายบรรพบุรุษตระกูลหลัว มาอยู่ยังสถานที่แห่งนี้แล้ว เขาก็ไม่คิดว่า จะมีวันหนึ่ง ที่ได้นำร่างของภรรยามาฝังเป็นคนต่อไป

“ท่านนักพรต ขอท่านโปรดชี้แนะด้วยเถิด ว่าจุดใดที่เหมาะแก่การฝังร่างลูกสะใภ้ของข้า” นายท่านหลัวเชิญท่านนักพรตมาจากอารามหลัวเซิง ตามคำแนะนำของท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟง

หลังจากท่านนักพรตชี้แนะฮวงจุ้ย สำหรับฝังศพของหลูชิงเหลียนแล้ว นายท่านหลัวจึงสั่งให้คนลงมือขุดหลุม ท่านนักพรตท่องบทสวดจินกวง และบทสวดต่างๆ เพื่อส่งวิญญาณของผู้ล่วงลับ ให้ไปเกิดใหม่

หลัวอี้เฉินมองโลงที่บรรจุร่างของภรรยา กำลังถูกคนช่วยกันยกลงไปในหลุม เขาออกปากห้าม แล้วถลาเข้าไป นายท่านหลัวร้องห้ามเขา กู้อี้เข้าไปดึงรั้งร่างหนาของท่านใต้เท้าเอาไว้ หลัวอี้เฉินร้องไห้ออกมา มองโลงถูกฝังลงดิน หัวใจปวดร้าวเกินจะห้ามได้

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel