ตอนที่ 3 - 1 นางจากไปแล้วจริงๆ
หลังจากที่พิธีฝังร่างของฮูหยินน้อยสกุลหลัวเสร็จสิ้น ทุกคนก็แยกย้ายกันกลับ ที่สุสานจึงเหลือเพียงหลัวอี้เฉินเท่านั้น ที่ยังคงนั่งอยู่หน้าหลุมศพของภรรยา เขานำเหล้ามารินให้นางหนึ่งจอก และตนเองหนึ่งจอก
“ชาตินี้วาสนาของพวกเราช่างตื้นเขินนัก หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เจ้ากลับมาครองคู่กับพี่ อีกครั้งได้หรือไม่” กล่าวจบเขาก็ยกจอกเหล้าขึ้นมากระดก มือหนาที่สั่นเทา ยื่นไปลูบลงบนรอยแกะสลักชื่อของภรรยา
ณ เมืองถง
เสียงท่องตำราดังขึ้นมาจากเรือนหลังใหญ่ ภายในสำนักศึกษาสกุลหลี่ หลี่ต้าถง อดีตบัณฑิตทั่นฮวา ที่ลาออก จากราชสำนัก แล้วกลับมาเปิดสำนักศึกษาอยู่ในเมืองถง ซึ่งเป็นบ้านเดิมของสกุลหลี่
สกุลหลี่เป็นตระกูลบัณฑิต มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษ ทำหน้าที่รับใช้ฮ่องเต้มาหลายสมัย ทว่าพอมาถึงรุ่นของหลี่ต้าถง เขากลับเลือกที่จะถอนตัวออกมา จากวังวนทางการเมือง โดยให้เหตุผลว่า
อยากจะสร้างรากฐานให้แก่ราชสำนัก โดยการปั้นลูกศิษย์ให้มีความสามารถ เพื่อสอบเป็นขุนนางรับใช้ราชสำนักต่อไป แม้ฮ่องเต้จะเอ่ยปากรั้งเขาไม่รู้จักกี่ครั้งกี่หน เขาก็ไม่ยอมใจอ่อน สุดท้ายฮ่องเต้จึงต้องยอมปล่อยให้เขาลาออก
“ท่านอาจารย์หลี่ขอรับ นั่นใช่คุณหนูในจวนท่านหรือไม่” ศิษย์วัยสิบสี่ปีร้องถามท่านอาจารย์หลี่ออกมา
หลังจากที่สายตาของเขาเหลือบมองไป เห็นว่ามีเด็กหญิง น่าจะวัยประมาณสิบสามสิบสี่ปี กำลังวิ่งไล่จับผีเสื้ออยู่ หลี่ต้าถงมองตามสายตาของลูกศิษย์ไป ก็เห็นว่าอีกฝ่ายคือบุตรีคนหนึ่งของตน ที่เกิดจากภรรยารอง ทว่าเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่ไม่น่านำมาพูดคุยโอ้อวดอันใด
นอกจากเกิดมามีใบหน้าที่งดงามแล้ว นอกนั้นก็ไม่มีอันใดให้น่ากล่าวถึงอีก เป็นเพราะเด็กคนนั้นคลอดก่อนกำหนด ทำให้เป็นเด็กที่โง่เขลา เรียนรู้สิ่งใดไม่ได้เรื่องสักอย่าง วันๆ เอาแต่วิ่งเล่นสนุกสนาน ไปเหมือนกับเด็กเล็กๆ เท่านั้น
“เฉินจง เจ้าไปบอกให้อี้เหลียนพาคุณหนูสามกลับเรือนที” เขาหันไปสั่งบ่าวรับใช้คนสนิท
บุรุษที่มีนามว่าเฉินจงคำนับรับคำสั่ง แล้วถอยออกไป เขาเดินไปบอกกับอี้เหลียน ให้พาคุณหนูสามกลับเรือนตามคำสั่งของนายท่าน อี้เหลียนจึงรีบชักชวนคุณหนูผู้น่าสงสาร กลับไปเล่นที่สวนดอกไม้ข้างเรือนที่อยู่เกือบด้านในสุดของจวนทันที
ทว่าระหว่างทางที่อี้เหลียนพาคุณหนูสามกลับเรือน กลับได้พบคุณหนูรอง บุตรสาวของอนุฉินที่กำลังตกปลาอยู่ อีกฝ่ายชักชวนคุณหนูสามให้อยู่เล่นด้วยกัน ก่อนที่จะใช้ให้อี้เหลียนออกไปนำขนม และน้ำชากับสาวรับใช้คนสนิทของตน
คราแรกอี้เหลียนก็ไม่อยากทิ้งคุณหนูสาม ให้อยู่กับคุณหนูรองตามลำพัง ทว่านางก็ไม่อาจขัดคำสั่งของอีกฝ่ายที่เป็นเจ้านายอีกคนได้ นางจึงจำใจต้องจากไป
แต่ก่อนจะตามสาวรับใช้ของคุณหนูรองไป นางก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยกำชับคุณหนูสาม ว่าห้ามเข้าไปใกล้สระน้ำเป็นอันขาด เด็กหญิงที่สติปัญญาไม่ดีย่อมรับคำ ทว่าจะทำตามหรือไม่ก็อีกเรื่อง
หลังจากที่อี้เหลียนจากไป หลี่ชิงหรงก็มองหลี่ชิงเหมียวด้วยแววตาขบขัน มีน้องสาวเช่นนี้ช่างน่าอับอาย หากคนนอกรู้เข้า นางที่ยังไม่ได้ออกเรือน คงจะยากแล้ว เพราะอารมณ์ชั่ววูบทำให้ด้านมืดครอบครองจิตใจ
หลี่ชิงหรงชักชวนหลี่ชิงเหมียว ให้เดินมาหยุดอยู่ริมสระ มอบคันเบ็ดให้อีกฝ่าย หลี่ชิงเหมียวนึกว่าพี่หญิงรองชวนนางเล่นสนุกจึงรับมา หลี่ชิงหรงแสร้งสอนท่าทางการตกเบ็ดให้แก่หลี่ชิงเหมียว ทว่าอีกฝ่ายกลับได้เล่นสนุกอยู่ไม่นาน ก็ถูกฝ่ามือของคนที่นางเชื่อใจ ผลักลงไปในสระน้ำ
หลี่ชิงหรงยืนมองน้องสาวต่างมารดา ตะเกียกตะกายอยู่ภายในสระ ด้วยแววตาเยือกเย็น นางเหลียวมองไปรอบๆ ครั้นเห็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่บริเวณนี้ นางจึงฉีกยิ้มพลางพึมพำออกมา
“จะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออันใด ในเมื่ออยู่ไป เจ้าก็เป็นแค่เพียง สิ่งแปลกปลอมของตระกูลหลี่” นางยืนยิ้มอยู่ได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงสาวรับใช้พูดคุยกันใกล้เข้ามา นางจึงแสร้งร้องไห้แล้วตะโกนขึ้น
“ช่วยด้วย ผู้ใดอยู่แถวนี้ ช่วยน้องสามของข้าที นางจมน้ำไปแล้ว” นางมองไปยังร่างที่จมลงไปในสระด้วยแววตาเยือกเย็น มุมปากยกขึ้นเพียงเล็กน้อย อี้เหลียนครั้นได้ยินเสียงของคุณหนูรองร้องดังขึ้นมา นางก็รับยัดจานขนมให้สาวรับใช้ของคุณหนูรอง แล้ววิ่งไปยังสระน้ำทันที
“เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ คุณหนูรอง แล้วคุณหนูของบ่าวเล่า คุณหนูของบ่าวอยู่ที่ใด” อี้เหลียนถามหลี่ชิงหรงออกมาด้วยความร้อนใจ มองตามสายตาและนิ้วที่ชี้ไปในสระน้ำ ร่างของนางก็สั่นระริก ก่อนที่จะกระโดดลงสระไปอย่างไม่คิดชีวิต
อี้เหลียนว่ายน้ำเก่ง ไม่นานนัก นางก็งมร่างของคุณหนูสามขึ้นมาจากใต้สระได้สำเร็จ ผู้ที่ได้ยินเสียงร้องตะโกนของหลี่ชิงหรง ต่างก็พากันวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ หลี่ต้าถงกับเฉินจงก็เช่นกัน ครั้นได้รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้น ก็รีบให้คนออกไปตามท่านหมอมาทันที
หลี่ต้าหลุน ผู้เป็นพี่ชายมารดาเดียวกันกับหลี่ชิงเหมียว วิ่งเข้ามาหาร่างเล็กของน้องสาว ทำการช่วยเหลือนางเบื้องต้น แล้วจึงอุ้มนางวิ่งกลับไปยังเรือนรับรองทันที การกระทำของเขาว่องไว จนทำให้คนมองไม่ทัน หลี่ต้าถงผู้เป็นบิดารู้สึกละอายใจ และอับอายไม่น้อย สั่งให้บรรดาลูกศิษย์ที่มายืนชมเหตุการณ์ แยกย้ายกันกลับไปเรียน
ไม่นานนักเรือนรับรอง ก็เต็มไปด้วยผู้คนของตระกูลหลี่ ท่านหมออู๋เดินทางมาถึง ก็รีบเข้าไปจับชีพจรของคุณหนูผู้น่าสงสาร คราแรกเขาคิดว่านางสิ้นใจไปแล้ว เพราะชีพจรหยุดนิ่ง ไม่มีการเคลื่อนไหว แต่ในขณะที่เขากำลังจะรายงานให้นายท่านหลี่ทราบ เด็กหญิงที่ไร้ชีพจรกลับฟื้นขึ้นมา นางส่งเสียงไอพร้อมกับสำลักน้ำ เขาจึงต้องรีบกลับไปตรวจอาการนางอีกครา
“เรียนนายท่านหลี่ หลี่ฮูหยิน คุณหนูสามปลอดภัยแล้วขอรับ”
เขาหันกลับมารายงานนายท่านหลี่ด้วยใบหน้าที่โล่งใจ แม้จะรู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็ตามที ครั้นทุกคนได้ยินว่าหลี่ชิงเหมียวปลอดภัยแล้วก็พากันถอนหายใจออกมา
มีเพียงหลี่ชิงหรงเท่านั้น ที่รู้สึกใจคอไม่ดี และรู้สึกร้อนตัวอยู่ไม่น้อย นางมองไปยังร่างเล็กของน้องสาวด้วยความรู้สึกริษยา นางอยากให้หลี่ชิงเหมียวตาย ยังยากเย็นถึงเพียงนี้ ก็ได้แต่หวังว่า หากหลี่ชิงเหมียวฟื้นมาแล้ว จะยังคงเป็นเด็กที่โง่เขลาเช่นเดิม หากเป็นเช่นนั้นแล้ว นางก็ยังจะมีโอกาสในการจัดการน้องสาวที่เป็นสิ่งแปลกปลอมของตระกูลอีกหน
