บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เรื่องราวในวันวาน

หกปีก่อน

เสียงของความครึกครื้น ดังขึ้นมาจากภายในสนามประลอง ของสำนักคุ้มภัยต้าฟง วันนี้มีการจัดงานประลองฝีมือ เพื่อคัดเลือกศิษย์ใหม่ ที่จะเข้าร่วมฝึกวรยุทธ์กับสำนักคุ้มภัยในปีนี้ เด็กหนุ่มวัยเพียงสิบสี่สิบห้าปี ที่มีรูปร่างสูงโปร่ง ก็ได้เป็นหนึ่งในนั้น เขาลงสนามประลองฝีมือ กับบรรดาผู้ที่มาเข้าร่วมคนแล้วคนเล่า ทว่ากลับยังไม่ได้รับการปราชัย

“ไอ้หนุ่มผู้นี้มันเก่งจริงๆ รู้หลบ รู้หลีก รู้รับ รู้ปะทะ รู้ถอย” ศิษย์คนหนึ่งของสำนักคุ้มภัยต้าฟงกล่าวชื่นชมเด็กหนุ่มออกมา

“ดูก้าวหน้ากว่าผู้อื่น แต่หากปล่อยให้เขาชนะไปเรื่อยๆ จะไม่เป็นการทำให้เขาได้ใจจนเย่อหยิ่งเอาหรอกรึ” เสียงของสหายร่วมสำนัก แสดงความเห็นออกมา เขาชื่นชมคนเก่งก็จริงอยู่ แต่ทว่าคนเก่งก็ต้องรู้จักถ่อมตนด้วย

“ก็ต้องดูว่ามีความสามารถถึงขั้นนั้นหรือไม่ วันนี้คุณหนูหลูมาหรือไม่”

“หากนางมา มีหรือเจ้าเด็กนั่นจะได้ยืนโดดเด่นอยู่เช่นนั้น”

คุณหนูหลู หรือหลูชิงเหลียนที่พวกเขากำลังกล่าวถึง เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟง คุณหนูหลูวัยเพียงสิบสองปีเท่านั้น

และถึงแม้ว่านางจะดูเป็นเด็กที่ตัวเล็ก บอบบาง ทว่านางกลับมีฝีมือเก่งกาจ และเชี่ยวชาญในศิลปะการต่อสู้ทุกแขนง นางเก่งเกินวัยจนผู้ใด ต่างก็นึกอิจฉาในวาสนาของท่านเจ้าสำนักคุ้มภัยต้าฟง

เพราะเช่นนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าคุณหนูหลูจะไม่ใช่บุรุษ แต่นางก็มีความสามารถมากพอ ที่จะสืบทอดสำนักคุ้มภัยนี้ต่อจากบิดา โดยไร้ข้อกังขาจากบรรดาศิษย์ร่วมสำนักด้วยกัน

เสียงร้องเฮดังลั่น หลังจากที่เด็กหนุ่มในสนามประลอง ล้มผู้เข้าร่วมคนสุดท้าย ในขณะที่หลัวอี้เฉินคิดว่าเขาผ่านการทดสอบในครั้งนี้แล้ว กลับมีเด็กชายรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้างดงาม กำลังเยื้องย่างเข้ามาภายในสนามประลอง แขนของอีกฝ่ายเล็กราวกับอิสตรี

“เจ้าหมดแรงแล้วหรือยัง แต่ถึงจะหมด…ก็ยังเหลือข้าอีกคนอยู่ดี”

ทวนยาวชี้มาตรงหน้าของเด็กหนุ่มแล้วกล่าวออกมาอย่างท้าทาย เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนาม คนที่กำลังจะจากไป กลับมาชื่นชมกันต่อ เพราะในสำนักคุ้มภัย มีผู้ใดบ้างที่จะไม่รู้จักหนุ่มน้อยผู้กล้าหาญ ที่เพิ่งจะลงสนามไปท้าทาย ผู้ชนะการประลองจนถึงคนสุดท้าย

หลัวอี้เฉินรู้สึกเหน็ดเหนื่อย กับการประลองฝีมือที่ผ่านมาอยู่บ้าง แต่ในเมื่อเขาถูกท้าทายเช่นนี้แล้ว มีหรือที่เขาจะยอมพ่ายแพ้ ถึงอย่างไรเขาก็อยากที่จะเข้าเป็นศิษย์ ที่สำนักคุ้มภัยต้าฟงด้วยการเป็นที่หนึ่งให้ได้อยู่แล้ว จะล้มเจ้าเด็กอวดดีตรงหน้านี้อีกสักคน ย่อมไม่ใช่ปัญหา

“ย่อมได้ เชิญ!!!” เขากล่าวพลางเหยียบทวนยาวที่วางอยู่บนพื้น จนกระเด้งขึ้นมา ด้ามทวนถูกเขาคว้าเอาไว้ได้อย่างพอดิบพอดี

มุมปากของหลูชิงเหลียนยกขึ้นเพียงเล็กน้อย ก่อนที่นางจะเป็นฝ่ายถือทวนพุ่งเข้าไปหาคู่ต่อสู้ ทวนยาวในมือมั่นคง ฟาดฟันออกไปข้างหน้าอย่างดุดัน คราแรกหลัวอี้เฉินนั้นรู้สึกทะนงตน ว่าตนเองเก่งกาจและมีร่างกายที่ดูแข็งแรงกว่าอีกฝ่าย ทว่าพอได้รับมือกับเด็กน้อยตรงหน้า ทำให้ความมั่นใจของเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

หลัวอี้เฉินถอยหลังไปหลายก้าว ยกทวนของตนขึ้นมา มองอีกฝ่ายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา เพียงไม่นานเขาก็เป็นฝ่ายบุกบ้าง ทั้งสองพุ่งกายเข้าไป แล้วใช้ทวนปะทะกันอย่างดุเดือด เสียงเหล็กกระทบกันดังสะท้อนไปทั่ว อีกทั้งยังมีเสียงโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น จากรอบๆ สนามเริ่มดังขึ้น ต่างก็เอาใจช่วยเจ้าสนาม ที่อุตส่าชนะมาจนถึงคนสุดท้าย ทว่ากลับโชคร้ายที่ได้มาเจอเจ้าสนามตัวจริง

ทั้งสองประลองฝีมือกันไปทั้งหมดสามกระบวนท่า และทุกครั้งหลัวอี้เฉินก็มักจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ ทว่าครั้งสุดท้าย เขาพลาดท่าใช้ปลายทวน ไปคล้องเอาผ้าที่มัดรวบเรือนผมของคู่ต่อสู้เอาไว้ จนผ้าผืนนั้นหลุดออกมา ทำให้เส้นผมของนางสยายออก เขาจึงได้รู้ว่า นางคือเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เด็กหนุ่มตกตะลึงจนไม่ทันระวัง ถูกนางใช้ทวนจ่อเข้าที่ลำคอเป็นอันพ่ายแพ้

“ฮ่าๆๆๆ ข้าบอกแล้ว หากคุณหนูหลูได้ลงสนามเอง ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจเอาชนะนางได้ เจ้าเห็นหรือไม่ การก้าวเท้าของนางราวกับวางค่ายกล พวกเราสามารถทำได้เช่นนางรึ แม้แต่เจ้าเด็กหนุ่มที่ใช้แต่แรงไม่ใช้สมองนั่น ก็ยังไม่รู้ว่าจะมีวันเอาชนะนางได้หรือไม่”

ศิษย์ผู้หนึ่งหัวเราะออกมาอย่างพอใจ พลางกล่าวชื่นชมบุตรีของท่านเจ้าสำนัก หากมีนางเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป ย่อมไม่ใช่เรื่องน่าอาย ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพยักหน้าอย่างเห็นด้วย สมแล้วกับที่เป็นบุตรีเพียงคนเดียวของท่านเจ้าสำนัก หากเป็นบุรุษย่อมมีโอกาส สอบเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ รับใช้แผ่นดิน ช่างน่าเสียดาย ที่นางเกิดเป็นสตรี

“ลำบากท่านแล้ว ถึงแม้วันนี้ ข้าจะเอาชนะท่านได้ แต่การคัดเลือกศิษย์ใหม่ของสำนักคุ้มภัยต้าฟงปีนี้ ที่หนึ่งก็ยังคงเป็นของท่านอยู่ดี ขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย”

เสียงหวานดังออกมาจากริมฝีปากเล็ก ของเด็กหญิงที่มีนัยน์ตาดำสนิท นางกล่าวพลางส่งยิ้มให้กับเด็กหนุ่มตรงหน้า แล้วรวบเส้นผมสีดำสนิทของตนเกล้าขึ้นมาเป็นมวย หยิบผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมามัดรวบไว้เช่นเดิม ทุกการเคลื่อนไหวอยู่ในสายตาของเด็กหนุ่ม

“ข้าน้อยรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่วันนี้ได้รับการชี้แนะจากคุณหนูหลูด้วยตนเอง” หลัวอี้เฉินคำนับอีกฝ่ายพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงถ่อมตน

อายุนับว่าไม่สำคัญเท่าฝีมือ ในเมื่ออีกฝ่ายมีฝีมือที่เก่งกาจ เขาย่อมยอมรับและให้การเคารพ นางเอาชนะเขาได้ก็นับว่านางมีความสามารถ

หลูชิงเหลียนไม่กล่าวสิ่งใดออกมา นางเพียงส่งยิ้มให้แก่เขา ก่อนที่จะเดินออกจากสนามประลองไป หลัวอี้เฉินตกเป็นเป้าสายตาอีกหน เสียงปรบมือและเสียงกล่าวแสดงความยินดีก็ดังกึกก้อง

หลูชิงเหลียนเดินจากไป พร้อมกับความรู้สึกที่หมดสนุก นางแอบบิดามาลงสนามประลอง ปีนี้ก็เป็นปีที่สองแล้ว ทว่ากลับยังไม่พบว่า มีผู้ใดที่สามารถเอาชนะนางได้ ไม่รู้ว่านี่นับว่าเป็นพรสวรรค์ หรือเป็นความสามารถที่เกิดขึ้นในภายหลังของนางกันแน่

แต่พี่ชายคนนั้น สามารถรับมือกับนางได้ถึงสามกระบวนท่า นับว่าไม่เลวและน่าสนใจเลยทีเดียว หากเขาได้ฝึกฝนอยู่ในสำนักคุ้มภัยของบิดา ฝีมือของเขาย่อมก้าวหน้าเป็นแน่ นางยิ้มออกมาแล้วเดินจากไป แม่นมซิ่วกับสาวรับใช้ที่มีนามว่าจิ่งอี๋รีบวิ่งเข้ามาหานาง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel