ตอนที่ 1 - 1 ความสูญเสียที่ไม่อยากให้เกิด
บ่าวรับใช้ที่เขาพบเจอระหว่างทาง ต่างพากันสวมใส่ชุดไว้ทุกข์ สีหน้าแต่ละคนไม่ต่างไปจากคนที่เฝ้าประตูจวน หลัวอี้เฉินหัวใจบีบรัด รีบมุ่งหน้าไปยังเรือนนอนของตนและภรรยา กลับพบแต่ความว่างเปล่า
“นายท่าน…ระ…ร่างของฮูหยินน้อย ยะ…อยู่ที่โถงเรือนรับรองขอรับ” บ่าวรับใช้เข้ามารายงานทันทีที่เห็นร่างสูงของนายน้อยออกมาจากในเรือน
หลัวอี้เฉินไม่สนใจคนรอบข้าง วิ่งไปยังโถงใหญ่ของเรือนรับรองทันที ประตูโถงถูกเปิดกว้าง มีสาวรับใช้นั่งคุกเข่าอยู่ด้านนอก เขาพยายามก้าวเท้าเข้าไป ครั้นเห็นภาพโลงศพที่ถูกประดับไปด้วยผ้าขาวดำ เข่าของเขาทรุดลงบนพื้นทันที ชายหนุ่มผู้ที่จะกลายเป็นผู้นำตระกูลในภายภาคหน้า ยามนี้นั่งร่ำไห้คร่ำครวญอยู่หน้าโลงศพของภรรยา
“หะ…เหตุใด…เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้…เหลียนเอ๋อร์!!! เหตุใดเจ้าถึงไม่รอพี่…เหตุใดถึงมาทิ้งพี่ไป ฮือๆๆๆ”
นายท่านหลัวเดินเข้าไปทรุดเข่าลงข้างกายบุตรชาย ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาตบลงบนบ่า หลัวอี้เฉินเงยหน้ามองบิดา ก่อนที่นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยน้ำเอ่อล้น
“ท่านพ่อ…นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น ช่วยบอกข้าทีได้หรือไม่ ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง” หลัวอี้เฉินยกมือขึ้นมาจับไหล่ทั้งสองข้างของบิดา เขย่ายามที่ถามอีกฝ่ายออกมา
“เฉินเอ๋อร์…เหลียนเอ๋อร์นางได้จากพวกเราไปแล้ว เจ้าต้องยอมรับความจริงเรื่องนี้ให้ได้ เรื่องนี้ไม่มีผูู้ใดอยากให้เกิด ถือเสียว่า มันเป็นโชคชะตาของนางเถิดนะ”
นายท่านหลัวปลอบใจบุตรชายเพียงคนเดียว เขารู้ดีว่าบุตรชายมีความรักลึกซึ้งให้แก่ลูกสะใภ้ถึงเพียงใด ทว่าคนก็จากไปแล้ว มิอาจย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งใดได้อีก ทำได้เพียงแค่ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ต่อไป แม้จะต้องทุกข์ทนก็ตาม
“ไม่!!! นางร่างกายแข็งแรง สู้กับข้าไม่เคยปราชัย เหตุใดนางถึงจากไปได้ง่ายดายถึงเพียงนี้”
หลัวอี้เฉินตะโกนออกมาราวกับเป็นคนสิ้นสติ ไม่ยอมรับในความจริงตรงหน้า เขากำลังจะพุ่งไปเปิดโลงของภรรยา จนนายท่านหลัวกับกู้อี้ ต้องรีบพากันเข้าไปห้าม
“เฉินเอ๋อร์…คนก็จากไปแล้ว คนอยู่ต่างหาก ที่เจ้าควรจะต้องใส่ใจ”
หลัวฮูหยินเดินเข้ามา ในอ้อมแขนมีทารกน้อยนอนหลับอยู่ ราวกับไม่รับรู้ถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้น ร่างสูงที่ถูกฉุดรั้งแขนทั้งสองข้างหยุดการดิ้นรนทันที เขาหันกลับไปมองตามเสียงของมารดา
“ลูกชายของนาง ลูกชายของเจ้า เจ้าจะไม่สนใจเขาจริงๆ น่ะหรือ” หลัวฮูหยินกล่าวต่อ หลัวอี้เฉินพยายามก้าวเดินเข้าไปหาบุตรชาย
“ละ…ลูก ลูกพ่อฮือๆๆๆ แม่เจ้า แม่ของเจ้าไม่อยู่กับพวกเราแล้ว นางไม่อยู่กับพวกเราอีกแล้ว"
เขามองเห็นดวงหน้าเล็กของบุตรชาย ที่มีใบหน้าคล้ายกับภรรยาอยู่หลายส่วน หัวใจก็คล้ายได้ผ่อนคลาย ทว่าก็อดไม่ได้ที่จะปล่อยน้ำตาให้ไหลลงมา พร้อมกับส่งเสียงร้องคร่ำครวญ หลัวฮูหยินได้เห็นบุตรชายสูญเสียความเป็นตนเอง ก็รู้สึกปวดใจ เงยหน้าขึ้นสบตากับสามี
“เจ้าตั้งชื่อเตรียมเอาไว้ให้เขาแล้วหรือยัง หรือว่าหลูซื่อได้เตรียมไว้ให้เขาแล้วหรือไม่”
นายท่านหลัวก้าวเข้ามาถามบุตรชาย ตั้งแต่หลานชายเกิดมา พวกเขาก็ยังไม่ได้ตั้งชื่อให้ เพราะเกรงว่า ลูกสะใภ้กับลูกชาย คงจะตระเตรียมกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นทายาทที่พวกเขาเฝ้ารอมาถึงสองปี หลัวอี้เฉินพยักหน้า ตอบบิดาออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ
“นะ…นางตั้งชื่อให้เขาว่า อี้เจ๋อ หลัวอี้เจ๋อ” ราวกับทารกน้อยจะรับรู้ เขาส่งเสียงร้องออกมารับนามที่บิดาเรียกขาน
ผู้ใหญ่ทั้งสามมองทารกน้อยทั้งน้ำตา ก่อนที่จะหันมองไปยังโลงศพของหลูชิงเหลียน สตรีผู้อาภัพ และน่าสงสาร นางไม่มีโอกาสแม้จะได้เห็นใบหน้าของบุตรชายที่นางเฝ้ารอคอยมานานนับเก้าเดือน
“ข้าจะไว้ทุกข์ให้นางสองปี” หลัวอี้เฉินกล่าวออกมา ก่อนที่เขาจะตัดใจ เดินออกจากห้องโถง มุ่งหน้าไปยังเรือนนอนของตน เพื่อเปลี่ยนเป็นชุดไว้ทุกข์
ทันทีที่เขาก้าวเข้าไปภายในเรือนนอน ภาพของนางก็วนเวียนเข้ามาในความทรงจำ ภาพที่นางเดินเข้ามาหาเขา เพื่อรับเสื้อคลุมด้วยรอยยิ้ม และปรนนิบัติรินน้ำชาให้แก่เขา ถามไถ่ว่าวันนี้เขาทำสิ่งใดมาบ้าง เหนื่อยหรือไม่
และภาพที่นางกำลังส่งยิ้มมาให้เขา ในวันที่เขากำลังจะออกจากเรือนไป หัวใจของหลัวอี้เฉินรู้สึกบีบรัด ต่อไปนี้ชั่วชีวิตที่เหลืออยู่ เขาจะไม่ได้เห็นหน้านางอีกแล้ว นางจะไม่อยู่เคียงข้างเขาอีกแล้ว
“สวรรค์…ข้าทำผิดอันใดลงไปเช่นนั้นหรือ เหตุใดผู้ที่จากไปก่อนถึงมิใช่ข้า เหตุใดต้องมาพรากนางไปจากข้าด้วย”
หลัวอี้เฉินมองไปยังพระจันทร์บนท้องนภา ที่ยามนี้แสงกลับไม่สว่างเช่นเดียวกับทุกค่ำคืน เขาพึมพำออกมาด้วยหัวใจที่เศร้าหมอง
น้ำตาของบุรุษหลั่งลงมาอาบใบหน้า เขารู้สึกเหมือนกับว่าใจจะขาดเสียให้ได้ เขาข่มใจ เดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วล้มตัวลงนอน กลิ่นของนางยังคงอบอวลชวนให้อาลัย
คืนก่อนหน้านี้ เขายังนอนพูดคุยกับนาง ถึงเรื่องในอนาคตของลูกชาย ว่าหากเขาโตขึ้นนางอยากที่จะเห็นเขาเป็นอะไร นางบอกเขาว่า เพียงแค่ลูกชายเติบโตมาเป็นชายหนุ่มที่แข็งแรง และเป็นคนดีเหมือนกับบิดา เพียงแค่นั้นนางก็ดีใจมากแล้ว
หลัวอี้เฉินหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่มีร่วมกับภรรยาจนผล็อยหลับไปบนเตียง เขาฝันไปถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเขาจดจำได้ดี ว่าเป็นลานกว้างที่เคยใช้ประลองฝีมือ ของบรรดาศิษย์จากสำนักคุ้มภัยต้าฟง สถานที่ที่เขาและนางได้พบกันเป็นครั้งแรกในวัยเยาว์
ร่างเล็กของเด็กสาววัยสิบสอง นางสวมใส่ชุดบุรุษจนเขามองไม่ออก ว่านางเป็นสตรีหรือว่าเป็นบุรุษกันแน่ ในวันนั้น นางกลายมาเป็นคู่ประลองคนสุดท้ายของเขา
หลังจากประลองฝีมือกันไปสองสามกระบวนท่า เขาก็ได้พบเจอกับความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรก นางส่งยิ้มมาให้เขาและบอกเขาว่า โอกาสยังมีให้ท่านอยู่เสมอ อยู่ที่ว่าท่านจะสามารถคว้าเอาไว้ได้หรือไม่
“อย่าเพิ่งไป…เดี๋ยวก่อน อย่าไป” เสียงทุ้มร้องอุทานออกมา มือทั้งสองข้างคว้าไปในอากาศ
เขาผุดลุกขึ้นนั่ง ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ หันมองไปรอบๆ ก็พบว่าตนเองอยู่ในห้องนอน ที่เคยใช้ชีวิตวันคืนร่วมกันกับภรรยา นางจากไปแล้วจริงๆ แล้วโอกาสที่ว่า ยังจะมีสำหรับเขาอยู่อีกหรือ หลัวอี้เฉินถอนหายใจออกมา
ร่างสูงผุดลุกขึ้นจากเตียง ใบหน้าเย็นชาลงหลายส่วน หลังจากที่เขาอาบน้ำเสร็จ ก็เปลี่ยนมาสวมชุดไว้ทุกข์ จากนั้นจึงรีบเดินออกจากเรือนนอน มุ่งหน้าไปยังโถงใหญ่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่จัดพิธีไว้อาลัยให้ภรรยาของเขา ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
