บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9

นางเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาอย่างพิจารณา หลิวอิงฮวารู้สึกนับถือเขาไม่น้อย ยามที่ต้องใกล้ชิด เห็นเรือนร่างหรือสัมผัสตัว ชายหนุ่มไม่เคยแสดงท่าทีคุกคามหรือล่วงเกิน สีหน้ามักเรียบนิ่งไร้คลื่นอารมณ์ราวนักบวชที่ปลงอสุภะไม่มีผิด

“เกรงว่าเพราะเจ้าไม่อยากกินยาขมเลยถนอมตัวเสียมากกว่า” คนนิ่งขรึมสัพยอก

“โดนรู้ทันเสียแล้ว” ได้ยินเช่นนั้นหญิงสาวบนเตียงก็หัวเราะเบา ๆ ที่เขาวิเคราะห์นั้นตรงกับความจริงถึงเจ็ดส่วน นางกลัวว่าดื้อดึงแล้วต้องกินยาขม ตลอดมาจึงทำตัวสงบเสงี่ยม คล้อยหลังหมอหนุ่มถึงค่อยแอบทำความสะอาด

“ท่านหมอไป่” หลังจากใส่ยาและสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วก็ลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มรอฟังว่าอีกคนจะพูดสิ่งใด

“ข้าตั้งใจจะกลับไปที่เมืองโหรวเซียง”

หลิวอิงฮวาคิดมาหลายวันแล้วว่าไม่อาจเกาะอาศัยผู้อื่นนานเกินไป หากแผลหายดี มือเท้านางมีครบสมบูรณ์ก็ควรต้องหาหนทางเอาตัวรอดให้ได้ด้วยตัวเอง

“ไม่ใช่ว่าคนที่ทำร้ายแม่นางหลิวอยู่ที่เมืองนั้นหรือ”

“ใช่ นางอยู่ที่นั่น” หลิวอิงฮวาพยักหน้า “แต่ทรัพย์สินของข้าเองก็อยู่ที่นั่นด้วย จึงจำเป็นต้องกลับไป”

“เช่นนั้นหากเก็บของมีค่าแล้ว แม่นางหลิวควรรีบเดินทางออกจากเมือง” ไป่ซีเฟิงให้คำแนะนำด้วยความปรารถนาดี อันที่จริงไม่ใช่กงการใดของเขา แต่พออยู่ด้วยกันมานานหนึ่งเดือนจึงเห็นเป็นคนคุ้นเคย

“ข้าเองก็ตั้งใจจะทำเช่นนั้น” ใบหน้ามนพยักขึ้นลง ถึงหานลี่จินจะคิดว่านางตายไปแล้ว แต่ใช่ว่าจะชะล่าใจได้

“ค่อยเดินทางในอีกห้าวันข้างหน้าดีหรือไม่” เขาเสนอ “ข้ามีคนขับรถม้าที่รู้จักกันอยู่”

ตอนนี้แผลของนางใกล้หายดีแล้ว แรงสะเทือนจากการเดินทางไม่อาจทำอะไรได้ เป็นสตรีเดินทางข้ามเมืองตามลำพังนับว่าเสี่ยงอันตรายไม่น้อย เช่นนั้นเขาจึงแนะนำคนขับรถม้าที่รู้จักกันดีให้เพราะไว้ใจได้

“พี่สาวจะไปไหนหรือขอรับ”

ก่อนนี้ไป่หมิงรู้สึกอุดอู้เลยออกไปวิ่งเล่นด้านนอก กลับเข้าบ้านมาอีกทีก็ได้ยินประโยคเมื่อครู่เต็มสองหู

“ข้ามารบกวนท่านหมอไป่กับอาหมิงนานแล้ว ตอนนี้แผลใกล้หายข้าก็ต้องเตรียมตัวกลับบ้านอย่างไรเล่า” ตอบให้เด็กน้อยเข้าใจง่าย แม้ว่าความจริงแล้วหลิวอิงฮวายังไม่ทราบเลยว่าจะไปซุกหัวนอนที่ไหน บางทีคงไม่แคล้วโรงเตี๊ยม

“ท่านพ่อขอรับ พี่สาวอยู่กับเราไม่ได้หรือขอรับ” ใบหน้ากลมหันไปหาผู้เป็นบิดา

“ห้องว่างบ้านเราก็มี ทำไมพี่สาวต้องไปที่อื่นด้วยเล่าขอรับ”

บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน หากไม่เจตนามาตามหมอไปรักษา ละแวกนี้ก็ไม่ค่อยมีใครสัญจรผ่านมากนัก บิดาเป็นคนพูดน้อย ประกอบกับเด็กชายไม่ค่อยได้พบเจอผู้อื่น พอมีหลิวอิงฮวามาพักด้วย แม้จะในฐานะคนเจ็บแต่เด็กชายก็รู้สึกหายเหงา

เด็กน้อยไป่หมิงไม่ยินยอมหากเพื่อนใหม่จะจากไป

“อาหมิง” ผู้เป็นพ่อเกริ่นเสียงเรียบ “ผู้ที่ต้องตัดสินใจเรื่องนี้คือแม่นางหลิว เจ้าไม่อาจตัดสินแทน ยัดเยียดความต้องการของตนให้ผู้อื่นก็ไม่ควรเช่นกัน”

เด็กชายอ้าปากเตรียมโต้แย้ง ทว่าเมื่อคิดตามก็เห็นว่าตนเองกำลังยัดเยียดความต้องการให้อีกฝ่ายจริง

“แม่นางหลิวเองก็มีเรื่องราวต้องสะสาง รู้เช่นนี้เจ้ายังอยากจะขวางนางอีกงั้นหรือ”

เด็กน้อยก้มหน้า หลิวอิงฮวาหันซ้ายทีขวาทีคล้ายหนักใจ นางไม่อาจอยู่ต่อได้ตามที่ชายหนุ่มว่า แม้เขากล่าวเสียงเรียบไร้โทสะ แต่ก็ดูจริงจังสำหรับการสอนเด็กวัยห้าขวบปีไปสักหน่อย จนบรรยากาศในห้องหนักอึ้งขึ้นมา

“เอ่อ” หญิงสาวเอ่ยขัดพลางขยับไปหาไป่หมิง “อาหมิง ไว้ข้าทำอะไรเสร็จแล้วแวะมาหาเจ้าดีหรือไม่”

ใบหน้ากลมเงยขึ้นก่อนรอยยิ้มจะระบายเต็มหน้า แล้วก็กลับไปหม่นลงเมื่อผู้เป็นบิดากล่าวประโยคถัดมา

“แม่นางหลิว อย่าตามใจเขานัก” หลิวอิงฮวายิ้มเจื่อน นางเคยเลี้ยงหลานก็ตามใจแบบนี้เช่นกัน

“ไม่ใช่เช่นนั้น ข้าคิดไว้ว่าอยากกลับมาอีกครั้งจริง ๆ” นางยังติดหนี้บุญคุณไป่ซีเฟิงก้อนใหญ่ แต่ยังไม่พูดคำใดออกไปในตอนนี้

“จริงหรือขอรับ” ไป่หมิงหน้าระรื่น ถ้าแบบนั้นยังพอยอมรับได้

“อื้อ” หญิงสาวยิ้มตอบ มือขยับลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู

“ได้เวลาเตรียมอาหารแล้ว เราเข้าครัวไปต้มข้าวกันดีหรือไม่” วันนี้ชายหนุ่มเข้าไปรักษาคนในตลาดมา หลิวอิงฮวาจึงอยากช่วยแบ่งเบาเสียหน่อย

ไป่หมิงพยักหน้ารัวเร็วแล้ววิ่งเร็วจี๋นำไปที่ครัว ทั้งสองคนออกจากห้องไปโดยมีสายตาคู่คมมองตาม บุตรชายของเขาขาดความอบอุ่นจากมารดา ไม่แปลกใจว่าเหตุใดจึงได้ติดหญิงสาวในเวลาอันรวดเร็ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel