7
คืนนั้น ครอบครัวหลินได้กินแกงปลาใส่ผักป่าเป็นอาหารมื้อค่ำ มันเป็นมื้อที่หรูหราที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยมี ปลาเนื้อแน่นรสหวานที่ได้จากน้ำพุจิตวิญญาณนั้นอร่อยเกินกว่าจะบรรยายได้ หลินเจี้ยนกั๋วกินข้าวไปสองชามใหญ่ด้วยความสุขใจ ส่วนหลิวซูเฟินก็มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าตลอดเวลา
หลังจากมื้ออาหาร หลินเจี้ยนกั๋วมองปลาที่ยังเหลืออยู่อีกค่อนข้องด้วยแววตาครุ่นคิด
"ปลาเยอะขนาดนี้ เรากินกันไม่หมดแน่ ๆ ถ้าปล่อยไว้พรุ่งนี้ก็คงจะไม่สดแล้ว" เขาเปรยขึ้น
นี่คือสิ่งที่หลินเยว่รอคอย
"พ่อจ๋า เอาไปขายสิ" เด็กหญิงพูดขึ้นทันที "เอาไปขายที่ตลาดในอำเภอ ต้องได้เงินเยอะแน่ๆ เลย"
ความคิดที่จะ "ขาย" ของเป็นสิ่งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยกล้าทำนัก พวกเขามักจะหาของป่าหรือจับปลามาเพื่อยังชีพหรือแลกเปลี่ยนสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น การนำของไปขายในตลาดอำเภอที่อยู่ห่างไกลออกไปเป็นเรื่องใหญ่และน่ากลัวสำหรับพวกเขา
"จะดีเหรอลูก" หลิวซูเฟินพูดขึ้นอย่างกังวล "ตลาดในอำเภอมีแต่พวกพ่อค้าเจ้าเล่ห์ เราคนซื่อๆ จะไปสู้เขาได้อย่างไร"
"ต้องได้สิแม่" หลินเยว่ยืนกราน "ปลาของพ่อตัวใหญ่แล้วก็สดขนาดนี้ ไม่มีใครมีแบบเราหรอก พวกเขาต้องแย่งกันซื้อแน่ๆ" เธอพูดด้วยความมั่นใจเกินวัย
หลินเจี้ยนกั๋วมองแววตาที่มุ่งมั่นของลูกสาว แล้วนึกถึงความรู้สึกภาคภูมิใจเมื่อตอนกลางวัน เขาตัดสินใจแน่วแน่ "เอาล่ะ พรุ่งนี้พ่อจะลองดู"
เช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ขณะที่ฟ้ายังไม่สางดี หลินเจี้ยนกั๋วก็ตื่นขึ้นมา เขาคัดเลือกปลาตัวที่สวยที่สุดใส่ในข้องจนเต็ม แล้วนำผ้าชุบน้ำคลุมไว้เพื่อรักษาความสด จากนั้นก็สะพายข้องขึ้นบ่า เตรียมตัวเดินทางเข้าอำเภอซึ่งต้องใช้เวลาเดินเท้าเกือบสองชั่วโมง
"ท่านพี่ เดินทางดีๆ นะคะ" หลิวซูเฟินกำชับด้วยความเป็นห่วง
หลินเยว่ไม่ได้พูดอะไร เธอเพียงแค่แอบเพ่งจิตไปที่ข้องปลาของพ่อ แล้วร่ายมนตร์ในใจ ‘ขอให้ปลาพวกนี้ดูสดใหม่และน่ากินที่สุดในสายตาของทุกคน!’
หลินเจี้ยนกั๋วไปถึงตลาดในอำเภอเมื่อตะวันเริ่มสายแล้ว ตลาดเต็มไปด้วยผู้คนจอแจและเสียงเซ็งแซ่ เขาหาทำเลว่างๆ ตรงมุมหนึ่งแล้ววางข้องปลาลง เปิดผ้าคลุมออกเผยให้เห็นปลาสดตัวอ้วนที่นอนเรียงกันอยู่อย่างสวยงาม
ปลาของเขาแตกต่างจากปลาของแผงอื่นอย่างเห็นได้ชัด ปลาของคนอื่นเริ่มมีสีซีดและดูไม่สดใหม่ แต่ปลาของเขายังคงมีเมือกใสๆ เคลือบอยู่ ดวงตายังคงใสแจ๋ว เกล็ดสะท้อนแสงแวววาวราวกับเพิ่งจับขึ้นมาจากน้ำใหม่ๆ
ในไม่ช้า ก็มีคนเริ่มสังเกตเห็น
"พ่อหนุ่ม ปลาของเจ้านี่สดดีจริงๆ ขายยังไงล่ะ" ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นเป็นคนแรก
หลินเจี้ยนกั๋วที่ยังประหม่าอยู่เล็กน้อย ตอบกลับไปตามราคาที่คิดไว้ในใจ ซึ่งสูงกว่าราคาตลาดทั่วไปเล็กน้อยเพราะคุณภาพของมัน
"อะไรนะ แพงกว่าเจ้าอื่นตั้งเยอะ" ชายคนนั้นบ่น แต่สายตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่ปลาสดๆ ไม่วางตา
"แต่ปลาของข้าสดกว่านะท่านลุง ท่านดูสิ" หลินเจี้ยนกั๋วรวบรวมความกล้าพูดออกไป
ลูกค้าคนอื่นๆ เริ่มเข้ามารุมล้อม บางคนติว่าแพง แต่หลายคนก็ยอมรับว่าปลาของเขาสดกว่าจริงๆ ในที่สุดลูกค้าคนแรกก็ตัดสินใจซื้อไปหนึ่งตัวใหญ่ เมื่อได้ปลาไปแล้ว เขาก็พึงพอใจกับคุณภาพของมันมาก
เมื่อมีคนเปิดคนแรก คนที่สองและสามก็ตามมาอย่างรวดเร็ว
ปลาในข้องของหลินเจี้ยนกั๋วถูกขายออกไปอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ เขาแทบไม่ต้องตะโกนเรียกลูกค้าเลยด้วยซ้ำ ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง ปลาทั้งข้องก็ขายเกลี้ยง
หลินเจี้ยนกั๋วยืนกำเงินที่อยู่ในมือแน่น หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น นี่คือเงินจำนวนมากที่สุดที่เขาเคยหาได้ด้วยตัวเองในครั้งเดียวมันเป็นเงินที่มากกว่ารายได้จากการทำนาเกือบครึ่งปีของเขาเสียอีก
เขารีบเก็บของแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านทันที ในใจมีแต่ความปรีดาและความรู้สึกขอบคุณลูกสาวตัวน้อยของเขาอย่างท่วมท้น
เมื่อเขากลับมาถึงกระท่อมและยื่นเงินทั้งหมดให้หลิวซูเฟินดู สองสามีภรรยาก็นั่งนับเงินด้วยมือที่สั่นเทาอยู่เป็นนาน นี่คือเงินก้อนแรก เงินก้อนแรกที่ได้มาจากสติปัญญาของลูกสาวและความกล้าหาญของเขาเอง
