ตอนที่ 8 คนแปลกหน้า (1)
รั่วหลานอยู่ในหมู่บ้านเกาสุ่ยมาหนึ่งเดือนแล้ว สามีภรรยาแม้จะเพิ่งได้รู้จักกัน แต่ก็นับว่าเข้ากันได้ระดับหนึ่ง ตอนเช้าสามีเข้าป่าไปหาของขาย บางวันไปค่ำกลับเช้า นางก็ดูแลเขาอย่างที่ควรทำ พี่ป้าน้าอาในหมู่บ้านมาเยี่ยมนางบ้าง ท่านน้าหลัวมักชวนหลิวซิ่วมาหานางบ่อยกว่าใคร ทั้งสามจึงสนิทกันมาก
ตอนนี้ทั้งสามคนนั่งอยู่บนแคร่หน้ากระท่อม ได้ร่มเงาไม้ใหญ่จึงสามารถบังแดดได้
“อาหลาน เจ้าบอกว่าวันก่อนไปวางกับดับกับน้องโจวกลางดึกหรือ” เพราะสามีของหลิวซิ่วอายุมากกว่าโจวหยวน ทั้งสองนับพี่นับน้องตามอายุ หลิวซิ่วจึงถือเป็นพี่ไปด้วย
“ข้าแค่อยากรู้อยากเห็นจึงตามไป วันหน้าไม่ไปแล้ว” นางรู้แล้วว่าสมควรปล่อยเรื่องเช่นล่าสัตว์ไว้ให้พวกบุรุษทำดีกว่า
ท่านน้าหลัวกล่าวยิ้มๆ “หากเจ้าเบื่อก็ไปนอนกับข้า ยามบุรุษไปวางกับดัก บางทีไปทั้งวันทั้งคืน ข้ามวันข้ามคืน หายไปทีสามสี่วันก็มี แต่โจวหยวนเป็นห่วงเจ้า เขาจึงอยู่ไม่นาน มากสุดก็หนึ่งวันหนึ่งคืนถึงกลับ อีกสักพักเจ้าก็ชินไปเอง”
ทั้งสามนั่งปอกเปลือกถั่วไปด้วยเพราะหลิวซิ่วปลูกถั่วไว้แปลงหนึ่ง ตากแห้งแล้วก็ใส่กระบุงแบกมาที่นี่ด้วย ตั้งใจจะแบ่งให้น้าหลัวกับรั่วหลานคนละครึ่ง
“ฝ้ายวันก่อนเจ้าใช้หมดแล้วหรือไม่”
รั่วหลานส่ายหน้า “ยังไม่หมด ท่านต้องการเพิ่มหรือ เอาของข้าไปสิ”
“ของข้าพอแล้ว ยังพอมีให้ไปเก็บได้ ข้าแค่ถามไปอย่างนั้นเอง”
รั่วหลานพยักหน้าแล้วหันไปทางน้าหลัว “น้าหลัวเล่า ต้องการฝ้ายไปยัดผ้าห่มหรือไม่”
“หลัวต้านไปเก็บมาให้สองตะกร้าแล้ว ที่บ้านข้ามีกันแค่สองแม่ลูก ใช้ห่มผ้าผืนเดียวกัน ไม่ต้องเก็บฝ้ายมากมายหรอก”
“เจ้าค่ะ” รั่วหลานยิ้มแล้วพยักหน้า
“ว่าไป บ้านเจ้าก็เล็กแคบเช่นนี้ น้องโจวตั้งใจต่อเติมบ้างหรือไม่” หลิวซิ่วกินถั่วดิบไปด้วยขณะถาม
“ยังไม่เห็นเขาพูด”
“วันหน้ามีเจ้าตัวน้อย มีห้องเพิ่มถึงจะดี เอาไว้ข้าจะถามเขาให้เอง บ้านข้าก็กำลังต่อเติมเหมือนกัน ปีหน้าว่าจะหาสะใภ้เข้าบ้านแล้ว จะให้หลัวต้านนอนกับข้าอีกไม่ได้” น้าหลัวยิ้มพูด
หลิวซิ่วโคลงศีรษะครั้งหนึ่ง “ข้าก็บอกให้ท่านแยกห้องกับเขาได้แล้ว เจ้าเด็กนั่นโตจนจะแต่งเมียเข้าบ้านได้แล้วแต่ยังชอบนอนกับท่านอยู่อีก”
“ก็พวกข้าแม่ลูกนอนด้วยกันมาตลอด เขาก็โตไวจนข้าใจหายเหมือนกันนะ”
“ฮ่าๆ ท่านนี่นะ หลัวต้านตัวโตขนาดนั้นแล้ว เลิกเห็นเขาเป็นเด็กได้แล้วละ”
หลิวซิ่วหัวเราะร่วน รั่วหลานจึงหัวเพราะตาม ท่านน้าหลัวจึงโบกมือสองสามทีแล้วหัวเราะตาม
“ขอโทษ ที่นี่ใช่บ้านของโจวหยวนหรือไม่”
หญิงสาวต่างวัยทั้งสามหันไปมองตามเสียง มีบุรุษสองคนยืนอยู่ไม่ห่าง คนหนึ่งเป็นคนหนุ่มอายุราวยี่สิบกลางๆ อีกคนเป็นชายวัยที่อายุยี่สิบปลายๆ คนหลังดูมีท่าทางกระฉับกระเฉงมากทีเดียว ทั้งสองแม้จะแต่งตัวด้วยเนื้อผ้าธรรมดา แต่รั่วหลานมองปราดเดียวก็บอกได้ว่าพวกเขามาจากสกุลใหญ่ อย่างไรนางก็เป็นบุตรสาวขุนนาง แม้จะเป็นขุนนางท้องถิ่นตัวเล็กๆ แต่ก็ยังพอได้เข้าสังคมชั้นสูงมาบ้าง
“พวากท่านมาหาสามีข้า มีเรื่องใดหรือไม่” รั่วหลานลุกขึ้นและเดินขึ้นหน้าไปยอบกายคาราวะทั้งสองคน
พวกเขาตาโตมองนางอย่างกับเห็นตัวประหลาด คนที่มีอายุกว่าพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่บอกว่าตกใจอย่างยิ่ง
“เจ้า! เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นภรรยาของโจวหยวนหรือ?”
รั่วหลานหันมองเขาตรงๆ แล้วพยักหน้ารับ “ใช่”
“พวกท่านเป็นใคร มาหาน้องโจวมีเรื่องใดหรือ ไม่เคยเห็นพวกท่านมาที่นี่มาก่อนเลย” หลิวซิ่วดึงรั่วหลานมาข้างตัว ท่านน้าหลัวก็เดินมาขนาบข้างอีกคน
เห็นท่าทางแม่ไก่หวงไข่ของหลิวซิ่วและน้าหลัว พวกเขาสองคนจึงผ่อนลมหายใจพร้อมกัน คนหนุ่มกว่าจึงกล่าวขึ้น
“พวกข้ากับน้องโจวเป็นสหายเก่ากัน เจอกันในเมืองหลายครั้ง วันนี้ที่มาเพราะมีเรื่องจะขอให้ช่วยเท่านั้น”
เห็นคนที่หนุ่มกว่าดูใจเย็นและพูดตรงจุดประสงค์ที่มาเลย พวกนางสามคนจึงพอวางใจบ้าง
“สามีข้าไปล่าสัตว์ ตอนเย็นถึงจะกลับ พวกท่านจะรอหรือไม่” รั่วหลานมั่นใจว่าเขาสองคนไม่ได้มาร้าย นางจึงได้กล้าเผชิญหน้ากับพวกเขา
“รอ พวกเราไม่เจอคนไม่กลับ” คนตอบคือคนที่อายุมากกว่า
หลิวซิ่วหันซ้ายหันขวา ไม่มีที่ให้แขกนั่ง นางจึงหันไปทางรั่วหลาน
“บ้านเราคับแคบ พวกท่านเลือกโขกหินริมลำธารพักผ่อนก่อนก็แล้วกัน” รั่วหลานก็จนใจเช่นกัน
“เข้าใจแล้ว” คนหนุ่มพยักหน้าแล้วหันมองไปที่ลำธาร เลือกหินไม่ใหญ่ใต้ร่มไม้ได้ก็นั่งลงทันที ส่วนอีกคนทำตัวเสียมารยาทไปหน่อย เขาเดินวนรอบกระท่อมหลังเล็กรอบหนึ่งแล้วจึงไปนั่งกระซิบอะไรบางอย่างกับคนหนุ่ม
รั่วหลานไปชงชามาให้กาหนึ่ง วางถาดไม้ลงที่ข้างคนหนุ่ม “บ้านเราไม่มีชาดีอะไร หวังว่าท่านทั้งสองจะไม่รังเกียจ
“ขอบคุณ” คนหนุ่มขอบคุณแล้วรินชาใส่จอกใบเก่า ไม่ลังเลก็ดื่มรวดเดียวหมด ผิดกับอีกคนที่ดูจะไม่ค่อยอยากแตะต้องสักเท่าไร แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นเห็นตากลมโตสดใสจ้องมองอยู่ เขาจึงจำต้องดื่มลงไปสองจอก คล้ายอยากเอาใจรั่วหลานก็ไม่ปาน นางยิ้มแล้วพยักหน้า จากนั้นก็กลับไปนั่งคุยกับน้าหลัวและหลิวซิ่วต่อ
กำลังจะค่ำแล้ว โจวหยวนยังไม่กลับ แต่หลิวซิ่วต้องกลับไปทำกับข้าวให้สามี นางจากไปทั้งที่ยังห่วง ส่วนน้าหลัวยังรั้งอยู่เพราะหลัวต้านก็ไปกับโจวหยวน นางเป็นห่วงไม่อยากทิ้งรั่วหลานอยู่กับบุรุษแปลกหน้า จึงจะรั้งอยู่กินข้าวที่นี่ด้วย
รั่วหลานกับน้าหลัวช่วยกันทำมื้อเย็น โจวหยวนยังไม่กลับ แต่กลับเป็นหลิวซิ่วที่วกกลับมาพร้อมกับหงทั่วสามีของนาง
“เหตุใดจึงย้อนกลับมาเล่า”
