ตอนที่ 7 ชีวิตธรรมดาของสามีภรรยา
หลายวันก่อนโจวหยวนเข้าเมือง เขากลับมาพร้อมกับไหไว้ดองผัก เขาได้ยินว่ารั่วหลายชอบกินหน่อไม้ทั้งสดทั้งดอง เขาจึงคิดจะดองหน่อไม้ไว้ให้นาง วันนี้จึงขึ้นเขาไปแต่เช้าไปหาหน่อไม้ได้มาหนึ่งกระบุงใหญ่
สองสามีภรรยานั่งปอกหน่อไม้กันอยู่ที่แคร่ เพราะตอนนี้เพิ่งผ่านเที่ยงวันมา โจวหยวนจึงย้ายแคร่มาที่ใต้ร่มเงาต้นไม้ริมลำธาร
ตอนนี้โจวหยวนใส่แค่กางเกงตัวเดียว มัดเอวไว้หลวมๆ วันก่อนรั่วหลานเย็บชุดให้เขาไปสองชุดแล้ว แม้จะแป็นแบบธรรมอย่างชาวบ้านทั่วไปใส่ แต่อย่างไรนางก็ยังเห็นว่าเขาดูดีอยู่มาก
ส่วนผ้าห่มที่ยัดฝ้ายจนหนานุ่มนางทำเสร็จแล้ว ซักตากแดดและเก็บไว้อย่างดีรอเข้าช่วงหน้าหนาวค่อยเอาออกมาใช้
โจวหยวนปอกเปลือกหน่อไม้ รั่วหลานก็กำลังหั่นหน่อไม้อยู่ เขาบอกให้นางหั่นเพื่อตอนเอามาทำกับข้าวจะได้ไม่ต้องมานั่งหั่นอยู่ นางก็คิดว่าแบบนี้สะดวกดี จึงหันหน่อไม้เป็นเส้นสั้นๆ
“อีกสองสามวันข้ากับหลัวต้านจะไปวางกับดับ คงไปสองสามวัน เจ้าอยู่นี่ก็คิดถึงข้าบ้าง”
นางก็เข้าใจว่าเขาจะพูดเรื่องจริงจังอะไรเสียอีก “เช่นนั้นท่านก็พาข้าไปด้วยสิ” นางก็อยากไปดูให้เห็นกับตาว่ายามเขาไปล่าสัตว์ เขาทำอย่างไรบ้าง
“เมียรักขอร้องมาเช่นนี้ หากข้าไม่พาไปด้วยก็ใจร้ายเกินไปแล้ว ได้ ข้าพาเจ้าไป ทำแป้งย่างเผื่อไว้ด้วย เอาข้าวสารกรอกใส่กระบอกไม้ไผ่ไปสักกระบอก”
“ท่านจะพาข้าไปจริงๆ ใช่หรือไม่” นางตื่นเต้นอย่างมาก
“ใช่ อย่าบ่นก็แล้วกัน”
“ไม่มีทาง”
เขาเห็นนางยิ้มกว้าง ท่าทางดูมีความสุขดี แม้สองแก้มแดงเรื่อ มีเหงื่อข้างขมับ แต่นางกลับงดงามบริสุทธิ์จนเขาอดใจไม่ได้ ยื่นหลังมือไปเขี่ยปลายจมูกรั้นของนางทีหนึ่ง
“มือท่านสกปรกอยู่นะ” นางเบี่ยงหน้าหลบแต่ไม่พ้น
เห็นนางปั้นปากอย่างเคืองใจ เขาก็หงายหน้ารัวเราะชอบใจ เสียงหัวเราะของเขาดังมาก คนที่แอบดูอยู่ได้แต่แอบมองแล้วขัดใจก่อนสะบัดหน้าจากไป โจวหยวนมองไปทางนั้น ทางที่หญิงสาวคนนั้นเพิ่งจากไป เขารู้สึกตั้งนานแล้วว่ามีคนมองพวกเขาสามีภรรยาอยู่ ในเมื่ออยากมองเขาก็ให้มองได้เต็มที่ ขอแค่ไม่เข้ามาขัดจังหวะความสงบสุขของพวกเขาก็พอ
ทั้งสองนั่งทำหน่อไม้กันต่อไป ไม่นานก็เสร็จ ได้หน่อไม้ดองสองไห และยังมีหน่อไม้สดอีกจำนวนหนึ่ง โจวหยวนสับหน่อไม้สดเป็นเส้นพอคำเพื่อให้รั่วหลานใช้ทำกับข้าว
จากนั้นทั้งสองก็เข้าครัวด้วยกัน โจวหยวนหุงข้าว เขาก่อเตาง่ายๆ ขึ้นอีกเตาใช้หุงข้าวโดยเฉพาะ ส่วนรั่วหลานหั่นเนื้อกระต่ายผัดกับหน่อไม้สด
นางทำน้ำแกงไว้ตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้ว พออุ่นก็กินได้ นางย่างเนื้อหมู่ป่าเพิ่มอีกชิ้นใหญ่ ทาเกลือเล็กน้อยก็อร่อยมากแล้ว
สามีภรรยากินข้าวเย็นกันอยู่หน้ากระท่อม พอฟ้ามืดลงโจวหยวนจุดไต้ปักไว้หน้ากระท่อม สองสามีภรรยาอาบน้ำจนตัวหอมแล้ว นั่งเล่นกันหน้ากระท่อม
สักพักก็เอนตัวลงนอน บนแคร่ตัวนี้แข็งแรงและกว้างพอ โจวหยวนดึงนางเข้ามากอด คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
รั่วหลานนอนซบอยู่กับต้นแขนเขา นางวางมือและขยับนิ้วเขี่ยอยู่บนแผ่นอกกว้าง
“ท่านกับพี่หงสนิทกันมากหรือ”
“ถ้าให้เปรียบ ก็เหมือนพี่ชายน้องชายที่คลานตามกันมาจากท้องแม่เดียวกัน”
“พวกท่านอายุไม่น้อย เหตุใดเพิ่มแต่งงานเล่า หงทั่วก็เพิ่งแต่งไปก่อนหน้าพวกนางแค่สองเดือน ชุดที่นางใส่ตอนแต่งงานก็ของหลิวซิ่ว
“อยู่ๆ ก็นึกอยากมีเมียอย่างไรเล่า” โจวหยวนพลิกกายหนึ่งตลบ รั่วหลานจึงไปอยู่ใต้ร่างเขาแล้ว
นางเพิ่งขยับปาก เขาก็ก้มลงจุมพิตนางดุเดือด ริมฝีปากบดเคล้ารุนแรงและเร่าร้อนอย่างยิ่ง ลมหายใจเขาเริ่มถี่แรง เข้าหอกันมาถึงขนาดนี้แล้ว นางย่อมรู้ว่าอาการเช่นนี้คือเขามีอารมณ์อีกแล้ว
นางขัดขืนไม่ได้ เลยต้องยอมรับจุมพิตจากเขาต่อไป นางถูกเขารุกจนหายใจไม่ออกแล้วจึงบีบต้นแขนเขา เขาจึงถอนปากออก เปลี่ยนไปซุกไซ้ซอกคอนางแทน เพิ่งอาบน้ำมา ผิวกายนางจึงหอมสดชื่น เขาจึงทั้งเลียและกัดต้นคอนางไปหลายครั้ง รั่วหลานถูกเขารุกไม่หยุด นางจึงเผลอครางออกมาแผ่วเบา
มือเขาเลื่อนลงไปด้านล่าง ถลกกระโปรงนางขึ้น ลูบมือผ่านต้นขาไปหานาผืนน้อยที่ไม่มีอะไรปกปิด
“ถึงกับไม่ใส่ผ้าปิดอาย รอให้สามีทำใช่หรือไม่”
เพราะกำลังจะนอนแล้วต่างหาก นางจึงไม่ใส่เสื้อผ้าให้มากชิ้น อย่างไรนางก็ซักผ้าเอง เสื้อผ้ามีไม่มาก ตอนนอนก็ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้าหลายชั้นให้วุ่นวาย
เขาแทรกนิ้วยาวแข็งเข้าไปในร่องบุปผาที่อุ่นจัด หมุนวนนิ้วสองสามครั้งก่อนจะดึงเข้าออก ค่อยๆ ทิ่มแทงนางจนหญิงสาวครางเสียงสั่น นางกอดคอเขาไว้ พริ้มตาหลับ รับการปรนเปรอของเขาอย่างเต็มใจ
มือหนึ่งเขาแหวกเสื้อนางออก ด้านบนก็ไม่มีเอี๊ยมบังทรง เขาจึงก้มลงดูดเลียเต้าอวบได้อย่างสะดวก ปลายยอดสีหวานของนางกินแล้วก็อร่อยอย่างมาก เขาก็ชอบอยู่แล้ว ยิ่งสัมผัสนุ่มลื่นลิ้นเช่นนี้ เขายิ่งชอบ เขาดูดสลับกับรัวลิ้นกับปลายยอดของนาง
“อ่า ท่านช้าหน่อย” นางบอกเขาเสียงสั่น
โจวหยวนจะช้าได้หรือ กลางกายเขาแข็งเกร็งจนปวดหน่วงแล้วจึงได้เร่งเล้าโลมนางอย่างไรเล่า
รั่วหลานถูกเขารุกหนัก สองขาแยกออกกว้าง สองแขนกอดต้นคอเขา ใบหน้างามส่ายไปมาคล้ายทรมาน เสียงครางก็ยิ่งดังขึ้น แผ่นหลังไม่ติดพื้นแคร่แล้ว นางรู้ว่าตัวเองกำลังถึงขีดจำกัด แต่เขากลับหยุดลงกะทันหัน แต่ก็แค่ชั่วขณะหนึ่งเพราะเขาก็กลับเข้ามาในกายนางด้วยท่อนเนื้ออวบใหญ่ สอดเข้าไปทีก็ลึกถึงปลายทาง
สามีภรรยาส่งเสียงครางพร้อมกันอย่างซ่านสยิว เขาเริ่มขยับสะโพกรัวเร็วทันที ในกายนางยังคับแน่น รัดเขาจนเขาแทบจะเขื่อนแตกแล้ว
เสียงเนื้อกระทบกันดังรัวเร็ว แคร่ไม้หน้ากระท่อมอันนี้ค่อนข้างจะทนมากแต่ก็ยังส่งเสียงลั่นแทบพัง เรี่ยวแรงเขามีมาก เขารุนแรง แต่นางก็ชินเสียแล้ว และนางก็เริ่มจะชอบที่เขารักนางอย่างถึงใจเช่นนี้
เปลี่ยนท่าทางกันอีกสองสามท่า เขาเหมือนจะชำนาญเรื่องพวกนี้มาก ส่วนไหนที่ทำให้นางรู้สึกไว เขาจดจำได้ทั้งหมด เขาดึงระยะอยู่พักหนึ่ง แล้วก็เริ่มรุนแรงกับนางอีกครั้ง คราวนี้เขาลงไปยืนข้างแคร่ไม้ ดึงนางที่อยู่ในท่าคว่ำหน้าคลานเข่าอยู่มาริมแคร่ แล้วใส่นางจากทางด้านหลัง
ต้นขาเขากระแทกก้นอ่อนนุ่มของนางรัวเร็ว หญิงสาวยันสองมือแน่น นางเกร็งกายเพราะใกล้จะถึงขีดสุดแล้ว ส่วนนั้นของเขาเองก็เหมือนจะยิ่งขยายใหญ่ขึ้นหรือเป็นเพราะช่องทางบุปผาของนางบีบรัดจนคับแคบลงก็ไม่แน่ใจ
โจวหยวนจับเอวอ่อนนุ่มเข้าหาตัวขณะที่สะโพกเขารัวเร็วใส่นางไม่หยุด สองร่างเริ่มชื้นเหงื่อ เสียงครางดังประสานก้องอยู่ในป่า จนกระทั่งเขาเร่งความเร็วอีกเท่าตัว พักหนึ่งแล้วก็ตอกเน้นๆ ใส่ตัวนางหลายครั้งแล้วก็หยุด
รั่วหลานแขนขาอ่อนแรง นางครางเสียงยาวขณะที่ตัวเองกระตุกสุขสมไปด้วย โจวหยวนเองก็ได้ปลดปล่อยอย่างถึงที่สุดเช่นกัน หยาดวสันต์มากล้นเข้าไปในกายนางหยดแล้วหยดเล่าจนหมด จากนั้นเขาก็ถอนกายออก ดันนางให้นอนหงาย ตัวเขาตามขึ้นไปนอน จูบลงที่ขมับชื้นเหงื่อของนางสองครั้ง ทั้งสองยังหอบหายใจ ไม่มีใครพูดสิ่งใดและยังอยู่ในห้วงสุขสมพักใหญ่ๆ
