บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 ยอมรับ

สามวันที่โจวหยวนไม่ยอมให้เจ้าสาวของตนลงจากเตียงด้วยตัวเอง เขาป้อนข้าวป้อนน้ำนางบนเตียง อุ้มไปอาบน้ำที่ลำธาร เสร็จก็กลับมาเสพสังวาสกันต่อ สามวันสามคืนไม่มีขาด วันที่สี่เขาออกจากกระท่อมแต่เช้ามืด นางนอนจนตะวันขึ้นตั้งตรงเหนือศีรษะถึงได้ตื่นและลากขาตัวเองไปอาบน้ำที่ลำธาร

ก้มมองเงาตัวเองในน้ำก็เห็นหญิงสาวใบหน้าซูบ สายตาอิดโรย “คนเลว” นางสบถด่าเขาไปหลายคำแล้วรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าของเขา จากนั้นเดินกลับไปยังกระท่อม แต่เพราะท้องร้องจึงเปลี่ยนไปทางห้องครัวแทน มันน่าจะเรียกว่าเพิงครัวต่างหาก เพิงครัวมีผนังที่สานจากลำไผ่สามด้าน รกหูรกตาสักหน่อย แต่นางที่ทำใจได้แล้วก็ไม่คิดมาก นางมองหาข้าวของ ในครัวมีเตาใหญ่ตัวหนึ่ง เหนือเตามีก้อนเนื้อดำๆ แขวนอยู่ มีโต๊ะที่ต่อขึ้นหยาบๆ หนึ่งตัว วางโถสามใบและกาน้ำร้อน มีชั้นวางถ้วยชามแค่สี่ใบ หม้อดำอีกสองใบที่แขวนอยู่บนผนังไม่ไกล นอกนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว นางเดินไปเปิดโถใบหนึ่ง เห็นเป็นข้าวสาร โถอีกใบมีแป้ง โถอีกใบมีเกลืออัดเต็มแน่น ยังมีกระบอกไม้ไผ่สั้นๆ วางแอบอยู่ คล้ายใส่พวกเครื่องปรุงรสที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย

หญิงสาวเข้าครัวไม่บ่อยนัก แต่อาหารง่ายๆ นางก็ยังทำได้ อย่างเช่นแป้งย่าง ผัดผัก น้ำแกงเนื้อ นางจึงเลือกโถแป้งออกมา หาที่นวดแป้ง ยังเฉือนชิ้นเนื้อดำน่าเกลียดมาตุ๋นน้ำแกงอีกหนึ่งหม้อ

แป้งย่างกับน้ำแกงเนื้อสุกหอมจนนางน้ำลายเกือบไหล แต่ก็อยากรอโจวหยวนก่อน เขาออกไปตั้งแต่ยังไม่สว่าง บอกให้นางนอนต่อแล้วก็หายเงียบไปเลย

ตอนนี้เลยเที่ยงมาแล้ว ไม่รู้เขาจะกลับมาเมื่อใด นางวางหม้อน้ำแกงตุ๋นบนเตาที่มีไฟอ่อนเพื่อไม่ให้น้ำแกงเย็นชืด

ไม่นานก็ได้ยินเสียงคุยกันดังเข้ามาเรื่อยๆ รั่วหลานเดินไปแอบมองก็เห็นโจวหยวนเดินนำหลัวต้านกลับมา ที่ไหล่เขามีห่อผ้าสะพายมาด้วย ส่วนหลัวต้านก็แบกกระบุกหนักอึ้งตามมาติดๆ

โจวหยวนเห็นนางก่อนจึงหยุดลงหน้ากระท่อม หลัวต้านเห็นนางก็ทำท่าเขินอายพร้อมกับเรียก “พี่สะใภ้” แล้วก็รีบปลดกระบุงจากหลังตัวเองแล้วรีบเอ่ย “ข้ากลับก่อน พี่สะใภ้พักผ่อนเถอะขอรับ” ว่าแล้วเขาก็เผ่นแนบไปทันที

โจวหยวนมองนางด้วยสายตาไม่เหมือนเดิมอีก ริมฝีปากเขาคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม แต่นัยน์ตาพราวระยับชัดเจน นางจึงหันหลังให้ทันที

“จะรีบไปไหนเล่า” เขาดึงแขนนางแล้วพาเดินเข้ากระท่อมไปนั่งบนเตียง ซุกไซ้ซอกคอขาวผ่องพร้อมกับอุ้มนางขึ้นนั่งบนตัก ขยับกายไม่กี่ทีก็เข้าไปอยู่ในกายนางได้แล้ว

“ท่านพอสักที” นางเกาะบ่าเขากายสั่น เพราะเขาสอดตัวตนของเขาเข้ากายนางกะทันหัน นางที่ไม่ทันตั้งตัวถึงกับตาพร่า

เขาไม่ได้ฟังนางเท่าไรก็หลับหูหลับตาขยับสะโพกพร้อมกับสองมือที่กุมสะโพกนาง พาให้นางขยับไปพร้อมกับเขา นางกายสั่นระริก สองแขนโอบคอเขาไปทันใด ตัวเขาซุกใบหน้ากับเต้าอวบของนาง ขบกัดนางผ่านเสื้อผ้า ด้วยเพราะเขาไม่ได้คิดจะทำมากมายแต่อย่างใด จึงเร่งกระแทกไม่นานก็ทำให้นางกระตุกตอด ตัวเขาเองก็ก็ปลดปล่อยด้วยเช่นกัน แต่เพราะเนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อจึงพานางไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจับนางนั่งบนเตียง เขาไปหาห่อผ้าที่โยนไว้ส่งๆ กลับมายื่นให้นาง

“ตอนเช้าข้าเข้าเมือง เลยซื้อเสื้อผ้ามาให้เจ้าสองชุด”

รั่วหลานรับมาเปิดดู เป็นเสื้อผ้าสองชุดจริง ซ้ำยังมีผ้ามาอีกพับหนึ่งและเข็มกับเส้นด้าย

“เสื้อผ้าบุรุษแพงเกินไป เจ้าเย็บให้ข้าก็แล้วกัน”

รั่วหลานมิได้ตอบรับ แต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธ หลังจากฟื้นขึ้นมาและแต่งงานกับเขาสามสี่วันมานี้แม้จะยุ่งกันอยู่บนเตียง แต่นางไม่ได้นึกหวาดกลัวเขาอีกแล้ว อย่างไรเขาก็ช่วยชีวิตนางไว้ ซ้ำครอบครัวของนางก็คงตั้งใจตัดนางออกจากสายสกุลแล้วแน่นอน นางจึงคิดจะอยู่กับเขาที่นี่อย่างเต็มใจ

“เสื้อผ้าสองตัวนี้ก็น่าจะแพง” นางลูบเนื้อผ้าสองชุดที่เขาซื้อมาให้ ตัวหนึ่งสีเขียวใบบัว ตัวหนึ่งสีม่วงอมน้ำเงิน แม้จะเป็นแบบแขนแขบอย่างที่ชาวบ้านใส่ แต่เนื้อผ้าแบบนี้คาดว่าชุดหนึ่งไม่ต่ำกว่าสามตำลึงเลยทีเดียว

“ข้าไปส่งของป่าให้โรงเตี๊ยมในเมือง ได้เงินมาเล็กน้อย” เขานั่งลงบนเก้าอี้ ยกกาน้ำขึ้นมากรอกปากแต่นางรีบไปคว้าไว้

“ข้าเพิ่งต้มน้ำมา ยังร้อนอยู่ ท่านใช้ถ้วยดื่มก็แล้วกัน” นางส่งถ้วยชาแหว่งให้เขา เดิมทีจะหาที่ดีกว่านี้ แต่ที่นี่อัตคัดเกินไปจริงๆ แม้แต่ถ้วยชาที่ดูดีสักใบก็ไม่มี

เขาไม่พูดแต่ก็ยอมใช้ถ้วยแหว่งดื่มชาไปสามถ้วย นางคิดว่าเขาน่าจะหิว จึงรีบไปเอาแป้งย่างกับน้ำแกงเนื้อตุ๋นมา นั่งลงและตักน้ำแกงให้เขา ชามข้าวก็มีไม่พอ นางจึงใช้ใบไม้รองแป้งย่าง ถ้วยน้ำชามใหญ่ตักน้ำแกงให้เขา ชามใบเล็กของตัวเอง จากนั้นก็บอกให้เขากิน

เขาจ้องนางนิ่งไม่ขยับ

“ข้าทำกับข้าวเป็นไม่กี่อย่าง ท่านค่อยๆ สอนข้าได้หรือไม่”

“เจ้าอยากอยู่กับข้าแล้วหรือ?”

นางก้มหน้าลงแล้วพูด “ข้ายังมีทางเลือกใดอีก”

“เจ้ายอมอยู่กับข้าชั่วชีวิตหรือ?”

“อือ ยินยอมชั่วชีวิต” นางเงยหน้าขึ้นสบตาเขา เขาเองก็ยิ้มให้นาง ทั้งสองจ้องกันไปจ้องกันมาจนกระทั่งมานั่งเกยตักกัน จุมพิตดูดดื่ม มือไม้เริ่มอยู่ไม่สุข ดีที่รั่วหลานได้กลิ่นน้ำแกงจึงรีบผลักอกเขา

“น้ำแกงจะเย็นแล้ว”

“กินเจ้าอร่อยกว่ามาก”

“หากท่านไม่กินข้าว ก็อย่าหวังจะได้กินข้า” แม้ตอนพูดจะก้มหน้าแอบสองแก้มแดงปลั่งให้พ้นตาเขา แต่เขาก็มองออกว่านางกำลังอายที่พูดออกมาด้วยถ้อยคำสองแง่สองง่ามเช่นนั้น โจวหยวนจึงยอมปล่อยมือ กินข้าวกันแต่โดยดี

หลังกินข้าวเสร็จ ทั้งสองเดินมานั่งเล่นกันหน้ากระท่อม โจวหยวนพูดขึ้น “พรุ่งนี้ข้าจะต่อแคร่ให้เจ้านั่งเย็บผ้าหน้ากระท่อม”

นางพยักหน้าแล้วพูด “ที่จริงแล้วข้ายังมีเครื่องประดับติดตัวมา ท่านเอามันไปแลกเป็นเงินให้ข้าได้หรือไม่ ชุดแต่งงานชุดนั้นก็เหมือนกัน คงขายได้หลายตำลึง”

“เจ้าไม่เสียดายหรือ”

นางส่ายหน้า

เขายิ้มแล้วรับคำ “ได้”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel