บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 เป็นเมียข้าไม่ดีที่ใด (2)

“ชื่อก็ไพรเราะเห็นหรือไม่ งามทั้งคน งามทั้งชื่อ แต่แม่หนูเสิ่ เจ้าน่ะโชคดีได้เสพสุขไปทั้งชาติแน่แล้ว” เป็นท่านป้าร่างท้วมอีกที่พูด

“เจ้าหุบปาก! พวกเขายังไม่ร่วมหอ แม่นางเสิ่นจะรู้อะไรได้ รอเข้าหอกันแล้วนางย่อมบรรลุแจ้งเอง”

“จริงด้วย รีบแต่งตัวให้นางเถอะ จะถึงฤกษ์แล้วนะ”

ท่านป้า ท่านน้า ท่านอาทั้งหลายช่วยกันลากนางไปที่บ่อน้ำ ตักน้ำรดตัวแล้วใช้รากไม้เปื่อยยุ่ยขัดถูผิวกายนางจนแดงเถือก จากนั้นลงกลิ่นหอมแปลกๆ บนผิวและผมของนาง จับนางใส่เสื้อผ้า แต่งหน้าเกล้าผม ชุดแต่งงานสีแดงก็ไม่รู้ไปหามาจากไหน ตัวหลวมไปบ้าง แต่นับว่าใส่สบาย แม้ไม่ได้ปักลายงดงามเหมือนชุดแต่งงานของนาง แต่ก็ยังดูจริงใจมากกว่าเสียอีก

แต่งตัวเสร็จไม่ได้มีเกี้ยวเจ้าสาวมารับ แต่ท่านน้าหลัว มารดาของหลัวต้านจูงมือนางเดินไปยังลานกว้างกลางหมู่บ้าน พิธีแต่งงานของที่นี่เรียบง่ายและอบอุ่นอย่างมาก ทุกคนในหมู่บ้านมาร่วมงามทั้งหมด ล้วนล้อมรอบกองไฟใหญ่ฆ่าหมูฆ่าแพะย่างกินและเต้นรำส่งเสียงสนุกสนานเท่าที่ทำได้ สุราไหใหญ่ที่สุดถูกเจ้าบ่าวอย่างโจวหยวนกระดกดื่มไปครึ่งค่อนไห

“นางหนูเสิ่น เจ้าถือว่าเป็นคนหมู่บ้านเกาสุ่ยเราแล้ว วันหน้าวันหลังมีเรื่องใดก็มาแจ้งผู้เฒ่าอย่างข้า หรือไม่ก็มารดาของหลัวต้าน พี่ป้าน้าอา ท่านตาท่านยาย ท่านลุง พี่ชาย พี่สาวที่นี่ล้วนชอบช่วยเหลือคนอื่น เจ้าไม่ต้องเกรงใจก็แล้วกัน”

รั่วหลานรับคำอย่างว่าง่าย นางไม่กล้าต่อต้านในขณะที่ทุกคนกำลังอารมณ์ดีเช่นนี้ รอกลับเรือนไปนางค่อยพูดกับพี่ชายแซ่โจวอีกที

งานเลี้ยงดำเนินไปครึ่งค่อนคืน ผู้เฒ่าหลายบ้านกลับเรือนไปแล้ว หนุ่มสาวหลายคู่ยังนั่งคุยและเต้นรำกันอยู่ ที่เมาหลับก็มีหลายคน ล้วนไม่หวาดหวั่นอากาศหนาวเย็นสักนิด โจวหยวนลุกขึ้นมาจากวงสุราแล้วตวัดร่างเจ้าสาวหมาดๆ ขึ้นบ่า เกิดเสียงเฮฮาลั่นขึ้นทันใด

“พี่โจว อีกสองวันข้าไปส่งของเอง ท่านพักผ่อนให้หายเหนื่อยเถอะนะ” หลัวต้านตะโกนไล่หลังไป

“เหนื่อยนั่นแน่นอน แต่จะพักผ่อนได้อย่างไร เสียชื่อพี่โจวหมด”

“ย่อมต้องเข้าหอสามวันสามคืนก่อนค่อยพัก ฮ่าๆ”

“รอเจ้าแต่งเมียแล้วก็เข้าใจ มาๆ ข้าจะสอนเจ้าดื่มอีกหน่อย มาน้องชาย อ้อ พรุ่งนี้ตอนเช้าเจ้าย่องเอาแพะย่างไปแขวนบนเตาให้โจวหยวนก่อนแล้วค่อยขึ้นเขาไปล่าสัตว์ละ”

หลัวต้านไม่เข้าใจหรอกว่าจะย่องไปทำไม แต่เขาก็พยักหน้ารับพี่จงอย่างว่าง่าย

โจวหยวนเดินลัดเลาะออกมาจากหมู่บ้าน บ้านของเขาอยู่ห่างจากบ้านคนอื่นมากอยู่สักหน่อย ซ้ำยังเงียบและมืด แต่เขาก็เดินเร็วคล้ายมองเห็นในที่มืด

“ท่านปล่อยข้าลงก่อน”

“เจ้าเดินในที่มืดไม่ได้หรอก รออีกหน่อย จะถึงบ้านเราแล้ว” เขาก้าวยาวๆ อีกหลายก้าว ไม่นานก็ถึงบ้านของเขา คล้ายว่าจะถูกแขวนโคมใหม่สองดวงตรงประตูบ้าน ด้านในจุดเทียนรอไว้แล้ว ที่หลับที่นอนแม้เก่าสักหน่อยแต่สะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง

เขาวางนางลงบนเตียงได้ก็ตามลงมาทาบทับ หญิงสาวตกใจจนยกมือยันแผ่นอกแข็งและหนักของเขาไว้

“ท่าน รอ รอก่อน ให้ข้าพูดก่อน พี่ชาย อือ พี่ชายโจว ท่าน ท่าน!”

“เจ้าเรียกข้าท่านพี่ ข้าจะเรียกเจ้าว่าเมียรัก ดีหรือไม่”

“ไม่ดี!” นางจับมือใหญ่ที่ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของตนออก แต่เขาสะบัดมือของนางออกแล้วดึงสาบเสื้อของนางแบะออกจากกัน ชุดแต่งงานขาดเสียงดังแควก

“ชุดนี้เก่าจนเนื้อผ้าเปื่อยหมดแล้ว”

หญิงสาวอยากจะเตะเขานัก ชุดเก่าที่ใด พี่สาวหงบอกนางว่าเป็นชุดที่นางใส่ตอนแต่งงานเมื่อสองเดือนก่อนเอง ซ้ำชุดนี้ก็ซื้อผ้ามาตัดเย็บใหม่ อย่างมากผ่านการซักไม่เกินสามครั้งด้วยซ้ำ เนื้อผ้าจะเก่าจนเปื่อยยุ่ยได้อย่างไร

เอี๊ยมถูกดึงตามออกไป ตามด้วยด้านล่าง ในที่สุดหญิงสาวก็เปลือยทั้งร่าง

สายตาของเขาจับจ้องเนินเนื้อผืนน้อยกลางหว่างขาของนางไม่ละสายตา แล้วทำท่าคล้ายขัดใจเพราะในห้องมืดเกินไป เขารีบไปจุดเทียนเพิ่มอีกสามเล่ม วางไว้ในจุดต่างๆ จนเห็นใบหน้ากันชัดเจนขึ้น หญิงสาวแทบร้องไห้ นางคว้าผ้าห่มมาบังกายไว้อย่างทำอะไรไม่ถูก

เขากลับมาที่เตียงพร้อมกลางกายตั้งเป็นกระโจมใหญ่จนดูน่ากลัว ถึงยังไงก่อนหน้านี้นางก็เป็นหญิงสาวที่กำลังออกเรือน จึงได้แม่นมมากประสบการณ์สั่งสอนเรื่องราวในห้องหอมาแล้ว นางย่อมรู้ว่ากระโจมกลางกายของเขาคืออาวุธของบุรุษเพศที่ร้ายกาจที่สุดแล้ว

เขาเดินมาพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกไปราวกับสลัดผ้าเก่าขาดออกจากร่าง ดีที่เตียงไม้แข็งแรงพอ ตอนเขาก้าวขึ้นเตียงมันแค่ส่งเสียงร้องแต่ไม่ได้พังครือลงมา

“ทิ้งผ้าห่มไปเถอะ” เขาพูดพร้อมกับกระชากผ้าห่มทิ้งข้างเตียง คืนนี้เขาไม่ต้องการผ้าผ่อนใดๆ อีกแล้ว

“ท่านรอก่อน” หญิงสาวเสียงสั่น นางไม่อาจทำใจร่วมหอได้ในทันที แต่กระนั้นโจวหยวนก็มิได้ฟังสักนิดว่านางพูดอะไร เขาหลับหูหลับตาทับนาง ลูบไล้ทั่วร่างขาวผ่อง เดี๋ยวหยิก เดี๋ยวลูบ เดี๋ยวสอด มือของเขาหยาบกระด้าง พอสัมผัสกับผิวกายอ่อนนุ่มทำให้นางวาบหวามอยู่ไม่สุข เขาเคลื่อนกายลงไปด้านล่าง ยกขาของนางข้างหนึ่งขึ้นมาจูบ ริมฝีปากเขาไต่จากเท้างดงามอมชมพูไปที่น่อง ต้นขาและหยุดอยู่ที่กลางกายนาง จับสองขานางแยกจนหญิงสาวตกใจร้องเสียงหลง

“อย่าทำเลย ขอร้องท่านเถอะ”

“เมียรัก เจ้าไม่ต้องอายหรอก รออีกหน่อยก็ได้เสพสุขแล้ว”

เขาก้มลงไปอีก บดขยี้ปลายนิ้วเข้ากับผืนป่าน้อยของนาง มือหยาบเสียดสีกับหญ้าอ่อนนุ่มแล้วก็ก้มลงไปอ้าปากครอบ ขบกัดทีหนึ่งแล้วปล่อย จากนั้นก็ครอบครองมันอย่างเต็มที่ ทั้งดูด ทั้งเลียจนเกิดเสียงหยาบโล้นทำให้หญิงสาวอับอาย ได้แต่หันกายหนี แต่นางแรงน้อย ไหนเลยจะสู้เขาได้ กายทั้งสั่นทั้งสยิวเป็นพักๆ คล้ายทนไม่ไหว คล้ายรอคอย นางเองก็บอกไม่ได้ แต่รู้ว่าเขากักขฬะมูมมามอย่างยิ่ง นางส่งเสียงครางขึ้นมาคราหนึ่ง เขาก็ยิ่งลงแรงมากขึ้น จนนางฉ่ำแฉะอย่างน่าอาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel