5
บทที่ 5 ปกป้องสะใภ้ครั้งแรก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินจือเหนียงตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกสดชื่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้เตียงไม้จะแข็งกระด้างและอากาศตอนเช้าจะหนาวเย็น แต่การได้นอนเต็มอิ่มโดยไม่มีเรื่องเครียดๆ เหมือนในชาติก่อนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อนางเดินออกมาจากห้อง ก็เห็นว่าสองสะใภ้กำลังง่วนอยู่กับการทำงานบ้านแล้ว หวานซื่อกำลังกวาดลานดินหน้าบ้าน ส่วนเหนียงซื่อกำลังซักเสื้อผ้ากองโตอยู่ที่กะละมังใบเก่า เด็กน้อยทั้งสองก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ พวกเขากำลังช่วยแม่เก็บเศษฟืนเล็กๆ น้อยๆ มาเตรียมไว้สำหรับหุงหาอาหาร
หลินจือเหนียงมองภาพนั้นแล้วก็รู้สึกอบอุ่นในใจอย่างประหลาด นี่คือครอบครัว ครอบครัวที่นางต้องรับผิดชอบนับจากนี้ไป
"ยังไม่ได้กินข้าวเช้ากันใช่ไหม" นางเอ่ยทักขึ้น
ทั้งสี่ชีวิตสะดุ้งสุดตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของนาง พวกเขารีบหยุดมือแล้วหันมาโค้งคำนับให้
"ยังค่ะ/ยังครับ”
"งั้นก็หยุดมือก่อน มากินข้าวกันก่อนแล้วค่อยทำงานต่อ"
พูดจบนางก็เดินเข้าครัวไป โดยไม่เปิดโอกาสให้ใครได้คัดค้าน
วันนี้นางตั้งใจจะทำบะหมี่น้ำหมูสับร้อนๆ ให้ทุกคนกินเป็นอาหารเช้า วัตถุดิบทั้งหมดนางแอบนำออกมาจากมิติตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว
กลิ่นหอมของน้ำซุปกระดูกหมูและหมูสับผัดกับต้นหอมลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณอีกครั้ง ดึงดูดให้เพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมาต้องชะเง้อมองด้วยความสงสัยว่าบ้านยายเฒ่าหลินไปได้ของดีอะไรมากินแต่เช้า
ขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังจะนั่งลงกินบะหมี่ร้อนๆ ที่น่าอร่อย ก็มีเสียงแหลมๆ ของใครคนหนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตู
"โอ้โห บ้านนี้กินดีอยู่ดีกันจังเลยนะ ได้ยินว่าเมื่อวานก็ได้กินหมู วันนี้ยังได้กินบะหมี่อีก ไปขโมยของใครมารึเปล่าจ๊ะจือเหนียง"
เจ้าของเสียงคือ ‘ป้าหวัง’ เพื่อนบ้านปากร้ายที่อาศัยอยู่บ้านถัดไป นางขึ้นชื่อเรื่องความขี้อิจฉาและชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของคนอื่นเป็นที่สุด
ในอดีต เจ้าของร่างเดิมมักจะโดนป้าหวังพูดจาแขวะอยู่เป็นประจำ แต่ก็ไม่เคยตอบโต้อะไรได้มากนัก เพราะฐานะทางบ้านของตัวเองนั้นย่ำแย่กว่าจริงๆ
หวานซื่อกับเหนียงซื่อหน้าซีดเผือด พวกนางรีบวางตะเกียบแล้วก้มหน้างุด ไม่กล้าสบตาแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
แต่หลินจือเหนียงคนใหม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
นางค่อยๆ วางตะเกียบลง หันไปมองป้าหวังด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากอย่างเยือกเย็น
"ป้าหวัง ปากของป้านี่ถ้าจะว่างมากสินะ ถึงได้มีเวลามาสนใจเรื่องของคนอื่นเขาไปทั่ว"
เธอตอกกลับอย่างที่ไม่คาดคิดทำให้ป้าหวังถึงกับอ้าปากค้าง "นัง...นังหลินจือเหนียง นี่แกกล้าด่าฉันเหรอ"
"ด่าอะไรกัน ฉันก็แค่พูดความจริง" หลินจือเหนียงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง กอดอกมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า "บ้านฉันจะกินอะไรมันไปหนักส่วนไหนของป้าไม่ทราบ หรือว่าที่บ้านไม่มีอะไรจะกินเลยต้องเที่ยวมาขอส่วนบุญบ้านคนอื่น"
"แก" ป้าหวังโกรธจนหน้าเขียว นางชี้หน้าหลินจือเหนียงพลางตวาด "อย่ามาปากดีหน่อยเลยทุกคนเขาก็รู้กันทั้งหมู่บ้านว่าบ้านแกมันไส้แห้งขนาดไหน จู่ๆ จะมีปัญญาไปหาซื้อหมูซื้อบะหมี่มากินได้ยังไง ถ้าไม่ได้ไปทำเรื่องชั่วๆ มา"
"เรื่องชั่วๆ?" หลินจือเหนียงหัวเราะในลำคอ "ความคิดของคนชั่วๆ ก็มักจะคิดว่าคนอื่นเขาชั่วเหมือนตัวเองนั่นแหละนะ"
นางเดินเข้าไปประจันหน้ากับป้าหวังอย่างไม่เกรงกลัว "ฉันจะหาเงินมาจากไหนมันก็เป็นเรื่องของฉัน ไม่จำเป็นต้องรายงานให้ป้าทราบ แต่ถ้าป้ายังไม่หยุดพูดจาพล่อยๆ ใส่ร้ายป้ายสีครอบครัวของฉันอีกละก็...อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ"
แววตาที่แข็งกร้าวและน้ำเสียงที่เด็ดขาดของหลินจือเหนียงทำให้ป้าหวังถึงกับผงะไป นางไม่เคยเห็นหลินจือเหนียงในมุมนี้มาก่อน มันน่ากลัวจนทำให้นางขนลุกซู่
"ฝากไว้ก่อนเถอะ" ป้าหวังทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะรีบหมุนตัวเดินจากไปอย่างหัวเสีย
เมื่อศัตรูพ่ายแพ้ไปแล้ว หลินจือเหนียงก็หันกลับมาที่โต๊ะกินข้าว นางเห็นลูกสะใภ้ทั้งสองและหลานชายอีกสองคนกำลังมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงและความชื่นชม
นี่เป็นครั้งแรกครั้งแรกที่พวกเขารู้สึกว่ามีคนคอยปกป้อง
"มองอะไรกัน" หลินจือเหนียงกลับไปนั่งที่เดิม ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "บะหมี่อืดหมดแล้ว รีบกินกันได้แล้ว"
