6
บทที่ 6 ยาจากมิติวิเศษ
หลังจากจัดการกับป้าหวังจนเผ่นหนีไป บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ความหวาดกลัวที่เคยมีอยู่จางหายไปเกือบหมดสิ้น เหลือไว้เพียงความประหม่าและความไม่คุ้นชิน เด็กน้อยทั้งสองดูจะผ่อนคลายที่สุด พวกเขากินบะหมี่เสียงดังซู้ดซ้าดอย่างเอร็ดอร่อย ส่วนสะใภ้ทั้งสองแม้จะยังคงกินอย่างเงียบๆ แต่ก็ไม่มีอาการตัวสั่นหวาดกลัวเหมือนเช่นเคย
เมื่อกินเสร็จ หวานซื่อกับเหนียงซื่อก็รีบเก็บชามไปล้างโดยไม่รอให้แม่สามีต้องเอ่ยปากเป็นครั้งที่สอง พวกเธอทำงานกันอย่างแข็งขัน ในใจรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูกที่วันนี้มีคนออกโรงปกป้องพวกเธอเป็นครั้งแรก
แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
"ท่านแม่ ท่านป้า พี่ใหญ่ตัวร้อน"
เสียงร้อนรนของหลินเป้ยดังขึ้น ทำให้ทุกคนที่กำลังทำงานอยู่ต้องรีบวิ่งไปดูที่ห้องนอนเล็กๆ ทันที บนเตียงไม้แคบๆ ร่างของหลินเป่ากำลังสั่นเทา ใบหน้าแดงก่ำ เหงื่อออกท่วมตัว และมีอาการไอออกมาเป็นระยะ
"เป่าเอ๋อร์ ลูกแม่" หวานซื่อหน้าเสีย นางรีบเข้าไปกอดลูกชายไว้แน่น ร่างเล็กๆ ของเขาร้อนจี๋ราวกับก้อนไฟ "ทำยังไงดีทำยังไงดีเจ้าคะคุณแม่"
ในยุคสมัยที่การแพทย์ยังไม่เจริญ การเป็นไข้สูงสำหรับเด็กเล็กถือเป็นเรื่องคอขาดบาดตายได้ง่ายๆ
หวานซื่อเคยเห็นลูกของเพื่อนบ้านหลายคนต้องเสียชีวิตไปเพราะอาการป่วยไข้ธรรมดาๆ แบบนี้มาแล้ว
เหนียงซื่อพยายามตั้งสติ "พี่สะใภ้ใจเย็นๆ ก่อน ลองเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวให้พี่ใหญ่ก่อนดีไหม"
"แต่เราต้องไปหาหมอเทวดาที่ท้ายหมู่บ้านนะ" หวานซื่อพูดเสียงสั่น "แต่ แต่เราไม่มีเงินเลย"
ทั้งสองคนหันไปมองหลินจือเหนียงเป็นตาเดียว ในใจคาดหวังว่านางอาจจะพอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่ก็เตรียมใจรับฟังคำด่าทอที่ว่าลูกชายของพวกนางเป็นตัวสิ้นเปลืองที่ป่วยขึ้นมาให้เสียเงินเสียทอง
ทว่าหลินจือเหนียงกลับเดินเข้ามาใกล้ๆ วางหลังมือลงบนหน้าผากของหลานชายอย่างแผ่วเบา
"ไข้สูงจริงๆ ด้วย" นางพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง "หวานซื่อ ไม่ต้องร้องไห้ ไปต้มน้ำมาหน่อย เหนียงซื่อ ไปหาผ้าสะอาดๆ มาให้แม่"
น้ำเสียงสงบเยือกเย็นนั้นกลับช่วยดึงสติของสองสะใภ้กลับมาได้อย่างน่าประหลาด ทั้งสองรีบพยักหน้ารับแล้วแยกย้ายกันไปทำตามที่บอกอย่างรวดเร็ว
หลินจือเหนียงมองหลานชายที่กำลังหายใจหอบแล้วก็ขมวดคิ้ว นางรู้ดีว่ายาแผนโบราณหรือการเช็ดตัวอย่างเดียวอาจเอาไม่อยู่ ถึงเวลาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตของนางต้องสำแดงอภินิหารอีกครั้ง
"พวกเธอช่วยกันดูแลเป่าเอ๋อร์ไปก่อนนะ" นางพูดกับสะใภ้ทั้งสองที่กลับมาพร้อมน้ำต้มและผ้าสะอาด
"เดี๋ยวย่าจะไปค้นยาในห้องดูก่อน เหมือนจะจำได้ว่าเคยซื้อยาแก้ไข้สูตรพิเศษมาจากหมอเดินทางเมื่อนานมาแล้ว เก็บไว้เผื่อฉุกเฉิน"
นางอุปโลกน์เรื่องขึ้นมาอย่างแนบเนียน ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องนอนของตัวเองแล้วปิดประตูลง
เมื่ออยู่คนเดียว หลินจือเหนียงก็เข้าสู่มิติซูเปอร์มาร์เก็ตทันที นางตรงไปยังแผนกยาและเวชภัณฑ์ มองหายาแก้ไข้สำหรับเด็กโดยเฉพาะ
"เจอแล้ว"
ยาลดไข้สำหรับเด็กชนิดน้ำเชื่อมรสผลไม้ นี่แหละคือสิ่งที่นางต้องการที่สุดในตอนนี้ นางรีบหยิบมาหนึ่งขวด ก่อนจะแกะกล่องและฉลากยี่ห้อที่เป็นภาษาปัจจุบันออกให้หมด เหลือไว้เพียงขวดแก้วสีชาที่ดูคล้ายขวดยาจีนโบราณไม่มีผิด
นางรินยาใส่ช้อนชาเล็กๆ ที่หยิบติดมือมาด้วย ก่อนจะเดินออกจากห้องไปทำทีเหมือนเพิ่งหายาเจอ
"มานี่ มาให้ย่าป้อนยานะหลานรัก" นางพูดกับหลินเป่าด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดในชีวิต "ยาของย่ารสหวานเหมือนน้ำตาลเลยนะ กินแล้วจะได้หายไวๆ"
หลินเป่าที่กำลังงอแงเพราะพิษไข้ เมื่อได้กลิ่นหอมหวานของยาและได้ยินคำพูดอ่อนโยนของย่า ก็ยอมอ้าปากกินยาแต่โดยดี
หลังจากป้อนยาเสร็จ หลินจือเหนียงก็สอนให้สะใภ้ทั้งสองใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นบิดหมาดๆ เช็ดตัวให้หลานชายเพื่อระบายความร้อน
เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ปาฏิหาริย์ก็บังเกิด
หลินเป่าที่เคยตัวร้อนจี๋และไอไม่หยุด บัดนี้ไข้เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด เหงื่อที่เคยออกท่วมตัวก็เริ่มแห้ง ใบหน้าที่แดงก่ำกลับมาเป็นปกติ และที่สำคัญคือเขาสามารถหลับตาลงนอนได้อย่างสงบ
หวานซื่อที่เฝ้าดูอาการของลูกชายอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าลูกปลอดภัยแล้วก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้น นางทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าหลินจือเหนียง
"ขอบคุณค่ะคุณแม่ ขอบคุณจริงๆ ฮือๆ ถ้าไม่ได้คุณแม่ เป่าเอ๋อร์จะต้องแย่แน่ๆ"
นี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยคำว่า "ขอบคุณ" ออกมาจากหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้งอย่างแท้จริง และมันก็เป็นครั้งแรกที่ในใจของนาง เริ่มมีความรู้สึกเชื่อใจก่อตัวขึ้นมา
