บท
ตั้งค่า

4

บทที่ 4 ความทรงจำอันเจ็บปวด

หลินเป่ากับหลินเป้ยมองหน้าย่า สลับกับมองจานหมูสามชั้นมันวาวตรงหน้า เด็กน้อยทั้งสองกลืนน้ำลายดังเอื๊อก แต่ก็ยังไม่กล้าหยิบตะเกียบขึ้นมา ความกลัวที่มีต่อผู้เป็นย่ามันฝังรากลึกเกินกว่าจะถูกลบล้างด้วยอาหารมื้อเดียว

“ย่าบอกให้กินไง” หลินจือเหนียงขมวดคิ้ว นางคีบหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ที่สุดใส่ลงในชามข้าวของหลานชายคนละชิ้น “กินเข้าไปเยอะๆ ดูสิผอมจนจะปลิวลมอยู่แล้ว”

การกระทำนั้นเหมือนเป็นสัญญาณปล่อยตัว หลินเป่าผู้เป็นพี่ชาย ทนความยั่วยวนไม่ไหวอีกต่อไป เขาใช้มือน้อยๆ ของตัวเองหยิบหมูสามชั้นชิ้นนั้นเข้าปาก

เคี้ยวอย่างตะกละตะกลามจนแก้มตุ่ย ดวงตาเบิกกว้างด้วยความอร่อยที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

เมื่อเห็นพี่ชายกิน น้องชายอย่างหลินเป้ยก็ไม่รอช้า เขารีบก้มหน้าก้มตากินข้าวในชามของตัวเองอย่างรวดเร็ว เสียงเคี้ยวข้าวและกับข้าวดังไปทั่วกระท่อมเล็กๆ

หวานซื่อกับเหนียงซื่อมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลายเหลือเกิน ส่วนหนึ่งดีใจที่ลูกๆ ได้กินของอร่อย แต่อีกส่วนหนึ่งก็หวาดระแวงจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ

แม่สามีเอาเงินจากที่ไหนมาซื้อของพวกนี้? หรือว่านางไปก่อเรื่องอะไรไม่ดีมา? ความคิดสารพัดตีกันอยู่ในหัวจนปวดไปหมด

"พวกเธอก็รีบกินสิ หรือจะรอให้แม่ป้อน" หลินจือเหนียงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ ทำลายความเงียบของสองสะใภ้

ทั้งสองสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหยิบตะเกียบขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกนางตักข้าวเข้าปากอย่างเงียบเชียบ ไม่กล้าแม้แต่จะคีบกับข้าว จนกระทั่งหลินจือเหนียงคีบไข่เจียวชิ้นใหญ่ใส่ให้คนละชิ้น

“กินเข้าไป จะได้มีแรงทำงาน”

คำพูดแข็งกระด้าง แต่การกระทำกลับสวนทางกันโดยสิ้นเชิง หวานซื่อรู้สึกตาพร่าไปหมด น้ำอุ่นๆ คลออยู่ที่เบ้าตาจนต้องรีบก้มหน้ากินข้าวเพื่อซ่อนมันเอาไว้ ขณะที่เหนียงซื่อผู้ช่างสังเกต กำลังลอบมองแม่สามีด้วยสายตาที่ซับซ้อน

มื้ออาหารดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ มีเพียงเสียงเคี้ยวและเสียงสูดปากของเด็กน้อยสองคนเท่านั้น แต่สำหรับครอบครัวนี้ มันคือมื้อที่อิ่มที่สุดและอร่อยที่สุดในรอบหลายปี

หลังจากกินเสร็จ สองสะใภ้รีบลุกขึ้นเก็บถ้วยชามไปล้างตามความเคยชิน แต่หลินจือเหนียงกลับลุกขึ้นยืนขวางไว้

"พวกเธอไปดูแลลูกเถอะ เดี๋ยวที่เหลือแม่จัดการเอง"

"จะดีเหรอคะคุณแม่" หวานซื่อถามตะกุกตะกัก งานล้างจานเป็นหน้าที่ของนางมาตลอด

"มีอะไรไม่ดี? หรือว่าพวกเธอคิดว่าแม่ล้างถ้วยชามไม่เป็น"

ทั้งสองไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้แต่พยักหน้ารับแล้วรีบพาลูกๆ เข้าห้องนอนไปอย่างว่าง่าย

เมื่ออยู่คนเดียวอีกครั้ง หลินจือเหนียงก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ไม้อย่างหมดแรง การแสดงบทบาทแม่สามีผู้เข้มแข็งมันเหนื่อยกว่าที่คิด

ขณะที่นางกำลังนั่งพัก จู่ๆ ความทรงจำอันเจ็บปวดของเจ้าของร่างเดิมก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้งภาพของหญิงสาววัยเพียง 15 ปี ถูกชายคนรักทอดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี ทั้งที่ในท้องของนางมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ถึงสองคน ภาพของคนดูถูกเหยียดหยามจากเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องที่ตราหน้านางว่าเป็นผู้หญิงไร้ยางอาย ภาพของความลำบากที่ต้องกัดก้อนเกลือกิน เลี้ยงลูกแฝดมาเพียงลำพังตลอด 20 ปี

ความเจ็บปวด ความอ้างว้าง และความโกรธแค้นของเจ้าของร่างเดิมมันรุนแรงจนหลินจือเหนียงรู้สึกราวกับเป็นเรื่องของตัวเอง น้ำตาของนางไหลออกมาอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว

"เข้าใจแล้ว..." นางพึมพำกับตัวเอง "ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้กลายเป็นคนแบบนี้"

ความยากลำบากได้หล่อหลอมให้หญิงสาวผู้อ่อนโยนกลายเป็นแม่สามีใจร้าย เพื่อปกป้องตัวเองและลูกๆ จากโลกภายนอกที่โหดร้าย แต่เกราะป้องกันที่หนาเกินไปนั้น กลับทิ่มแทงทำร้ายคนในครอบครัวของตัวเองไปด้วย

หลินจือเหนียงยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา "ไม่ต้องห่วงนะหลินจือเหนียง" นางพูดกับตัวเอง หรืออาจจะพูดกับดวงวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมที่อาจยังวนเวียนอยู่

"จากนี้ไป ฉันจะใช้ชีวิตแทนเธอเอง ฉันจะดูแลลูกๆ และหลานๆ ของเธอให้ดีที่สุด จะไม่มีใครต้องมาลำบากหรืออดอยากอีกแล้ว"

นี่คือคำสัญญาจากหลินจือเหนียงแห่งศตวรรษที่ 21

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel