2
บทที่ 2 ครอบครัวที่รอวันล่มสลาย
หวานซื่อกับเหนียงซื่อวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากห้องนอนของแม่สามี ทั้งสองคนหอบหายใจจนตัวโยน แผ่นหลังพิงกับผนังดินเย็นเฉียบเพื่อทรงตัว
ที่นี่คือส่วนที่พอจะเรียกว่าห้องครัวได้ มันเป็นเพียงพื้นที่เล็กๆ ติดกับตัวบ้าน มีเตาดินเก่าๆ หนึ่งอัน กับชั้นไม้วางของโย้เย้ แสงสว่างมีเพียงน้อยนิดที่ส่องผ่านช่องลมเข้ามา ทำให้บรรยากาศดูมืดสลัวและน่าอึดอัด
"พี่สะใภ้...เมื่อกี้..." เหนียงซื่อ สะใภ้เล็ก เป็นคนเอ่ยปากขึ้นก่อน ดวงตาของนางยังเต็มไปด้วยความหวาดระแวง "คุณแม่ดูแปลกไปนะ"
หวานซื่อ สะใภ้ใหญ่ พยักหน้าหงึกๆ เอามือกุมหน้าอกที่หัวใจยังเต้นไม่เป็นส่ำ
"ใช่น่ากลัว น่ากลัวกว่าตอนที่คุณแม่โมโหแล้วทุบตีพวกเราเสียอีก"
สำหรับพวกเธอแล้ว แม่สามีที่เงียบขรึมและพูดจาปกติ คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด เพราะมันคือความไม่ปกติที่พวกเธอไม่เคยเจอมาก่อน มันเหมือนพายุกำลังตั้งเค้า รอเวลาที่จะโหมกระหน่ำรุนแรงกว่าทุกครั้ง
"ท่านจะวางแผนทำอะไรกับพวกเราหรือเปล่า" หวานซื่อกระซิบเสียงสั่น
"หรือว่าตอนที่ท่านล้มลงไป หัวอาจจะกระแทกพื้นจนยังไม่หายดี"
ขณะที่ทั้งสองกำลังกระซิบกระซาบกันอยู่ ก็มีเสียงเล็กๆ ดังมาจากอีกมุมหนึ่งของบ้าน
"ท่านแม่ ท่านป้าข้าหิวแล้ว"
เด็กชายตัวผอมแห้งสองคน อายุราว ๆ สามสี่ขวบ เดินโซเซออกมาจากห้องนอนเล็กๆ พวกเขาคือ ‘หลินเป่า’ ลูกชายของหวานซื่อ และ ‘หลินเป้ย’ ลูกชายของเหนียงซื่อ ทั้งคู่เป็นความหวังเดียวของครอบครัวนี้ แต่สภาพกลับดูน่าสังเวชไม่ต่างจากแม่ของพวกเขา เสื้อผ้าเก่าขาด เนื้อตัวมอมแมม ดวงตาใสแป๋วแต่กลับไร้ซึ่งความสดใสร่าเริง
หวานซื่อรีบเข้าไปกอดลูกชายไว้ "เป่าเอ๋อร์ รออีกเดี๋ยวนะลูก แม่กำลังจะทำมื้อเย็นให้แล้ว"
เหนียงซื่อลูบหัวหลินเป้ยเบาๆ "เป้ยเป้ยเป็นเด็กดีนะ รออีกแป๊บเดียวนะครับ"
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปที่มุมครัว ที่นั่นมีตะกร้าสานเก่าๆ วางอยู่ และในนั้นมีเพียงมันเทศเหี่ยวๆ สองหัวนอนกองอยู่เท่านั้น
นี่คืออาหารทั้งหมดที่เหลืออยู่ในบ้านสำหรับห้าชีวิตในมื้อเย็นนี้
มันเทศสองหัวสำหรับผู้ใหญ่สามคนกับเด็กกำลังโตอีกสองคน แค่คิดก็รู้แล้วว่าไม่มีทางพอยาไส้ แต่พวกเธอก็ไม่มีทางเลือกอื่น ในยุคที่ทุกอย่างต้องใช้แต้มปันส่วน การจะมีข้าวกินทุกมื้อคือความฝันลมๆ แล้งๆ สำหรับครอบครัวที่ขาดเสาหลักอย่างพวกเธอ
ขณะที่หวานซื่อกำลังจะหยิบมันเทศขึ้นมาล้าง จู่ ๆ ร่างของหลินจือเหนียงก็เดินออกมาจากห้องนอน นางกวาดตามองไปรอบๆ ครัวที่มืดแคบ ก่อนจะหยุดสายตาลงที่หลานชายทั้งสองที่ผอมจนหนังหุ้มกระดูก แล้วจึงเลื่อนไปมองมันเทศสองหัวในตะกร้า
แววตาของนางวูบไหวไปชั่วขณะ
"มื้อเย็นมีแค่นี้เหรอ"
น้ำเสียงเรียบๆ นั้นทำให้สะใภ้ทั้งสองสะดุ้งสุดตัวราวกับถูกไฟฟ้าช็อต พวกเธอหันขวับกลับไปมองแม่สามี เตรียมใจรับเสียงด่าทอที่จะตามมาในไม่ช้า
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับผิดคาด
หลินจือเหนียงไม่ได้เกรี้ยวกราด นางเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย มองมันเทศสองหัวนั้นสลับกับใบหน้าซีดเซียวของลูกสะใภ้และหลานชาย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
"พอแล้ว" นางเอ่ยขึ้น "ไม่ต้องทำแล้ว"
หวานซื่อกับเหนียงซื่อตัวแข็งทื่อ นี่มันหมายความว่าอะไร ไม่ต้องทำแล้ว หมายความว่าคืนนี้ทุกคนไม่ต้องกินอะไรเลยอย่างนั้นหรือ นี่คือการลงโทษรูปแบบใหม่ใช่ไหม
แต่ประโยคต่อมาของหลินจือเหนียงก็ทำให้พวกเธอตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ
"วันนี้ย่าจะทำอาหารเอง พวกเธอไปดูแลลูกเถอะ"
