1
บทที่ 1 ทะลุมิติมาเป็นแม่สามีใจร้าย
ความรู้สึกแรกที่หลินจือเหนียงรับรู้ได้คืออาการปวดหัวเหมือนจะระเบิด กลิ่นดินอับๆ กับกลิ่นฟางแห้งฉุนกึ้กเข้าจมูก พร้อมกับมีเสียงผู้หญิงสองคนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ หู
“คุณแม่...คุณแม่ฟื้นแล้วเหรอคะ”
หลินจือเหนียงพยายามฝืนลืมตาที่หนักอึ้ง ภาพตรงหน้าเบลอไปหมด ก่อนจะค่อยๆ ชัดขึ้นเป็นใบหน้าของหญิงสาวสองคนที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ดวงตาของทั้งคู่บวมเป่ง เสื้อผ้าที่ใส่ก็เก่าซอมซ่อมีรอยปะอยู่เต็มไปหมด
“ที่นี่ ที่ไหน?” หลินจือเหนียงถามออกไปเสียงแหบเครือ ความทรงจำสุดท้ายของเธอคือตอนที่กำลังจัดของอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตของครอบครัว แล้วจู่ๆ ชั้นวางของก็ถล่มลงมาทับ แล้วเธอมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง?
แค่คิดเท่านั้นแหละ ความทรงจำของใครอีกคนก็ไหลทะลักเข้ามาในหัวอย่างมาก
เจ้าของร่างนี้ก็ชื่อ ‘หลินจือเหนียง’ เหมือนกัน แต่ชีวิตนี่สิคนละเรื่อง เธอคือแม่ม่ายวัย 35 ปีแห่งหมู่บ้านต้าซานในยุค 1980 ที่ใครๆ ก็รู้กันว่าปากร้ายใจดำสุดๆ โดยเฉพาะกับลูกสะใภ้สองคนที่อยู่ตรงหน้านี้ ที่เธอไปซื้อตัวมาตั้งแต่เด็กๆ เพื่อให้มาเป็นเมียของลูกชายฝาแฝด
ผู้หญิงสองคนที่กำลังร้องไห้ตัวโยนอยู่ก็คือ ‘หวานซื่อ’ สะใภ้ใหญ่ กับ ‘เหนียงซื่อ’ สะใภ้เล็ก
ส่วนสาเหตุที่เจ้าของร่างเดิมตายก็โคตรจะเหลือเชื่อ แค่โมโหที่สองสะใภ้ทำมันเทศไหม้ เลยอาละวาดทุบตีจนตัวเองหัวใจวายตายไปซะอย่างนั้น
หลินจือเหนียงที่มาจากยุค 2024 ได้แต่ถอนหายใจเหนื่อยๆ ชีวิตเธอเคยสบายมาตลอดแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับต้องมาอยู่ในร่างแม่สามีใจร้ายในยุคที่ของกินหายากยิ่งกว่าทอง
พอเห็นแม่สามีลืมตาแต่นั่งเงียบไป หวานซื่อกับเหนียงซื่อก็ยิ่งกลัวจนตัวสั่น ทั้งคู่รีบทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นดินเย็นๆ ก้มหน้าจนหัวแทบจะติดพื้น
“แม่...พวกหนูผิดไปแล้วค่ะ ยกโทษให้พวกเราด้วยนะคะ” หวานซื่อพูดเสียงสั่น
หลินจือเหนียงมองภาพนั้นแล้วรู้สึกสังเวช ในความทรงจำของร่างนี้ ลูกสะใภ้สองคนทำงานหนักยิ่งกว่าวัว แต่ไม่เคยได้กินอิ่มสักมื้อ ไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้าดีๆ แถมยังต้องเป็นกระโถนรองรับอารมณ์ของแม่สามีอีก
“ลุกขึ้นเถอะ” หลินจือเหนียงบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่กลายเป็นว่าน้ำเสียงปกตินี่แหละที่ทำให้สองสาวช็อกยิ่งกว่าเดิม ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมามองอย่างไม่เชื่อสายตา
หลายปีมานี้ พวกเธอเคยได้ยินแต่เสียงด่าทอแว้ด ๆ ไม่เคยได้ยินเสียงเรียบ ๆ แบบนี้จากปากแม่สามีมาก่อน
“แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่หน้ามืดไปหน่อย พวกเธอไปพักได้แล้ว”
หลินจือเหนียงพูดพร้อมกับยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง มองไปรอบๆ บ้านที่ควรจะเรียกว่ากระท่อมถึงจะถูก สภาพคือทำจากดิน มุงหลังคาด้วยฟาง มีแค่เตียงไม้เก่าๆ โต๊ะเตี้ยๆ แล้วก็ตู้ไม้ผุๆ หนึ่งใบ
หวานซื่อกับเหนียงซื่อยังคุกเข่าตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับ เพราะกลัวว่านี่จะเป็นแผนใหม่ของแม่สามี
หลินจือเหนียงเห็นแล้วก็ส่ายหัว “ก็แม่บอกให้ลุกขึ้นไง หรือจะให้ต้องโมโหอีกรอบหา”
ประโยคขู่ได้ผลทันที สองสะใภ้รีบจูงมือกันลุกพรึ่บ ยืนตัวตรงแน่ว ไม่กล้าหายใจแรง
หลินจือเหนียงรู้สึกปวดหัวกับสถานการณ์นี้จริงๆ เธอโบกมือไล่ส่งๆ “ไป ไปหาอะไรมาทำเป็นมื้อเย็นเถอะ แม่หิวแล้ว”
“ค่ะ/ค่ะ คุณแม่” ทั้งสองคนรับคำแทบจะพร้อมกัน ก่อนจะเผ่นออกจากห้องไปอย่างไวเหมือนหนีไฟ
พออยู่คนเดียว หลินจือเหนียงก็ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงอีกครั้ง เธอหลับตาแล้วลองตั้งสมาธิในใจ “ซูเปอร์มาร์เก็ต...ซูเปอร์มาร์เก็ตของฉัน...”
ทันใดนั้นเอง ภาพของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยสินค้าก็ปรากฏขึ้นในหัวของเธอ! มันชัดมากเหมือนภาพสามมิติเลยทีเดียว เธอเห็นชั้นวางของทุกชั้น ตั้งแต่โซนอาหารสด ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ไปจนถึงโซนของใช้ส่วนตัว ทุกอย่างยังอยู่ครบ
หัวใจของหลินจือเหนียงเต้นตึกตักด้วยความดีใจ นี่มันแจ็กพอตชัดๆ สวรรค์คงเห็นใจที่ส่งเธอมาลำบาก เลยให้ของขวัญปลอบใจชิ้นใหญ่มาด้วย
ในเมื่อมีมิติซูเปอร์มาร์เก็ตติดตัวมาด้วยแบบนี้ เธอก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว หลินจือเหนียงคนนี้จะไม่มีวันยอมให้ตัวเอง ลูกสะใภ้ และหลานๆ ต้องมาอดตายเด็ดขาด เธอจะเปลี่ยนชีวิตเฮงซวยของครอบครัวนี้ให้ได้คอยดู
