บทที่ 2
เธอกลับมาแล้ว!
เธอกลับมาแล้วจริงๆ!
ขวัญรัตน์ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของทุกคน บีบแขนตัวเองแรงๆ
ความเจ็บปวดแล่นไปทั่วร่าง ดวงตาของเธอพลันเต็มไปด้วยน้ำตา!
"ร้องไห้ทำไม! ดูเหมือนว่าครอบครัวพรมบุตร์ของฉันจะทำไม่ดีกับเธอเสียอย่างนั้น!"
เสียงทรงอำนาจดังมาจากที่นั่งด้านบน
ขวัญรัตน์ได้สติและเงยหน้าขึ้น สบตากับนายท่านธนทัตที่มองมาอย่างไม่พอใจ
เธอก้มหน้าลงทันที ดูเหมือนจะอ่อนน้อมเช่นเคย แต่ร่างกายกลับสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นจนห้ามไม่ได้
เสียงหัวเราะเยาะและเสียงซุบซิบดังอยู่รอบตัว
"อายุยังน้อยแต่ไม่รู้จักประพฤติตัวดี กล้าวางยาวัธน์เข้าเตียง ทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวไปทั้งเมือง ชัดเจนว่าต้องการบังคับให้วัธน์รับผิดชอบ แต่ตอนนี้กลับไม่กล้ายอมรับ ไม่รู้จริงๆ ว่าเลี้ยงดูมายังไง"
"ยังไงก็ไม่ใช่คนในครอบครัว ตระกูลพรมบุตร์ของเราไม่มีทางสั่งสอนคนที่ไม่รู้จักอายแบบนี้ ในอินเทอร์เน็ตมีการขุดบันทึกที่เธอแอบชอบท่านสามมาเปิดเผยแล้ว เขียนแบบที่ทำให้คนอ่านต้องหน้าแดงหูแดง! ตระกูลพรมบุตร์เสียเงินส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัย แต่กลับได้เรียนแบบหญิงโสเภณีกลับมา"
"ฉันเคยบอกแล้วว่า อย่าคนอะไรก็พามาเข้าบ้าน นี่มันเหมือนนำหมาป่าเข้าบ้านแล้วเกาะวัธน์กิน ไม่รู้ว่าเรียนรู้มาจากใครหรือว่า...เป็นพันธุกรรม"
พูดจบ หลายคนก็หันไปมองคนที่ยืนอยู่ท้ายสุดอย่างเยาะเย้ย คือแม่ของขวัญรัตน์
ปวัตร
ปวัตรหน้าซีดเซียว เหลือบมองขวัญรัตน์แวบหนึ่งแล้วก้มหน้าลง กัดริมฝีปากจนแทบพัง แต่ไม่กล้าโต้แย้งแม้แต่คำเดียว
เพราะสถานะของขวัญรัตน์นั้นพิเศษเกินไป
เธอเข้ามาในตระกูลพรมบุตร์พร้อมกับแม่ที่แต่งงานใหม่ แม่ของเธอแต่งงานกับพี่ชายคนที่สองของกวีวัธน์
ดังนั้นตามลำดับอาวุโส เธอต้องเรียกกวีวัธน์ว่าอาวัธน์
แต่เธอไม่เคยเรียกเช่นนั้นเลย
เพราะเธอไม่มีสิทธิ์
ในชาติก่อน ขวัญรัตน์ก็ยอมรับคำกล่าวหาเหล่านี้ด้วยความหวาดกลัว และยอมรับโดยนัยว่าเธอวางยากวีวัธน์เพื่อขึ้นเตียง
หลังจากนั้นเธอตั้งครรภ์และบังคับให้กวีวัธน์ต้องแต่งงานกับเธอ ไม่เพียงแต่กวีวัธน์จะเกลียดเธอ แต่คนทั้งเมืองก็รังเกียจเธอ
พวกเขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อแต่งเข้าตระกูลรวย
ชาตินี้ เธอจะเปลี่ยนโชคชะตาอันเลวร้ายของตัวเอง!
ขวัญรัตน์มองไปรอบๆ เห็นสมาชิกตระกูลพรมบุตร์นั่งอย่างสง่าผ่าเผย เธอมีความกลัวน้อยลงกว่าในชาติก่อน
เมื่อกำลังจะเอ่ยปาก...
เสียงฝีเท้าหนักแน่นของชายหนุ่มดังมาจากด้านหลัง ทุกคนยกเว้นนายท่านต่างแสดงความเคารพ
ร่างสูงสง่าเดินผ่านขวัญรัตน์ไป
คนรับใช้รับเสื้อคลุมจากแขนของเขา พยักหน้าเรียก: "ท่านสาม"
"อืม"
กวีวัธน์ยิ้มอย่างสงบ พยักหน้าให้นายท่านที่นั่งด้านบน แล้วนั่งลงอย่างช้าๆ
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยมองขวัญรัตน์เลย
ราวกับเธอเป็นคนที่ไม่มีค่าควรแก่การสนใจสำหรับเขา
แต่ขวัญรัตน์กลับจ้องเขาไม่วางตา
จนกระทั่งเขารู้สึกตัว และเหลือบตามอง
ทันใดนั้น ด้วยความทรงจำจากชาติก่อน ร่างกายของขวัญรัตน์สั่นเทาด้วยความกลัวโดยสัญชาตญาณ ในปากมีรสเลือด มือที่กำแน่นราวกับกำลังกุมมือของปลาดาวอยู่
เธอไม่มีวันลืมใบหน้านี้
เค้าโครงคมชัด ดวงตาสีดำยากจะหยั่งถึง แหวนหยกสีแดงบนนิ้วหัวแม่มือซ้ายเป็นประกายเจิดจ้าแต่แฝงไว้ด้วยสีเลือด
เหมือนกับตัวเขา ดูเย็นชาแต่อันตรายและกระหายเลือด
กวีวัธน์รับรู้สายตาของขวัญรัตน์ มือที่หมุนแหวนชะงักไปชั่วขณะ
จนกระทั่งมีมือขาวนุ่มคล้องบ่าเขา เขาจึงกลับมาเย็นชาอีกครั้ง
คือนาถินี
เธอร้องไห้มา ตาแดง ใบหน้าอ่อนหวานเต็มไปด้วยความน้อยใจ
ในที่สุด ทุกคนก็มาพร้อมหน้า!
นายท่านธนทัตเห็นกวีวัธน์มาถึงแล้ว ยกถ้วยชาขึ้นและพลิกใบชา มองไปที่ขวัญรัตน์อย่างดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ
แต่สายตากลับเย็นชาจนน่ากลัว
"พอได้แล้ว เสียงดังวุ่นวายแบบนี้ดูเหมือนอะไรกัน? ยังขายหน้าไม่พออีกหรือ?"
"ขวัญรัตน์ เธอกับแม่อยู่ในตระกูลพรมบุตร์มาหลายปี ตระกูลพรมบุตร์ก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อพวกเธอแย่ๆ ทำผิดแล้วก็ควรยอมรับ"
นี่แหละประโยคนั้น!
แทบจะข่มขู่เธอกับแม่โดยตรงแล้ว
นายท่านไม่เคยชอบปวัตรอยู่แล้ว
เมื่อถูกขู่เช่นนี้ ปวัตรที่ขี้กลัวและกังวลอยู่เสมอยิ่งทนไม่ไหว
เธอรีบเดินไปดึงแขนขวัญรัตน์ ร้องไห้พลางขอร้อง: "ขวัญ รีบขอโทษคุณปู่เถอะ ขอโทษแล้วจะไม่มีเรื่องอีก อย่าทำให้เรื่องใหญ่โตไปกว่านี้เลย!"
ขอโทษ?
ฮึ
ปวัตรไม่รู้ว่า นายท่านไมคิดจะปล่อยเธอไปเลยด้วยซ้ำ เขาแค่รอให้เธอก้มหัวยอมรับผิดเพื่อเป็นเป้ารับความรุนแรงจากชาวเน็ตแทนตระกูลพรมบุตร์
ขวัญรัตน์ไม่ก้มหน้าอีกต่อไป เธอยืดตัวตรง กวาดตามองทุกคน และสุดท้ายก็มองไปที่กวีวัธน์
สบตากัน ดวงตาของเขาเย็นชา ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ
ดูเหมือนเขาคาดการณ์ชะตากรรมของเธอไว้แล้ว
แต่ครั้งนี้ อาจจะทำให้เขาผิดหวัง
ขวัญรัตน์ภายใต้สายตาของกวีวัธน์ที่กะพริบเล็กน้อย พยุงตัวเองขึ้นจากเข่าที่ชา และหัวเราะเบาๆ
"ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย?"
"เธอพูดอะไรนะ?" นายท่านธนทัตโกรธจนหน้าเขียว ชาในมือเขาหกไปไม่น้อย
ขวัญรัตน์พูดอย่างชัดเจนทีละคำ: "อย่างแรก ไม่ใช่ฉันเป็นคนวางยา ทำไมฉันต้องขอโทษ อย่างที่สอง คนในรูปมันเบลอมาก ปาปารัสซี่บอกว่าเป็นฉันก็เป็นฉันแล้วงั้นหรือ? พวกคุณเห็นกับตาว่าฉันขึ้นเตียงเขาหรือ? หรือว่า...อาวัธน์เห็นชัดๆว่าเป็นฉัน? ถ้าเขารู้สึกตัวดี อาวัธน์จะทำอะไรฉันได้ยังไง? แต่ถ้าเขาไม่รู้สึกตัว ใครจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นฉัน? ใช่ไหม?"
ขอเพียงเธอไม่ยอมรับ!
นอกจากกวีวัธน์จะยอมรับ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงในรูปนี้จะเป็นใครก็ได้
แต่กวีวัธน์รักนาถินีมาก เขาจะยอมรับได้อย่างไร?
เขาน่ะ
ไม่อยากะให้คนคืนนั้นเป็นเธอที่สุด!
แต่ดวงตาสีดำของกวีวัธน์ลึกลง มือที่สวมแหวนหยกค่อยๆ กำแน่น เขาไม่ได้ตอบคำถามของขวัญรัตน์ แต่กลับถามว่า
"เธอเรียกฉันว่าอะไร?"
"อาวัธน์"
ขวัญรัตน์มองเขาอย่างเย็นชา กดทุกอารมณ์ความรู้สึกลงไปลึกๆ
ชาตินี้ ความผิดพลาดทั้งหมดจะจบลงที่คืนวานนี้
"ดีมาก"
กวีวัธน์พูดเบาๆ ดวงตาลึกล้ำ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆ
นั่งอย่างสง่า แขนพาดบนที่วางแขนอย่างไม่ใส่ใจ มือที่ห้อยลงมาเรียวยาวและแฝงไว้ด้วยพลัง
เพียงแค่ท่าทางก็แสดงความเหนือกว่าของผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง
ราวกับต้องการมองทะลุขวัญรัตน์
ขวัญรัตน์เม้มปาก แม้จะได้ชีวิตใหม่ พลังกดดันของกวีวัธน์ก็ยังทำให้เธอกลัวจากก้นบึ้งของหัวใจ
เธอได้แต่หันหน้าหนี
นายท่านธนทัตวางถ้วยชาลงแรงๆ เคราของเขาสั่นเทา และถามอย่างเคร่งเครียด: "แล้วเธอบอกว่าเป็นใคร?"
ขวัญรัตน์คลายกำปั้นที่บีบแน่น และชี้ไปที่คนหนึ่ง
"เธอคนนั้น"
นาถินี
น้ำตาที่กำลังจะร่วงของนาถินีค้างอยู่ที่หางตา เธอตกใจอย่างเห็นได้ชัด
ขวัญรัตน์ยิ้มเล็กน้อย
ชาตินี้ เธอจะทำให้ความรักที่น่าอิจฉาของทั้งสองสมหวัง
เธออยากเห็นว่า หากวันหนึ่งกวีวัธน์รู้ความจริงเกี่ยวกับคนที่เขารักลึกซึ้ง เขาจะรู้สึกอย่างไร
