บทย่อ
หลังจากปล่อยตัวปล่อยใจไปกับกวีวัธน์ น้องชายสามีในนามในคืนนั้น ขวัญรัตน์ทนทุกข์ทรมานมานานถึง8ปี ตอนที่เขากอดอัฐิลูกสาวไว้พร้อมจะฆ่าตัวตาย กวีวัธน์กลับไปจัดงานฉลองวันเกิดยิ่งใหญ่ของลูกชายหญิงในใจ ไม่เหลียวแลเธอเลยสักนิด พอลืมตาขึ้นอักครั้ง เธอที่เกิดใหม่อีกครั้ง จะทำให้กวีวัธน์ต้องได้ชดใช้อย่างสาสม! ชาติที่แล้ว เธอได้อธิบายอย่างหนักแน่น กวีวัธน์ว่าเธอมีเจตนาแอบแฝงคิดจะจับเขา ชาตินี้เธอได้ขีดเส้นความสัมพันธ์ให้ชัดเจนต่อหน้าทุกคน! ชาติที่แล้ว หญิงในใจขโมยผลงานของเธอไปหน้าด้านๆ กวีวัธน์ว่าเธออิจฉาริษยาเป็นนิสัย ชาตินี้เธอจะเหยียบหญิงในใจของเขาขึ้นไปรับรางวัลให้ดู! ชาติที่แล้ว เธอถูกเจาะจงใส่ร้ายป้ายสีมาตลอด กวีวัธน์ก็เอาแต่เข้าข้างหญิงในใจอยู่เรื่อยไป ชาตินี้ เธอจะตบๆๆนังผู้หญิงคนนั้นให้คว่ำไปซะ! กวีวัธน์นึกว่าขวัญรัตน์จะรักเขาไม่เปลี่ยนแปลง ถึงตอนที่ขวัญรัตน์จากไปโเยไม่หันกลับมา เขาใจลนลานอย่างแปลกๆ กวีวัธน์ผู้หยิ่งยโสคนนั้น ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธและเศร้าใจปะปนกัน ดึงเธอไว้:"ขวัญ อย่าทิ้งผมไป ให้ผมไปกับคุณด้วยได้มั้ย"
บทที่ 1
ตามกฎระเบียบแล้ว โรงประกอบพิธีฌาปนกิจศพไม่อนุญาตให้ญาติชมการเผาศพเลย
เพราะขวัญรัตน์จ่ายเงินไปแล้ว เธอเข็นเตียงเหล็กที่เย็นเฉียบเข้าไปในห้องเผา
ในอากาศมีกลิ่นไหม้ และเถ้าลอยละอองในแสงแดด
บางทีอาจเป็นเถ้ากระดูก
ในไม่ช้า ลูกรักของเธอก็จะกลายเป็นแบบนี้
ขวัญรัตน์สวมชุดดำยาว แม้จะเป็นไซส์เล็กที่สุดก็ยังซ่อนรูปร่างผอมโซของเธอไม่มิด
ดวงตาคู่ที่บวมแดงจากการร้องไห้ บัดนี้กลับดูสงบนิ่งอย่างผิดปกติ
เธอเอื้อมมือไปสัมผัสมือเล็กซีดเย็นใต้ผ้าขาว แล้วใส่ดาวกระดาษสีชมพูสองดวงลงในฝ่ามือของลูกสาว
"ปลาดาว รอแม่หน่อยนะลูก"
ถึงเวลาแล้ว
เจ้าหน้าที่เข้ามาดึงตัวขวัญรัตน์ออก พร้อมเปิดผ้าขาวเผยให้เห็นร่างของปลาดาว
แปดขวบแล้ว แต่ยังผอมเล็ก มีซี่โครงเห็นชัดและมีรอยบุ๋มตรงท้องน้อย
จ้องมองที่รอยบุ๋มนั้น น้ำตาของขวัญรัตน์ก็ไหลอีกครั้ง
เป็นเธอเองที่ปกป้องปลาดาวไม่ได้!
เจ้าหน้าที่ปลอบเบาๆ: "ประคองใจไว้นะคะ อย่างน้อยหลังจากลูกสาวของคุณจากไป ไตของเธอได้ช่วยชีวิตเด็กอีกคน เด็กคนนั้นจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขแทนลูกสาวของคุณ"
ดวงตาของขวัญรัตน์วาบขึ้นด้วยความเย็นชา เธอยิ้มเยาะ
"ใช่ เด็กคนนั้นเป็นลูกนอกสมรสของสามีฉัน ตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนกำลังจัดงานวันเกิดใหญ่โตให้เด็กคนนั้น คุณรู้ไหม? วันนี้ก็เป็นวันเกิดของลูกสาวฉันด้วย"
เจ้าหน้าที่ชะงัก ไม่รู้จะปลอบผู้หญิงที่สิ้นหวังตรงหน้านี้อย่างไร
ขวัญรัตน์มองปลาดาว ยิ้มอย่างซีดเซียว: "เผาเถอะ อย่าให้เสียฤกษ์ หวังว่าลูกสาวของฉันจะเกิดในครอบครัวที่ดีในชาติหน้า"
เจ้าหน้าที่ถอนหายใจเบาๆ ส่ายหน้าแล้วนำร่างไปยังเตาเผา
อาจด้วยความเห็นใจ เขาจึงบังกระบวนการเผาไว้บ้าง
แต่ขวัญรัตน์ไม่กลัวเลย เพราะปลาดาวได้หลุดพ้นแล้ว
ไม่ต้องถูกพ่อเกลียดทุกวันอีกต่อไป
"แม่คะ ทำไมพ่อไม่ชอบหนู?"
"แม่คะ ทำไมพ่อถึงชอบลูกชายของป้านี?"
"แม่คะ พ่อไม่ชอบแม่เพราะหนูใช่ไหม? ขอโทษนะคะแม่"
ลูกสาวที่แสนดีของเธอ!
ถูกกวีวัธน์ทำร้ายจนตาย!
ทั้งที่สัญญาว่าก่อนวันเกิด เขาจะพาลูกสาวไปสวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดเพื่อทำตามความฝันวันเกิดของเธอ ได้อยู่กับพ่อตามลำพัง
แต่เขากลับผลักลูกสาวเข้าห้องผ่าตัดเพื่อบริจาคไตให้ลูกชายของเขา
แล้วปล่อยให้เธอติดเชื้อตายอย่างเดียวดายบนเตียงคนไข้
และขวัญรัตน์ผู้เป็นแม่กลับเป็นคนสุดท้ายที่รู้!
เธอยังจำได้ไม่ลืมตอนที่วิ่งเข้าไปในห้องคนไข้ เห็นร่างไร้วิญญาณของลูกสาว
นาฬิกาข้อมือเด็กที่เปื้อนเลือดบนหัวเตียง กำลังพยายามโทรหาพ่ออย่างน่าขัน
เมื่อติดต่อได้ ปลายสายส่งเสียงมาเพียงประโยค
"อย่าเป็นบ้าเหมือนแม่แก"
ตู้ดๆๆ...
ฟังเสียงสัญญาณไม่ว่าง ขวัญรัตน์กลั้นน้ำตากอดลูกสาว กลัวว่าถ้าร้องไห้จะทำให้ลูกที่รักตกใจ
จริงๆ แล้ว ตั้งแต่นาถินีพาลูกชายกลับประเทศอย่างเปิดเผยและกล่าวหาว่าขวัญรัตน์ข่มเหงพวกเขาสองแม่ลูก
เธอก็ถูกกวีวัธน์บีบให้กลายเป็นผู้หญิงบ้าในสายตาทุกคน
โดยเฉพาะเมื่อกวีวัธน์ได้ยินนาถินีร้องไห้ว่า ตัวเองลำบากยากเข็ญในต่างประเทศจนคลอดลูกก่อนกำหนดที่มีปัญหาไต สายตาที่เขามองขวัญรัตน์
ชายผู้แสนสง่างามคนนั้น กลับโหดร้ายอย่างที่สุด
ไม่สนใจคำอธิบายของเธอ เขาสาปแช่ง: "ขวัญรัตน์ เธอทำร้ายนีกับลูกชายของฉัน ฉันจะให้พวกเธอชดใช้เป็นสองเท่า"
กวีวัธน์ทำได้จริง และทุกอย่างก็ควรจบลงแล้ว
เมื่อขวัญรัตน์ตื่นจากภวังค์ความทรงจำ ในมือเธอมีโถใส่กระดูกสีชมพู
ปลาดาวชอบสีชมพู
เธอกอดโถใส่เถ้ากระดูกแน่น: "ปลาดาว เรากลับบ้านกันเถอะ"
ลมพัดชายกระโปรงของหญิงสาว ในแสงแดดแต่กลับดูเศร้าสร้อยและว้าเหว่เหลือเกิน
...
ขวัญรัตน์กลับไปที่บ้านที่เธออยู่กับกวีวัธน์ จัดของลูกสาวเล็กน้อย แล้วนั่งเหม่อกอดโถใส่เถ้ากระดูกจนค่ำ
นอกประตูมีเสียงรถจอด
จากนั้น ร่างสูงดำสง่าเดินเข้ามา
เป็นกวีวัธน์
ผ่านไปแปดปี เขายังคงดูสง่างามน่าเกรงขามเหมือนตอนที่พบกันครั้งแรก
และยังคงมองข้ามเธอเหมือนเดิม
กวีวัธน์ไม่มองเธอ เดินผ่านเธอขึ้นบันได
ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อลงมา เขาเปลี่ยนเป็นสูทที่เก็บรักษามาหลายปี
เป็นสูทที่นาถินีออกแบบให้เขาตอนพวกเขาหมั้นกัน
กวีวัธน์ยังคงไม่มองขวัญรัตน์
แปดปีนี้ เขาทำร้ายเธอด้วยความเย็นชาแบบนี้มาตลอด
เมื่อนึกอยากทรมานเธอก็กดเธอลงบนเตียง เมื่อระบายอารมณ์เสร็จก็เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
ส่วนลูก...
เขาถึงกับห้ามปลาดาวเรียกเขาว่าพ่อ
อาจเพราะวันนี้ขวัญรัตน์เงียบผิดปกติ กวีวัธน์จึงหยุดฝีเท้า แต่ไม่หันกลับมา
"คืนนี้ฉันไม่กลับ บอกปลาดาวอย่าโทรหาฉันพร่ำเพรื่อ"
"ค่ะ"
ขวัญรัตน์ลูบโถใส่เถ้ากระดูกที่ยังเหมือนมีไออุ่นของปลาดาวอยู่
ถ้าเขายอมมองเธอสักวินาที แม้เพียงวินาทีเดียว เขาอาจจะสังเกตเห็นโถกระดูก
กวีวัธน์จัดกระดุมข้อมือ พูดเย็นชา: "เธอคิดดูว่าต้องการอะไรตอนหย่า อีกสองสามวันไปจัดการเรื่องเอกสาร ลูกฉันไม่เอา"
"ค่ะ"
ขวัญรัตน์ยังคงสงบนิ่ง
ดีแล้ว ต่อไปปลาดาวจะเป็นของเธอคนเดียว
มือของกวีวัธน์ชะงัก แต่เขาก็ยังไม่สนใจขวัญรัตน์
"เพื่อเป็นการตอบแทนที่ปลาดาวช่วยชีวิตดนตร์ ค่ารักษาพยาบาลและค่าอาหารบำรุงต่อจากนี้ ฉันจะรับผิดชอบทั้งหมด แต่ฉันไม่อยากเจอพวกเธออีก นี่ถือเป็นการไถ่บาปครั้งสุดท้ายของพวกเธอ"
"ค่ะ"
ขวัญรัตน์คิดในใจ ใช่ อีกไม่นานก็จะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว
กวีวัธน์รู้สึกหงุดหงิดอย่างไร้สาเหตุ เมื่อกำลังจะหัน โทรศัพท์จากนาถินีก็ดังขึ้น
ทันทีที่รับสาย ห้องเงียบๆ ก็ได้ยินเสียงเด็กร้องอย่างดีใจ
"พ่อครับ! รีบมาสิครับ! ผมกับแม่รอพ่ออยู่"
"มาแล้ว"
น้ำเสียงของกวีวัธน์สดใส เร่งฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว
โดยไม่สังเกตเลยว่า หญิงสาวด้านหลังกำลังกอดสิ่งในอ้อมแขนแน่น และค่อยๆ แข็งทื่อไปทีละนิด
แสงจันทร์ตกลงมา
ขวัญรัตน์หยิบเค้กที่สั่งไว้ล่วงหน้าสำหรับปลาดาวออกจากตู้เย็น
จุดเทียนวันเกิด
"HAPPY BIRTHDAY TO YOU HAPPY BIRTHDAY TO YOU..."
เธอร้องเพลงพลางราดน้ำมันรอบๆ ตัว จากชั้นบนถึงชั้นล่าง ไม่เว้นแม้แต่มุมเล็กๆ
เพราะเธอไม่คิดจะเว้นตัวเองด้วย
ถ้าเมื่อก่อน เธอแข็งแกร่งพอที่จะปฏิเสธการแต่งงานกับกวีวัธน์
ทุกอย่างคงไม่เกิดขึ้น
เมื่อเตรียมทุกอย่างเสร็จ เธอกลับไปนั่งที่โต๊ะอาหารกอดโถกระดูก
"ปลาดาว สุขสันต์วันเกิดนะ รอแม่นะลูก"
ขวัญรัตน์โยนเทียนวันเกิดไปที่ผ้าม่าน
...
งานเลี้ยง
กวีวัธน์พานาถินีและลูกชายเข้างานอย่างเปิดเผย
ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติ ทุกคนชื่นชมความสุขสมบูรณ์ของทั้งสาม ถึงขนาดมีคนนินทาขวัญรัตน์
มีเพียงเพื่อนหมอของกวีวัธน์ที่ขมวดคิ้ว และรีบเดินมาหาเขา
"ท่านสาม ขอแสดงความเสียใจด้วย"
"หมายความว่ายังไง?"
"ลูกสาวของคุณ...ติดเชื้อหลังผ่าตัดและเสียชีวิตแล้ว วันนี้คุณนายไปรับศพที่สุสานครับ"
"ขวัญรัตน์จ่ายเงินให้คุณเท่าไหร่?" กวีวัธน์ยกแก้วดื่มอย่างไร้อารมณ์
"ผมส่งใบมรณบัตรให้คุณแล้วไม่ใช่เหรอ? คุณยังบอกว่าได้รับแล้วด้วย"
พูดจบ นาถินีก็กุมมือลูกชายแน่นด้วยความกังวล
ในเวลานั้น โทรศัพท์ของกวีวัธน์ดังขึ้น
"ท่านสาม คฤหาสน์ไฟไหม้ครับ"
แก้วในมือกวีวัธน์ตกแตก เขาหมุนตัวจากไป
เขาไม่รู้ว่าเหยียบคันเร่งแรงขนาดไหนถึงมาถึงคฤหาสน์ มองบ้านที่ถูกไฟท่วมอย่างดุเดือด ราวกับมีอะไรบางอย่างทิ่มแทงหัวใจ
ผ้าม่านตกลง เผยให้เห็นขวัญรัตน์นั่งตรงหน้าเค้กวันเกิดพร้อมโถกระดูกในอ้อมแขน
เธอยิ้มให้เขาเหมือนวันแรกที่พบกัน
"ลาก่อน ฉันเกลียดคุณ ถ้าทุกอย่างย้อนกลับไปได้..."
พูดไม่ทันจบ ทั้งบ้านก็ถล่มลงมา
อาจเป็นภาพหลอนก่อนตาย ขวัญรัตน์คล้ายเห็นกวีวัธน์คุกเข่าลง
ช่างเถอะ
ปลาดาวของเธอมารับเธอแล้ว
"แม่คะ แม่คะ"
...
ยามบ่าย แดดแผดเผา
บรรยากาศในห้องโถงตระกูลพรมบุตร์ร้อนระอุราวกับถูกไฟย่าง
ถ้วยชาแตกกระจาย เศษแก้วบาดผิวหนัง ความเจ็บปวดทำให้ขวัญรัตน์ได้สติทันที
เธอคุกเข่าอยู่กลางห้องโถง มองทุกคนอย่างงุนงง
นี่คือ...