บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

หลังจากเลิกงานและเดินออกมาจากประตูบริษัท ฉันก็เห็นภูผายืนรอฉันอยู่ที่หน้าประตู

เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางที่หล่อเหลา แต่เสื้อยืดที่เขาสวมใส่นั้นมันเก่าโทรมดูไม่เหมาะสมกับรูปลักษณ์ของเขาเลย

ฉันจำได้ว่าเสื้อยืดสีดำตัวนี้ กันตาซื้อให้เขาตอนที่เดินช็อปปิ้ง

ตอนนั้นภูผาเคยบอกว่าตนเองไม่ชอบสีดำแต่ชอบสีขาว

แต่ตลอดทั้งฤดูร้อนนี้เขาเอาแต่สวมใส่เสื้อยืดสีดำตัวนี้! ปากก็บอกว่าไม่สนใจ แต่พฤติกรรมกลับเป็นตรงกันข้าม

หลังเลิกงานพวกเพื่อนร่วมงานที่เดินกันอยู่บนถนนนั้นเมื่อเห็นภูผาที่หล่อเหลา ต่างก็พากันร้องเสียงหลง

ถ้าเป็นเมื่อก่อน ฉันจะรู้สึกภาคภูมิใจกับเรื่องนี้มาก จากนั้นก็จะเข้าไปควงแขนภูผาอย่างมั่นใจ เพื่อประกาศแสดงความเป็นเจ้าของว่า ฉันคือแฟนสาวของเขา พวกเธอที่หลงใหลหยุดคิดที่จะได้ผู้ชายของฉันไปครอง

แต่ในตอนนี้ ฉันต้องทำเป็นมองไปยังทิศทางอื่น ไม่อยากที่จะเดินไปยังข้างกายของเขา

ภูผายืนอยู่ในระยะไกลออกไปและเมื่อเห็นฉันแล้วก็วิ่งเหยาะๆ มาหาฉัน

และพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดีว่า “ณิชา คืนนี้คุณไปเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ของบริษัทด้วยกันกับผมนะ”

ฉันตอบกลับไปว่า “นายไปหากันตาให้เธอไปร่วมงานเป็นเพื่อนนายเถอะนะ”

ก่อนหน้านี้ฉันวนเวียนเกาะติดอยู่รอบตัวของภูผามาโดยตลอด เหมือนกับแผ่นพลาสเตอร์บรรเทาปวดที่แปะอยู่บนตัวเขาตลอดเวลา

ต่อมาเมื่อกันตากลับมาแล้ว ภูผาก็มักจะอยู่กับเธอ ส่วนฉันก็กลายเป็นคนโดดเดี่ยว

ภูผาครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดขึ้นว่า

“คืนนี้หล่อนเข้าร่วมงานเลี้ยงในฐานะผู้ว่าจ้าง”

ฉันยิ้มอย่างขมขื่น แท้จริงแล้วก็ถูกผู้หญิงคนนั้นปล่อยทิ้งนั่นเอง

ฉันจึงพยักหน้าตกลง

เมื่อมาถึงบนรถ ฉันก็มองเห็นว่าที่นั่งด้านข้างคนขับมีสเปรย์น้ำหอมปรับอากาศกลิ่นดอกกุหลาบวางอยู่ด้วย

ก่อนหน้านี้ฉันรู้สึกว่ารถของเขามีกลิ่นเหม็น และเคยได้ซื้อสเปรย์น้ำหอมปรับอากาศจำพวกนี้ให้กับเขาแล้ว แต่เขาไม่ชอบกลิ่นดอกกุหลาบก็เลยโยนทิ้งไปแล้ว

“นายเคยบอกว่าสเปรย์น้ำหอมปรับอากาศกลิ่นดอกกุหลาบนี้มีกลิ่นเหม็นไม่ใช่เหรอ? ”

ภูผายิ้มขึ้นที่มุมปากและพูดว่า “พอดีกันตาชอบกลิ่นนี้เลยเก็บเอาไว้น่ะ มันก็หอมดีนะ”

ฉันเย็นชาไปชั่วขณะและก็ไม่ได้สอบถามอะไรเขาอีก

ฉันคือแฟนของเขาคนนั้นที่ไม่เคยได้รับความใส่ใจมาก่อนเลย

เมื่อมาถึงห้องโถงงานเลี้ยง

ขณะที่กันตามองเห็นภูผาก็ยิ้มไม่หุบ แต่เมื่อหล่อนเห็นฉันยืนอยู่ข้างกายก็แสดงท่าทีเย็นชาออกมา

“ในที่สุดพี่ภูผาก็มาถึงแล้ว”

ฉันรู้สึกว่าตนเองยืนอยู่ด้านข้างพวกเขาเหมือนจะเป็นส่วนเกิน ดังนั้นจึงมองหามุมสงบแล้วก็นั่งลง

ช่วงระหว่างงานเลี้ยงนั้น

พวกเพื่อนร่วมงานต่างก็แปลกใจกับภาพวันนั้นที่ภูผาสวมแหวนหมั้นให้กับกันตา

พวกคนเหล่านั้นสอบถามภูผาว่านี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอ

ภูผาควงแขนกันตาพร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น

“แรงบันดาลใจในการออกแบบแหวนหมั้นนี้มาจากกันตา ฉันเต็มใจที่จะสวมแหวนหมั้นนี้บนมือของเธอ” พวกที่รู้จักกันตาต่างก็พากันส่งมอบสายตาอวยพรความสุขมาให้

ฉันก็เหมือนกับคนที่ไม่มีอะไรทำนั่งอยู่ในมุมตามลำพัง ไม่ส่งผลกระทบต่อการแสดงความรักซึ่งกันและกันของพวกเขา

พวกลูกค้าและเพื่อนร่วมงานต่างก็รู้ตั้งนานแล้วว่าฉันเป็นแฟนของภูผา พวกเขารู้สึกว่าฉันเป็นแฟนกับภูผาดูแล้วไม่ค่อยจะเหมาะสม

ฉันกับภูผาเป็นแฟนกันพวกเขาไม่เคยที่จะอวยพรให้เลย

ก่อนหน้านี้ฉันมักจะคะยั้นคะยอภูผา บอกให้เขาพาฉันไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ จุดประสงค์ก็เพื่อให้เพื่อนของภูผารู้จักฉัน

แต่พวกเขามักจะหัวเราะเยาะ ถึงขนาดที่นินทาลับหลังถึงการแต่งกายของฉัน ว่าไม่เหมาะสมที่จะพามาออกงานด้วย

เวลานี้ฉันจึงเข้าใจถึงความโง่เขลาของฉัน

ฉันนั่งอยู่ด้านข้างมองดูพวกเขาอยู่ในงานเลี้ยงและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเขาต่างหากถึงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกันอย่างแท้จริง

ภูผาช่วยกันตาคีบเอาต้นหอมออกมาจากอาหาร

ฉันจำได้ว่าตนเองก็ไม่ชอบกินต้นหอม

แต่ภูผาชอบกิน และเพื่อที่จะปรับตัวเข้ากับเขา ฉันก็เลยต้องกินต้นหอมด้วย

ภูผาดูแลเอาใจใส่กันตาอย่างกับตนเองเป็นแม่

กันตามองไปยังภูผาด้วยความดีใจ

ที่จริงแล้วภูผาเองก็ดูแลเอาใจใส่คนอื่นเป็นด้วย

เมื่อฉันเห็นแล้วก็รู้สึกว่าหัวใจเหมือนจะถูกอะไรทิ่มแทงเข้าอย่างนั้น

ฉันบอกกับตัวเองว่า จะไม่รักไม่สนใจแล้ว แต่ความคับข้องใจและความเศร้าโศกเสียใจก็ขวางกั้นไม่อยู่ ฉันหยุดยั้งตัวเองไม่ให้ร้องไห้ไม่ได้

เพื่อนร่วมงานหญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นว่าฉันผิดปกติ เธอกลับไม่ได้เป็นห่วงแต่เหมือนว่ามองเห็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรอย่างไรอย่างนั้น

เธอพูดกับภูผาว่า “นักออกแบบภูผาห้ามลำเอียงนะแล้วแฟนสาวของนายล่ะ”

ภูผาจึงนึกขึ้นได้ และมองไปยังฉันที่นั่งอยู่ในมุมแห่งหนึ่ง

เขาเดินมาหาฉันแล้วจูงฉันมานั่งที่โต๊ะหลัก

“คุณอยากทานอะไร? ผมจะบอกพนักงานนำมาให้คุณ”

“ฉันไม่อยากกินอะไรแล้ว ทานอิ่มแล้ว” พร้อมกับมองไปยังถ้วยชามที่ว่างเปล่าเบื้องหน้า

“ผมจำได้ว่าคุณชอบกินกุ้ง เอากุ้งสักหน่อยไหม? ”

ได้ยินคำว่ากุ้ง สีหน้าของฉันก็หม่นหมองลง

ฉันแพ้กุ้ง! เขาจำไม่ได้แล้วเหรอเนี่ยะ

“ไม่อยากกิน” ฉันตอบกลับอย่างเย็นชา

“อย่างนั้นกินปู? ”

ฉันแพ้ทั้งกุ้งและปู!

ฉันส่ายศีรษะ

ภูผาเริ่มโกรธบ้างแล้ว เขาไม่เคยเห็นฉันปฏิเสธต่อเขาแบบนี้มาก่อนเลย

เขามองมาที่ฉันด้วยสายตาที่แปลกประหลาด

ฉันเงยหน้ามองเขาอย่างเย็นชา “ฉันกินอาหารพวกนี้ไม่ได้! ”

“พี่ณิชาไม่ชอบกินอาหารทะเล อย่างนั้นก็สั่งมาให้ฉันกินแล้วกัน ฉันชอบกิน” กันตาพูดขึ้น

“ตกลง ดีเลย ให้กันตากินก็แล้วกัน”

ฉันทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงรีบหยิบกระเป๋าและลุกเดินออกไปจากงานเลี้ยงทันที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel