ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
“คุณเป็นแม่ไม่ได้เรื่องยังไงล่ะ ลองหันกลับไปดูสิว่าคุณเลี้ยงเจ้าปัด เลี้ยงยัยเปรมมายังไงถึงได้เป็นคนแบบนี้ แล้วคุณลองหันไปดูยัยปิ่นลูกสาวอีกคนที่คุณปล่อยให้คนรับใช้เลี้ยงจนโต แล้วยัยปิ่นเป็นยังไงยัยปิ่นเป็นเด็กดี ขยันเรียน ขยันทำงาน ช่างแตกต่างกันจริงๆ แล้วถ้าผมรู้ว่าคุณจะเลี้ยงลูกให้เป็นเทวดาแบบนี้ ผมคงส่งตาปัดกับยัยเปรมให้คนใช้เลี้ยงไปแล้ว มันคงจะเป็นผู้เป็นคนได้มากกว่าทุกวันนี้ เพราะการเลี้ยงลูกแบบผิดๆ ของคุณ!” คุณกิตติระเบิดอารมณ์ใส่อย่างสุดจะทน และเป็นเพราะตัวท่านเองที่ยกหน้าที่เลี้ยงดูลูกให้กับภรรยามาตลอด กระทั่งเพิ่งจะได้มารู้เรื่องเมื่อห้าปีก่อนว่าปภาดาไม่เคยสนใจปิ่นมุก ลูกสาวฝาแฝดอีกคน เลยทำให้ปิ่นมุกต้องไปอยู่ในความดูแลของแม่ครัวคนเก่าแก่และบรรดาคนรับใช้ ที่ทั้งรักทั้งสงสารคุณหนูคนเล็กของบ้าน ทั้งหมดจึงได้มอบความรักให้กับปิ่นมุกและสอนสั่งให้รักพี่รักน้อง ต่างจากคนเป็นแม่ที่เกลียดชังลูกสาวคนเล็ก เพราะอุปทานไปว่าบุตรสาวอีกคนหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับเพื่อนสนิทและเป็นอดีตคนรักของสามี จากนั้นก็ชักนำให้บุตรสาวคนโตเกลียดแฝดผู้น้องและสอนให้ปิ่นสุดารักแค่ปฐวีคนเดียว
“แล้วน้ำหน้าอย่างคุณล่ะทำอะไรบ้าง วันๆ เอาแต่ทำงาน แล้วก็ควงผู้หญิงอื่น คุณอย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะที่อ้างว่าติดประชุม อ้างว่ามีนัดกับลูกค้า ที่แท้คุณก็ไปกกอยู่กับอีหนู” คุณปภาดาต่อว่าด้วยเสียงกราดเกรี้ยว โดยไม่สนใจว่ามีลูกๆ นั่งฟังอยู่ด้วย
“คุณพ่อ! นี่คุณพ่อมีคนอื่นเหรอคะ ทำไมคุณพ่อถึงทำตัวน่าเกลียดแบบนี้ล่ะคะ” ปิ่นสุดาเอ่ยถามเสียงดัง
“ใช่แล้วยัยเปรม พ่อแกทำตัวน่าเกลียดที่สุด” คุณปภาดาช่วยผสมโรง
“ทำไมคุณพ่อต้องนอกใจคุณแม่ด้วย” ปิ่นสุดาโพล่งขึ้นอีกครั้ง
“หยุดนะยัยเปรม แกจะเชื่อแม่ของแกมากเกินไปแล้ว แล้วก็รู้เอาไว้ว่าพ่อไม่เคยทำตัวแบบนั้น” คนเป็นพ่อตวาดลั่น เพราะตัวท่านไม่เคยทำเรื่องทำนองนั้นแม้แต่ครั้งเดียว พลางย้อนให้คิดถึงความหลัง เพราะตนได้ทำผิดพลาดมาครั้งหนึ่งด้วยการมีความสัมพันธ์กับปภาดา เพื่อนสนิทของตวงรัตน์ หญิงสาวอันเป็นที่รักและคิดสร้างครอบครัวด้วยกันแต่ดันมาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
ซึ่งครั้งนั้นท่านกำลังสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนที่ได้ก่อสร้างโรงแรมขึ้นมา ก่อนจะเมามายและมีความสัมพันธ์กับปภาดา จนตวงรัตน์เข้ามาเห็นและหนีไป ตัวท่านเองอยากออกตามหาตวงรัตน์แทบขาดใจเมื่อรู้ว่าเธอได้หายไป ทว่าก็ต้องรับผิดชอบปภาดาที่เกิดตั้งครรภ์ขึ้นมา
“ฮึ! ขอให้มันจริงเถอะคุณกิต แล้วถ้าฉันรู้ว่าคุณหวนกลับไปหาผู้หญิงคนนั้นเมื่อไหร่ ฉันนี่แหละจะตามไปรังควานไม่ให้มันอยู่เป็นสุขแน่ รวมทั้งคุณด้วย อย่าหวังว่าฉันจะปล่อยให้คุณมีความสุข ในขณะที่ฉันเป็นทุกข์” คนเป็นภรรยาเหยียดปากพูด ทำให้ลูกทั้งสองคนที่ฟังอยู่ด้วยเกิดความสงสัย
“คุณแม่พูดถึงใครครับ” ปฐวี บุตรชายคนโตวัยยี่สิบหกปีเอ่ยถามด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะหันมองบิดาและมารดาสลับกันไปมา โดยมีปิ่นสุดาช่วยถามย้ำ
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น แม่ก็แค่พูดเผื่อเอาไว้แค่นั้น ปัดกับเปรมอย่าไปสนใจเลย ตอนนี้แม่ว่าเรามาช่วยกันคิดดีกว่า ว่าทำยังไงถึงจะหาเงินแปดสิบล้านมาใช้หนี้ที่พ่อแกไปก้อไว้ได้” คุณปภาดาบอกปัดพลางหันไปจ้องคู่ชีวิตที่นั่งหน้าเครียดมากกว่าเดิม
“คุณพ่อเป็นคนก่อเรื่อง ก็ต้องคิดหาทางเองสิคะ เปรมไม่ช่วยหรอกค่ะ เปรมไม่ชอบคิด เพราะมันน่าเบื่อจะตายไปค่ะ” ปิ่นสุดากล่าวจบก็เบ้ปาก
ทางด้านบิดาเงยหน้ามองด้วยความผิดหวังกับถ้อยคำของบุตรสาวคนโต ที่หากตนได้รับคำปลอบใจดีๆ สั้นๆ จากคนเป็นลูกบ้าง ตัวท่านคงมีกำลังใจต่อสู้ปัญหาได้มากกว่านี้ จากนั้นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ก็ถอนใจออกมาเบาๆ หลับตาอย่างคนคิดไม่ตก หากจะขายบ้านหลังนี้ก็คงไม่เพียงพอ แล้วไหนจะยังโรงแรมนั่นอีกที่ใกล้จะถูกฟ้องล้มละลายเพราะตนไปกู้เงินมาลงทุนและปรับปรุงเมื่อสี่ปีก่อน แต่งบก็มาบานปลายประกอบกับเศรษฐกิจไม่สู้ดีนัก อีกทั้งคู่แข่งก็มีมากมายปัญหาเลยรุมเร้า
“คุณกิต คุณจะมานั่งเงียบแบบนี้ไม่ได้นะ จะเอายังไงก็บอกฉันมาสิ” คุณปภาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด พลางจ้องหน้าคู่ชีวิตด้วยความผิดหวัง พร้อมเสียงถอนใจหนักๆ ไปกับความนิ่งเฉยของคู่ชีวิต ก่อนหวนนึกถึงอดีตที่หากรู้ว่าต้องมาตกอยู่ในภาพเช่นนี้แล้วละก็ เธอไม่ผสมยาให้คุณกิตติดื่มในคืนสังสรรค์เมื่อยี่สิบหกปีก่อนเป็นแน่
“คุณกิต! พูดมาสิว่าคุณจะเอายังไงกันแน่ กับปัญหาที่คุณไปก่อไว้” ฝ่ายผู้เป็นภรรยาอดทนไม่ไหวกับการนิ่งเฉยจึงเอ่ยถามคู่ชีวิตเสียงดังลั่น
