ตอนที่ 1
ตอนที่ 1
ห้องรับแขกภายในคฤหาสน์ของนักธุรกิจรุ่นใหญ่กำลังอยู่ในภาวะตึงเครียด เมื่อครอบครัวกำลังประสบภาวะหนี้สินท่วมหัวแบบไม่ทันได้รู้ตัว เนื่องจากคุณกิตติ อิทธิเชษฐ์ ผู้เป็นประมุขของบ้านเกิดหลงมัวเมากับการเล่นพนันกอปรกับกำลังประสบปัญหาเรื่องธุรกิจจนใกล้ถูกฟ้องล้มละลาย ไปกับคำชักจูงของเพื่อนจนถลำลึกสูญเสียเงินทองแทบหมดตัวยังไม่พอ ยังมีหนี้สินก้อนใหญ่ติดตัวมาด้วย ยิ่งทำให้ประมุขของบ้านตกอยู่ในภาวะเครียดอย่างหนักและกำลังถกเถียงกับคู่ชีวิต รวมถึงบุตรสาวและบุตรชายเรื่องหนี้สินก้อนใหญ่ที่ทางเจ้าหนี้ตามทวงไม่หยุดหย่อน อีกทั้งเจ้าหนี้รายใหญ่ก็ได้ยื่นข้อเสนอมาแบบที่คนเป็นพ่อไม่คิดจะทำตามอย่างเด็ดขาด
“คุณกิต คุณทำแบบนี้กับฉันกับลูกได้ยังไง แล้วนี่ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน มีหนี้สินท่วมหัวไม่พอ ยังจะถูกฟ้องล้มละลายอีก ฉันขอถามหน่อยเถอะ ว่าคุณจะหาเงินจากไหนตั้งแปดสิบล้านไปใช้หนี้เขา แล้วทั้งที่คุณก็รู้ว่าไอ้ธุรกิจโรงแรมของเรากำลังจะล้มละลายอยู่แล้ว แล้วทำไมคุณยังไปเล่นพนันให้มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมาอีกทำไม ตอบฉันสิว่าทำไม!” คุณปภาดากล่าวออกมาอย่างคนโกรธเคืองผู้เป็นสามี หยาดน้ำตาหยดลงอาบแก้มด้วยความผิดหวัง ที่สามีทำให้เธอต้องอับอายผู้คนโดยเฉพาะ ‘ตวงรัตน์’ ผู้หญิงที่คอยเป็นหนามทิ่มแทงใจอยู่ตลอดเวลา
“เลิกต่อว่าผมเสียเถอะคุณภา แล้วมันก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละ วันๆ เอาแต่ผลาญเงินไปให้ตาปัด ยัยเปรม จนลูกคุณไม่เคยคิดจะหันมาสนใจทำงานทำการเหมือนคนอื่น” คุณกิตติโต้กลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง ดวงตาของท่านแดงก่ำอย่างเหนื่อยหน่ายใจกับลูกทั้งสอง พลางให้หวนคิดไปถึงใบหน้าอ่อนหวานของบุตรสาวคนเล็ก ซึ่งได้ทุนไปเรียนอยู่ที่อังกฤษและจะเดินทางกลับมาในอีกสามวัน ลูกสาวคนนี้นิสัยดีและเชื่อฟังพ่อแม่ ต่างจากคนเป็นพี่ที่เป็นคู่แฝดกันลิบลับ ตัวท่านเองก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเหตุใดบุตรสาวที่คลอดห่างกันไม่กี่นาทีถึงมีนิสัยแตกต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นนี้
ปิ่นสุดา แฝดผู้พี่มีนิสัยเอาแต่ใจ ก้าวร้าว ไม่พอใจก็อาละวาด คนเป็นแม่ก็เอาแต่ให้ท้ายจนแทบเสียคน เรียนก็ไม่จบ วันๆ เอาแต่แบมือของเงิน ต่างจากปิ่นมุก ที่เกิดหลังแฝดผู้พี่เพียงแค่ไม่กี่นาทีแต่กลับมีนิสัยอ่อนหวาน นอบน้อม ตั้งใจเรียน ขยันแบ่งเบาภาระครอบครัวนับตั้งแต่รู้ว่าบิดากำลังประสบปัญหาเรื่องเงินทอง เจ้าตัวก็ไม่เคยสร้างภาระให้ ตั้งใจเล่าเรียนจนได้ทุนไปเรียนต่อจากอาจารย์ท่านหนึ่งที่เมตตาส่งเสียให้เรียนถึงเมืองนอกเมืองนาและกำลังจะเดินทางกลับมาให้คนเป็นพ่อเป็นแม่ได้ภาคภูมิใจ
“คุณอย่ามาโทษลูกฉันนะคุณกิต แล้วที่ครอบครัวต้องประสบปัญหาอยู่ตอนนี้ มันก็เป็นเพราะคุณนั่นแหละที่เป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ได้เรื่องเอง” ผู้เป็นภรรยาเถียงกลับเสียงแข็ง พลางเชิดหน้าขึ้นและก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง ที่คนเป็นพ่อเอ่ยปากต่อว่าบุตรชายคนโตและบุตรสาวคนรองครั้งไหน คนเป็นแม่จะออกรับแทนทุกครั้ง
“คุณก็เป็นเสียอย่างนี้แหละ ให้ท้ายเจ้าปัดยัยเปรมจนมันสองไม่เห็นหัวพ่อคนนี้แล้ว ส่วนตัวคุณ ลองหันไปถามลูกๆ ดูซะบ้างว่าเมื่อไหร่จะหางานทำกันเสียที โดยเฉพาะลูกชายของคุณที่ดีแต่ก่อเรื่องให้พ่อแม่ปวดหัว” คุณกิตติโต้กลับด้วยความระอาใจ
“ฉันเป็นยังไง แล้วลูกฉันเป็นยังไงคุณกิต คุณพูดมาให้ดีๆ สิ อีกอย่างตาปัดก็เพิ่งจะเรียนจบมาได้แค่สี่ห้าปี คุณจะให้ลูกทำงานเลยหรือไง ไม่คิดจะให้ลูกคุณพักผ่อนบ้างเลยเหรอ ส่วนยัยเปรม คุณก็รู้ว่ายัยเปรมยังเรียนไม่จบ แล้วจะให้ลูกไปทำงานที่ไหนล่ะ หรือคุณจะให้ตาปัดกับ ยัยเปรมไปทำงานในโรงแรม ที่คุณกำลังจะทำให้มันเจ๊งล่ะ” คุณปภาดาออกรับแทนบุตรทั้งสองเช่นทุกครั้ง แล้วก็ทำเสียงฮึดฮัดใส่สามีที่ก่อเรื่องจนเป็นหนี้สินท่วมหัว
