บท
ตั้งค่า

พบเจอ

“ทั้งหมด 60 บาทค่ะ”

หลังจากจัดการโต๊ะด้านหลังเขาเรียบร้อย ถึงได้กล้าเดินมาเก็บเงินกับคนตัวโตที่สุดในร้าน วันนี้เขาเป็นอะไร ทุกครั้งเห็นวางเงินไว้แล้วออกไปเงียบๆ วันนี้กลับเรียกให้เธอคิดเงินให้ ทั้งยังจ่ายด้วยธนบัตรสีเทาอีก

“สักครู่นะคะ” หนึ่งนภาล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าผ้ากันเปื้อน หยิบเงินที่เธอยัดๆใส่เข้าไป ขึ้นมานับแล้วเรียงกัน แต่เหมือนเธอจะมีไม่พอ กำลังจะเดินไปหยิบเงินกับเจ้าของร้านก็ถูกรั้งไว้ด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

“ดูเหมือนจะยังไม่ตายนี่นา แต่ทำไมต้องไปหลอกผีฉันทุกคืนด้วย”

ศิวะมองใบหน้าไร้เครื่องสำอางจนละเอียด รู้แน่ชัดแล้วว่าเธอคือคนที่เขาช่วยไว้ ถึงว่าน้ำเสียงคุ้นๆ ที่แท้เธอคือคนที่จะฆ่าตัวตายแล้วเขาช่วยไว้ทันนี่เอง

“ฉันทำแบบนั้นเหรอคะ” น้ำเสียงหวานพูดเบาลง เมื่อเจ้าของร้านมองมา เธอจึงทำมือบอกให้เขาเบาเสียงลงด้วย เพราะไม่อยากให้แม่สารู้ว่าเธอเคยคิดฆ่าตัวตาย

“ก็ยังมีเหลือนี่นา คนที่ดูเหมือนว่าจะยังไม่อยากให้เธอตาย” ศิวะมองใบหน้าเหี่ยวย่นที่มีแววกังวล ท่านคงได้ยินที่เขาพูด ถึงมองหน้าพนักงานของท่านด้วยสีหน้าห่วงใย

“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ฉันไม่มีอะไรตอบแทนคุณเลย” น้ำเสียงแผ่วเบาของเธอ ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วขึ้นสูง เขาแค่ช่วย ไม่ได้หวังอะไรตอบแทน จะมาตอบแทนอะไรเขา แค่เอาชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ให้รอดก็พอไหม

“ไปทำงานช่วยฉันไหมละ ฉันขาดคนช่วยพอดี”

แจ๋ว! ความคิดที่วิ่งเข้ามาในหัวครั้งนี้ สามัคคีกับปากพอสมควร คิดปุบพูดปับ จนเธอมีสีหน้าตกใจ เขาไม่ได้ขาดคนหรอก มีแต่จะไล่ออกด้วยซ้ำ ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดอะไรแบบนี้ออกมา

“ฉันทำงานที่นี่แล้วค่ะ และจะทำอยู่ที่นี่ไปตลอด”

เขาเพิ่งเคยเจอคนที่ปฎิเสธงานของเขา แต่ก็ไม่แปลกใจหรอก ถ้าเขาเป็นเธอ เขาก็อยากทำงานที่นี่ เจ้าของร้านนี้ใจดีมาก และที่เขามาทุกวัน เพราะอยากซึมซับความห่วงใยจากท่าน ในตอนที่เหนื่อยล้าจากการทำงาน

“แค่ตอนบ่ายไปถึง สามทุ่ม” เขายังคงต่อลอง มีบางอย่างที่เขาอยากพิสูจน์ เขาไม่รู้ว่าเธอกับผู้หญิงคนนั้นใช่คนเดียวกันไหม แต่เขาคิดว่าใช่ น้ำเสียงยิ่งใช่ แต่เขาไม่รู้ว่าเธอมีเหตุผลอะไรให้ทำแบบนั้น

“แม่คะ” หนึ่งนภาหันไปขอความเห็นจากคนที่เธอเคารพเหมือนแม่

“ไปสิลูก มันเป็นโอกาศ หนึ่งต้องลองให้โอกาศตัวเองบ้างนะ”

รอยยิ้มอ่อนโยนของท่าน ทำให้เธอตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว เคยหวังไว้ว่าเรียนจบจะเข้าทำงานที่นั่นอยู่เหมือนกัน แต่ชีวิตเธอพลิกผันอยู่ตลอด นี่คงเป็นโอกาศเดียว และคงเป็นโอกาศสุดท้าย

“ค่ะ ฉันจะไป” เมื่อได้คำตอบในใจ ก็เอ่ยตอบคนที่นั่งรออยู่เงียบๆ

“เอาเงินนั้นไป แล้วบ่ายโมงขึ้นไปหาฉันที่ห้องทำงาน ฉันจะบอกคนของฉันไว้ อย่าแต่งตัวแบบนี้เข้าไปเชียว”

ศิวะพูดจบก็ลุกขึ้นยืน เดินออกไปตามปกติ มุ่งหน้าสู่ตึกที่ตัวเองเป็นเจ้าของ ขึ้นไปข้างบนเงียบๆ โดยไม่คิดจะบอกคนของตัวเองอย่างที่พูดบอกเธอเลยสักนิด

หนึ่งนภามองเงินทอนในมือ แล้วมองสภาพตัวเอง หน้าเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ แม้จะคอยเช็ดออกอยู่ตลอดก็ตาม เสื้อผ้าก็ธรรมดา ไม่เหมาะกับงานผู้ช่วยเขาจริงๆนั่นแหละ

“เสร็จงานแล้วหนึ่งเข้าไปในห้องนอนแม่สิลูก”เจ้าของร้านที่ได้ยินทุกอย่าง พูดกับพนักงานของตัวเองเสียงดัง ก่อนจะกลับไปง่วนกับการทำอาหารต่อ หนึ่งนภาจึงทำงานต่อเหมือนเดิม เพื่อรอเวลาปิดร้านในอีก ชั่วโมงกว่าๆเท่านั้น

ร้านอาหารตามสั่งของสาวิกา เปิดตั้งแต่ตีห้า และปิดตอนเที่ยงถึงบ่ายแล้วแต่วัน เพราะของจะหมดช่วงนี้พอดี และวันนี้ก็ขายดีมากช่วง 11 โมง - เที่ยงครึ่ง จึงต้องเก็บร้านทั้งที่ยังมีลูกค้าแวะเวียนเข้ามาอยู่ตลอด

หลังจากเก็บร้านเสร็จ มือเล็กก็ถูกคนสูงวัยดึงลากเข้าไปในห้องนอน คนทั้งสองหยุดยืนหน้าตู้เสื้อผ้าของท่าน

“แม่เคยมีลูกสาว แต่ตอนนี้ไม่รู้ลูกคนนั้นไปอยู่ที่ไหน เหลือไว้เพียงเสื้อผ้าให้ดูต่างหน้า คาดหวังอยู่ตลอดว่าลูกจะกลับมา แต่ไม่เคยกลับมาเลยสักครั้ง ของพวกนี้มีไว้ก็ไม่ได้ใช้ หนึ่งรังเกียจไหม ถ้าจะใช้มัน”

ท่านรู้ดีว่าหนึ่งนภาประหยัด จนแทบจะเรียกว่าขี้เหนียว ไม่มีทางที่เธอจะเอาเงินนั่นไปซื้อเสื้อผ้าใหม่หรอก และเสื้อผ้าลูกสาวของท่านก็ยังทันสมัยอยู่ เพราะเธอเพิ่งจะขาดการติดต่อไปเมื่อสามปีก่อนเอง เสื้อผ้าพวกนี้หนึ่งนภาน่าจะยังใส่ได้อยู่

“พี่เขายังไม่เคยกลับมาเลยเหรอคะ” หนึ่งนภาเคยเจอเธอคนนั้น ลูกสาวของแม่สาสวยมาก ใบหน้าเธอมีสีสันอยู่ตลอดจนเธอแอบอิจฉา เคยคิดว่าพี่เขาไปมีครอบครัว ไม่คิดว่าพี่เขาจะทิ้งแม่ที่รักไปแบบไม่หวนกลับมาดูดำดีดีท่านเลยแบบนี้

“ยังเลย ป่านนี้คงมีลูกมีหลานไปแล้วมั้ง คงลืมแม่จนๆคนนี้ไปแล้ว”

เพราะรู้นิสัยลูกดี ลูกสาวท่านติดหรู ทำตัวเป็นคุณหนูตลอด และรังเกียจแม่ที่เป็นแม่ค้า แม้จะไม่ค่อยลงรอยกันมาตั้งแต่เธอเริ่มโตเป็นสาว แต่ท่านก็รักลูกสาวสุดหัวใจ

“หนูจะดูแลแม่เองค่ะ จะอยู่กับแม่จนกว่าพี่เขาจะกลับมา” หนึ่งนภาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าเหี่ยวย่นเบาๆ ถ้าท่านไม่มีใครเธอก็อยากดูแล อยากดูแลคนที่เธอรักเหมือนแม่คนนี้

“หนึ่งอย่าทิ้งแม่ไปอีกคนนะ สักวันหนึ่งจะเจอสิ่งที่มีความหมาย หนึ่งต้องมีชีวิตอยู่ต่อนะลูก”

คำพูดของเด็กหนุ่มคนนั้นยังกวนใจท่าน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหนึ่งนภา แต่คำพูดนั่นก็ทำให้ท่านกังวลมาก หนึ่งนภารักน้องสาวมาก คงรู้สึกเหมือนโลกนี้สูญสิ้นหลังสูญเสียน้องสาวไป เธอคงไม่คิดจะมีชีวิตอยู่ต่อ และเด็กหนุ่มคนนั้นน่าจะช่วยไว้ทัน

“ค่ะ หนึ่งจะมีชีวิตอยู่ต่อ” เธอเจอเพิ่มอีกหนึ่งคนแล้วที่อยากให้เธออยู่ต่อ หวังว่าในอนาคตโลกของเธอจะกว้างขึ้น มีคนที่เธออยากอยู่ด้วยเพิ่มมากขึ้น

หนึ่งนภาเลือกชุดที่เรียบที่สุดในตู้ออกมา แอบปาดเหงื่อนิดๆเมื่อเลือกเสร็จ เสื้อผ้าเยอะมากแต่แทบจะไม่มีชุดที่เธอกล้าใส่เลย และชุดที่เลือกมา ก็ถือว่าเรียบร้อยที่สุดแล้ว

หนึ่งนภามองชุดสีชมพูหวานแบรนด์ดังอย่างชั่งใจ แต่เมื่อมองนาฬิกาในห้องแล้วมันเลยเวลาบ่ายโมงไปมาก ก็รีบขยับตัวไปอาบน้ำพร้อมกับชุดที่ถือเข้าไปด้วย

บ่อยครั้งที่เธอใช้ห้องอาบน้ำของเจ้าของร้าน วันไหนที่มีสอบบ่าย เธอจะอาบน้ำที่นี่ก่อนไปสอบเสมอ จึงไม่ค่อยกระดากอายมากนักที่ต้องใช้ของๆนายจ้าง เพราะท่านอนุญาติให้เธอใช้ได้เต็มที่

“เครื่องสำอางพวกนั้นเอาไปใช้ได้เลยลูก แม่เอาออกมาจากตู้เมื่อกี้” คนที่นั่งพักเหนื่อยบนเตียง บอกเด็กสาวที่ออกมาด้วยชุดเรียบร้อยที่สุดที่ลูกสาวของท่านมี แต่ท่านคิดว่าชุดนี้เหมาะกับหนึ่งนภามากกว่าลูกสาวท่านซะอีก

“ขอบคุณค่ะ” หนึ่งนภายกมือไหว้ มองเครื่องสำอางที่ยังไม่เคยแกะออกมาใช้อย่างเกรงใจ มันถูกเก็บรักษาอย่างดี เหมือนรอให้เจ้าของกลับมาใช้ แต่ท่านคงไม่หวังแล้วว่าลูกสาวจะกลับมา ถึงได้แกะออกมาให้เธอแบบนี้

หนึ่งนภาแต่งหน้าบางๆ ไม่กล้าแต่งมากเพราะกลัวเขารู้ ไม่กล้าเขียนอายไลน์เนอร์ ทำเพียงแค่เขียนคิ้วให้มันเด่นชัด และปัดแก้มนิดๆเท่านั้น เท่านี้คงไม่ได้ดูแย่มั้ง เพราะเธอไปทำงาน ไม่ได้ไปขายตัวให้เขาเหมือนคราวที่แล้วสักหน่อย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel