บทที่5 เมียป่วย(1/2)
"ไอโอมๆๆ อย่างพึ่งไป"
โยที่รีบวิ่งหน้าตั้งออกมา ตะโกนเรียกน้องที่รู้จักเสียงดัง โชคดีที่โอมกับดื้อยังไม่ออกไปไหนไกล แค่ยืนอยู่ที่หน้าร้านนี่เอง
"มีไรพี่" โอมหยุดหันไปคุยกับพี่โย สองมือแกร่งยังคงประคองร่างของเพื่อนตัวน้อยที่ทำท่าจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ไว้
"เกิดปัญหาบัญชีว่ะ มึงอยู่คุยก่อนได้เปล่าว่ะ" โยเอ่ยด้วยสีหน้าเครียด โอมที่ได้ยินก็เครียดตามเช่นกันเพราะเขาเองเป็นหุ้นส่วนของพับนี้ด้วย
"แต่ไอดื้อมันง่วงแล้วดิพี่ พรุ่งนี้เช้าได้เปล่า" โอมหันไปมองหน้าเพื่อนตัวน้อยที่ซีดเป็นไก่ต้มก็คิดหนัก เขาอยากเอาไอตัวดีนี่กลับไปถึงบ้านให้ได้ก่อน ปัญหาพับก็สำคัญแต่เพื่อนก็สำคัญไม่น้อยเหมือนกัน
"ไม่เป็นไรมึง กูนั่งแทกซี่กลับได้" ร่างบางที่ได้ยินบทสนทนาของเพื่อนกับพี่โยก็รีบปฏิเสธเพื่อนตัวโตทันที
"แต่มึงไม่ค่อยดี"โอมยังคงกังวลอยู่ถ้าจะปล่อยให้ร่างบางไปคนเดียว
ในขณะที่โอมคิดไม่ตกอยู่นั้นก็มีรถยนต์คันหรูขับเข้ามาจอดเทียบพวกเขาสามคน ก่อนที่ประตูจะเปิดออกปรากฏร่างของชายหนุ่มตัวสูงดูดีมากๆออกจากรถมา เขาเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าพวกเขาสามคน ใบหน้าคมหล่อมองมายังเจ้าดื้อเพื่อนของเขาเพียงคนเดียว
"เจ้าดื้อครับ" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียกเด็กน้อย ร่างบางหันมองไปตามเสียงเรียกก็พบกับคนที่รู้จัก
"คุณทศกัณฑ์ มาทำไรที่นี่ครับ" เสียงแหบแห้งเอ่ยถามคนตรงหน้าไป ตอนนี้ร่างกายเขาร้อนขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากพิษไข้ที่ก่อตัว สองขาเริ่มอ่อนแรงยืนไม่ไหวจนโอมต้องประคองไว้มั่น
โยที่เห็นว่าดื้อรู้จักกับทศกัณฐ์ก็ตกใจ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยมีข่าวคราวเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็ก หรือซื้อกินเลย แต่สายตาของทศกัณฐ์ที่มองเจ้าดื้อลูกน้องของเขานี่มันต้องมีอะไรแน่นอน เขาสัมผัสได้
ส่วนโอมที่เห็นก็พอจะเดาๆออกว่าผู้ชายตรงหน้าคือคนที่เจ้าดื้อเล่าให้ฟัง หรือสั้นๆก็คือผัวของเพื่อนนั่นแหละ
"มารับครับ" ร่างสูงตอบพร้อมกับก้าวเข้าไปช่วยโอมประคองร่างบางที่ท่าจะล้มลงไปเอาไว้
โยที่เห็นดังนั้นจึงสะกิดรุ่นน้องอย่างโอมว่าให้ปล่อยเจ้าดื้อไปกับคุณทศเขาซะ แล้วมึงมาคุยกับกูเรื่องงานนี่
โอมมีสีหน้าลำบากใจ งานก็อยากคุย แต่เพื่อนก็ห่วง ผู้ชายคนนี้ไว้ใจได้แค่ไหนก็ไม่รู้
ร่างบางที่เห็นสีหน้าคิดมากของเพื่อนจึงเอ่ยออกไป "เดี๋ยวกูกลับกับเขา มึงไม่ต้องห่วง"
"แต่ว่า..."โอมยังคงมองทศกัณฐ์อย่างไม่ค่อยไว้วางใจ
"ไม่มีแต่ ถ้าให้กูเถียงกับมึงอยู่ตรงนี้ กูว่ากูเป็นลมแน่ๆ" ร่างบางเอ่ยตอบเพื่อนรักไป เขาเริ่มยืนไม่ไหวแล้วจริงๆ ในเมื่อทศกัณฐ์มารับเขาแล้วก็เป็นโอกาศมีเหตุผลให้ไอโอมได้อยู่คุยงานต่อโดยไม่ต้องห่วงเขา
"เห้อ มึงนี่นะ รู้ว่ากูยอมมึงตลอด"
.....
"เออๆ มีอะไรก็โทรมาล่ะกัน กูคุยกับพี่โยก่อน" โอมบอกเพื่อนตัวน้อยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ไอนิสัยไว้ใจคนง่ายของมันเมื่อไหร่มันจะหายสักที
"อื้อ ไปกันเลยมั้ยครับ" ร่างบางพยักหน้าให้โอมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปถามทศกัณฐ์ที่ยืนรออยู่
"อ้ะ!" ร่างสูงไม่ได้ตอบอะไร กลับช้อนร่างบางขึ้นมาไว้แนบอก ร่างบางที่ตกใจกลัวตกจึงโอบคอของร่างหนาเอาไว้ทันที
โอมที่เห็นดังนั้นจึงรีบไปเปิดประตูรถฝั่งคนนั่งให้ทศกัณฐ์
แขนแกร่งค่อยๆว่างร่างบางลงที่เบาะนุ่ม พลันดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เสร็จสรรพ
"ไปนะมึง" ร่างบางหันมาบอกเพื่อนตัวโตที่ยืนมองเขาอยู่ โอมพยักหน้าให้เป็นอันว่าเข้าใจก่อนจะหันหลังเดินเข้าไปข้างในกับพี่โยทันที
ทศกัณฐ์ที่เดินมานั่งฝั่งคนขับแล้ว เอาหลังมือยื่นมาแตะไว้ที่หน้าผากมล ความร้อนแผ่ซ่านส่งมายังมือแกร่ง
"หาหมอมั้ย" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามร่างบางด้วยความเป็นห่วง มือหนายังคงลูบหัวเล็กนั้นไปมาด้วยความเป็นห่วง
ใบหน้าสวยส่ายระรัว แววตามองไปอย่างขอร้องเชิงอ้อนว่าอย่าพาเขาไปหาหมอเด็ดขาด
"งั้นไปคอนโดฉัน" ทศกัณฐ์ที่เห็นแววตานั้นก็ทำได้แค่ถอนหายใจ ยังไม่ทันไรเขาก็รู้สึกแพ้เจ้าดื้อเด็กน้อยคนนี้ราบคาบเสียแล้ว
เจ้าดื้อไม่ได้ปฏิเสธร่างสูงที่จะพาไปคอนโดเขา ตอนนี้ร่างบางแค่อยากนอนหลับให้เร็วที่สุด เพราะหัวเขามันเริ่มปวดจากพิษไข้หนักขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่มีแรงจะเอ่ยบอกทางกลับบ้านตัวเองหรอกด้วยซ้ำ ทำได้แค่พยักหน้าเบาๆเป็นอันตกลงว่าไปคอนโดของคนตัวโตนั่นแหละ ก่อนที่จะหลับตาลงและเข้าสู่ห่วงนิทราไปในทันที
"...."
ความเงียบเข้าปกคลุมในรถ ร่างสูงไม่ได้เอ่ยอะไรอีก เขายังคงใช้สมาธิไปกับการขับรถให้นิ่มที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อให้เด็กน้อยข้างๆที่เขาปรับเบาะนอนให้ได้หลับสนิท แม้จริงๆแล้วเขานั้นตีนผียิ่งกว่าใครก็เถอะ แต่ตอนนี้กลับขับขี่ได้ดีจนถ้าเหมยเลขาคนสนิทมาเห็นเข้ามันคงล้อยันเขาตาย
