ตอนที่2. ทำไงได้รูปหล่อพ่อรวย
“ถ้าแม่เข้าใจก็คงดี”
จิณณ์ถอนหายใจ เมื่อนึกถึงมารดา
จงกลนีไม่เคยเห็นด้วยที่ลูกชายคนเล็กเลือกเรียนศิลปะและยิ่งไม่เห็นด้วยที่จุณจะย้ายตัวเองขึ้นมาอยู่เชียงใหม่
จิณณ์ต้องรับหน้าเสื่อแทนจุณตลอดมา
เขาเอ่ยปากขอร้องให้มารดาปล่อยให้จุณทำอะไรตามที่ตัวเองต้องการ เขารักน้องชายมากจนอยากให้น้องทำในสิ่งที่เขาฝัน
แล้วจุณก็ทำได้ดีในเส้นทางที่ตัวเองเลือก
เขาเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง สามารถทำงานศิลปะเพื่อยังชีพโดยไม่เคยสนใจกิจการของครอบครัว หากเป็นพี่น้องคนอื่นที่ชิงดีชิงเด่นอิจฉาริษยาก็คงดีใจที่จุณไม่เคยมาสนใจผลประโยชน์ของตน
แต่ไม่ใช่พี่ชายอย่างจิณณ์
เขามีน้องชายเพียงคนเดียว ตั้งแต่เด็กจนโตที่พ่อแม่ต้องทำธุรกิจจนไม่มีเวลาให้ลูกๆ ทั้งคู่จึงต้องไปอยู่โรงเรียนประจำก่อนถูกส่งไปเรียนต่อเมืองนอก
ด้วยความรักน้องชาย จิณณ์ปล่อยให้เขาได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบ ส่วนตัวเองเรียนทางด้านบริหารเพื่อมาสานต่อกิจการของครอบครัว
กว่าพ่อกับแม่จะรู้ ก็เมื่อลูกชายทั้งคู่บินกลับมาแล้ว
“ขนาดทุกวันนี้ ยังเอาแต่บ่นถึงนายจุณจนฉันจะหูชาตาย”
“เอาน่า ก็ฉันไม่เห็นว่านายจะทุกข์ร้อน วันๆควงแต่สาวสวยไฮโซ หนังสือพิมพ์กรอบซุบซิบแวดวงคนดังลงรูปนายกับสาวๆออกบ่อย”
“เฮ้อ น่าเบื่อจะตายชัก” จิณณ์เหยียดริมฝีปาก
สีหน้าเขาบ่งบอกถึงความหมายทำนองนั้นจริงๆ
“จะทำอะไรก็ต้องคอยมีคนมาจับจ้อง”
“ทำไงได้รูปหล่อพ่อรวย”
“บางทีฉันล่ะอิจฉาพวกนายจริงๆ ที่จริงมีชีวิตเงียบๆอย่างพวกนายก็ดีเหมือนกัน”
คราวนี้ พัลลภนิ่งไปมือที่กำลังเปิดดูเอกสารต่างๆชะงักงันไปเล็กน้อย แววตาหรุบแสงลง ก่อนเปรยแผ่ว
“มันก็ไม่ดีเสมอไปหรอกนะ นายอาจจะมองแค่ผิวเผิน หากเลือกได้ใครบ้างอยากจะเป็นอย่างนี้”
เสียงแค่นหัวเราะราวหยันตัวเองทำให้จิณณ์รู้สึกตัว
คำพูดของเขาคงไปสะกิดความรู้สึกบางอย่างที่อยู่ในส่วนลึกของพัลลภเข้า
“ที่นี่ ล้วนเป็นชาวบ้านที่ห่างไกลความเจริญ วันๆต้องออกไร่ออกนากันหมด กลับมาถึงก็พักผ่อนเช้ามาก็ดิ้นรนให้อยู่รอดไปวันๆ ถึงไม่มีเวลาสนใจใคร”
พัลลภถอนหายใจ
“ฉันกับจุณถึงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้ ถ้าเป็นในเมืองสิ...” เขาทำเสียงขึ้นจมูก “ป่านนี้คงไม่มีที่ยืนสำหรับเราทั้งคู่”
แน่ล่ะ...คนหนึ่งเป็นนายแพทย์ที่มาจากครอบครัวข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นผู้ดีเก่า
อีกคนเป็นหลานชายคนเล็กของตระกูลเจ้าสัวที่ทำธุรกิจสืบต่อกันมา ชวัลบิดาของจิณณ์จะเป็นข้าราชการที่มาจากครอบครัวเกษตรกรแต่เมื่อได้มาตกล่องปล่องชิ้นกับลูกสาวเจ้าสัว
ชวัลก็ลาออกมาช่วยภรรยาทำธุรกิจจนขึ้นไปยืนแถวหน้าของแวดวงนักธุรกิจผู้มั่งคั่ง
ทั้งสองครอบครัวคงไม่มีวันใจกว้างยอมรับความรักข้ามเพศของทั้งคู่ ต่อให้โลกก้าวหน้าไปไกลแล้ว แต่ก็ยังหัวโบราณเลี้ยงลูกหลานเหมือนไข่ในหิน
ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามความเชื่อดั้งเดิม
โดยเฉพาะจงกลนีที่ทำตัวเป็นไฮโซอยู่ในวงสังคมชั้นสูง
“เออ แล้วนี่นายจุณเขาจะไปสักกี่วันกัน ฉันติดต่อเขาไม่ได้” จิณณ์เปลี่ยนเรื่องนึกเสียใจที่สะกิดแผลเป็นของเพื่อนขึ้นมา
โชคดีน้องชายของเขาไม่ได้อยู่ด้วย
รายนั้นอารมณ์อ่อนไหวกว่าพัลลภเป็นเท่า ด้วยความเป็นศิลปินของเจ้าตัว
“อืม เที่ยวนี้คงนานหน่อย ราวเดือนหนึ่งนั่นล่ะ เขาไปอยู่บ้านเพื่อนบนภู”
พัลลภบอกด้วยน้ำเสียงปกติ เรื่องที่จุณคนรักแบกเป้ขึ้นภูไปวาดรูปเป็นเรื่องที่เขาทำจนเป็นวิสัย
แต่บางช่วงที่เขานึกครึ้มอยากอยู่บ้านก็จะไม่ยอมออกไปไหนเลย
“ธุระด่วนหรือเปล่า จะได้เมล์ไปบอกว่านายมา ให้กลับลงมาก่อน” พัลลภถาม
“ไม่เป็นไร ปล่อยให้เขาทำงานเถอะ ฉันมาพักผ่อนให้หายปวดหัวก็เท่านั้น”
“งานยุ่งหรือ” พัลลภเงยหน้าจากแฟ้ม มองเพื่อนด้วยความเห็นใจ
เขารู้ว่าจิณณ์รักและเสียสละความสุขส่วนตัวเพื่อให้น้องชายได้ใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง
