ตอนที่1.คนที่สวมเสื้อกราวน์
บทนำ
ในตอนนี้เขาคือคนที่นำข้อเสนอที่ดีมามอบให้นวลปราง
จำนวนเงินที่หล่อนจะไม่มีวันหาได้อีกแล้ว ในระยะเวลาเพียงแค่หกเดือน นอกจากจะใช้มันรักษาลูกสาวแล้วยังเผื่อเหลือใช้เป็นทุนทำมาหากินด้วยซ้ำ
“แต่ไม่คิดจะแต่งงานกับคุณจริงๆหรอกนะ” จิณณ์บอก “ผมยังอยากใช้ชีวิตโสด ไม่อยากมีพันธะ”
“ข้อนั้นฉันรู้อยู่แล้ว เห็นคุณครั้งแรกฉันก็ดูออก” เธอมองเขาอย่างคนรู้ทัน และจิณณ์เชื่อว่า แววตาที่มองเขาไม่ได้สื่อความหมายพิเศษใดเลย
“คุณมันเสือผู้หญิง”
“แล้วทำไมยังคิดมาทำตามข้อเสนอของผม ไม่กลัวหรือไง”
“เงิน!”
คำตอบสั้น ชัดเจน ไม่ต้องอธิบายความใดให้ยืดยาวอีก...
.......
ตอนที่1.
“แล้วคราวนี้จะอยู่สักกี่วัน”
พัลลภหันมาถามเพื่อนรัก หลังจากเสร็จสิ้นการตรวจคนไข้ประจำวันภายในตึกผู้ป่วยห้องพิเศษเรียบร้อยแล้ว จิณณ์เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันที่โรงเรียนประจำสมัยมัธยม ก่อนต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนต่อคนละสาขา ขณะที่พัลลภจบแพทย์ ส่วนจิณณ์จบทางด้านการบริหาร
ไม่น่าแปลกที่ใครต่อใครที่เดินสวนไปตามทางเดินภายในโรงพยาบาล ต่างอดลอบมองความแตกต่างของชายหนุ่มทั้งคู่
คนที่สวมเสื้อกราวน์ใส่แว่นสายตาสั้นกรอบกลม ดูสุภาพเรียบร้อยทั้งยังมีผิวพรรณขาวสะอ้าน ผิดกับอีกคนที่มาดราวเพลย์บอยหนุ่ม ทั้งยังผิวสองสีที่เรียกกันว่าสีน้ำผึ้งไม่ใช่ดำ อย่างฝรั่งที่เพิ่งอาบแดดมา
ทั้งรูปร่างหน้าตาก็ผิดกัน
นายแพทย์หนุ่มตัวผอมหน้าตาบ่งบอกความเป็นไทยแท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะที่อีกคนดวงตาเล็กเรียวตามเชื้อชาติจีนของบรรพบุรุษ
หากเป็นตี๋หนุ่มสไตส์เกาหลีจึงเป็นที่ลอบเหลียวมองของสาวๆ
จิณณ์ตอบคำทักถามของเพื่อน “ไม่รู้ แล้วแต่อารมณ์”
เขาหมายความตามนั้นจริงๆ เพราะคราวนี้กะอยู่โยงไปเรื่อยๆจนกว่าจะหายเซ็ง
“ทะเลาะกับแม่?” พัลลภกระเซ้ายิ้มๆ
“นิดหน่อย” จิณณ์ยักไหล่ทำท่าว่าเป็นเรื่องปกติ
พัลลภยิ้มอย่างไม่แปลกใจ เพื่อนของเขาคนนี้ใช้ชีวิตเป็นเพลย์บอยไม่ยอมโต ทั้งที่อายุปาเข้าไปสามสิบกว่าแล้ว
หากเป็นสามสิบที่ยังดูหนุ่มกว่าวัย เพราะจิณณ์ดูแลตัวเองตามประสาหนุ่มเจ้าสำอางทั้งเล่นกีฬาทั้งมีรสนิยมในการเลือกเสื้อผ้าให้ดูเหมาะกับตัวเอง
ท่าทางจิณณ์เสียอีกที่น่าจะมีรสนิยมคล้ายเพศหญิง แต่ไม่ใช่...
“แล้วนี่นายจุณเป็นไงบ้าง” จิณณ์ถามถึงน้องชาย
เมื่อเอ่ยถึงมารดา ก็ชักอยากเปลี่ยนเรื่องเพราะยังอยากแกล้งลืมๆต้นเหตุที่ทำให้เขาขับรถออกจากบ้านตั้งแต่กลางดึกแล้วดั้นด้นมาหาเพื่อนรักกับน้องชาย
“จุณสบายดี มีความสุขเหมือนเดิมตามประสา” แววตาคนพูดเปล่งประกาย เมื่อเล่า
“ตอนนี้เขาขึ้นไปบนดอยเห็นว่าจะเก็บตัวทำงานเงียบๆสักเดือนสองเดือน เร็วๆนี้จะมีแกลเลอรี่เปิดใหม่ เขาของานจุณไปแสดง”
“อะไรว่ะ ที่นี่ยังไม่เงียบอีกหรือไง” จิณณ์บ่น
เขาขับรถโฟล์วิลไดร์ฟขึ้นมาหาพัลลภที่ตัวอำเภอซึ่งอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่หลายกิโล
ที่นี่เป็นอำเภอเล็กๆแวดล้อมด้วยขุนเขา ชาวบ้านพื้นถิ่นไม่กี่หลังคาเรือน พัลลภทำงานเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลเล็กๆ เขาเป็นแพทย์ชนบทที่มีอุดมการณ์ ใช้ชีวิตเรียบง่ายสมถะ ทั้งที่มาจากครอบครัวที่มีฐานะ
โชคดีพ่อแม่ของพัลลภเข้าใจลูกชายทุกอย่างและปล่อยให้เขาใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการอาจเพราะทั้งพ่อและแม่ของชายหนุ่มรับราชการทั้งคู่ จึงไม่เห็นว่าชีวิตที่ลูกชายเลือกจะหลุดออกจากกรอบแต่อย่างใด
ผิดกับชายหนุ่มอีกคน
“นายก็รู้ น้องชายนายเป็นศิลปิน” พัลลภหัวเราะ ขณะเปิดประตูห้องทำงานโดยมีจิณณ์เดินตามเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ตรงข้าม
พัลลภหยิบแฟ้มเอกสารขึ้นมาเปิดดู ทำงานไปด้วยคุยกับจิณณ์ไปพลาง
จิณณ์ชินแล้วกับภาพที่เขาเห็นเพื่อนรักง่วนอยู่กับงานในโรงพยาบาลเล็กๆแห่งนี้
พัลลภอยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการก็จริง แต่ในชีวิตประจำวันเขาลงมือทำแทบทุกอย่างจนชาวบ้านต่างรักใคร่หมอพัลลภ
